“พลังที่พวกเขาร่วมกันแสดงออกมานั้นเทียบได้กับพลังของนักยุทธ์ระดับจันทรา ซึ่งทำให้ผู้คนตกตะลึงเป็อย่างมาก!”
ผู้จัดการฉางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะยิ้มเจื่อนออกมา เขาทุ่มพลังสุดแรงในการสร้างโล่แสงป้องกันด้านหน้า เพื่อต้านอสนีบาตที่กำลังกระหน่ำลงมา
ด้วยแรงที่กระจายออกเป็วงกว้าง ทำให้โล่แสงได้รับผลกระทบไปด้วย พื้นผิวโล่เต็มไปด้วยแสงที่สะท้อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เคราะห์ดีที่ทุกคนเตรียมการป้องกันไว้ มิเช่นนั้นคงถูกสังหารโดยที่ไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน
เมื่อเงาของหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียจางหายไป ท้องฟ้าจึงค่อยๆ สว่างขึ้น พื้นหินที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็หลุมใหญ่ที่มองไม่เห็นก้นหลุม
ลมหายใจของเจียงอิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับระเหยออกไปจากโลกใบนี้
เสี่ยวเมิ่งรู้สึกโล่งใจ นางยิ้มพลางมองแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ลอดผ่านกลุ่มเมฆก่อนจะพึมพำออกมา “ท่านปู่...”
“เฮ้อ”
หลิววั่นซานถอนหายใจเมื่อเห็นสายตาที่เปลี่ยนแปลงไปของหยวนจุน หากรู้แต่แรกว่าเขามีความสามารถถึงเพียงนี้ คงไม่ปล่อยให้เขาไปจากตระกูลหลิวแน่นอน!
“ผู้าุโชิว เื่ระหว่างข้ากับตระกูลเซียว โรงประมูลยังคงยืนยันเหมือนที่กล่าวไว้เมื่อครู่นี้ใช่หรือไม่?”
ผู้าุโชิวปัดคิ้วยาวเบาๆ เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “โรงประมูลยึดหลักความยุติธรรม ไม่เข้าร่วมการต่อสู้กับตระกูลใด ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง”
“ดี เช่นนั้นขอผู้าุโชิวโปรดออกไปจากที่นี่โดยเร็ว หากไม่ฆ่าเซียวหาน ไม่ช้าก็เร็วนางต้องกลายเป็ภัยใหญ่หลวงต่อตระกูลหลิวของข้าอย่างแน่นอน”
สายตาของหลิววั่นซานเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เขายกมือขึ้น ก่อนจะจ้องไปที่ลำคอของเซียวหาน
“ผู้นำหลิวทำเช่นนี้ ดูแล้วไร้ศีลธรรมไปหน่อยกระมัง? หากบอกว่าระหว่างท่านกับตระกูลหลิวเป็ความแค้นที่มิอาจอยู่ร่วมกันได้ เราคงไม่มีความเห็นเกี่ยวกับความเป็ธรรมนี้แล้ว”
“แต่การที่ท่านไม่เลือกข้างเพื่อที่จะจัดการกับตระกูลเซียวเช่นนี้ คงยากที่จะได้รับการนับถือจากผู้คน! เพราะมิใช่แค่ตระกูลหลิวที่ต้องอับอาย แต่นักยุทธ์ทั้งเมืองเทียนอวิ่นก็ต้องอับอายไปด้วย!”
“หากเื่นี้แพร่ออกไป ภาพลักษณ์ของเมืองเทียนอวิ่นคงดูไม่ดีในสายตาของผู้คนเมืองอื่น ดังนั้นท่านคิดว่าจะสามารถูเาสองแดนได้อีกหรือ?”
“วันหนึ่งเมืองเทียนอวิ่นจะต้องตกต่ำด้วยน้ำมือตระกูลหลิวของท่าน!”
เมื่อหยวนจุนกล่าวออกมา ฝูงชนจึงส่งเสียงเห็นด้วยขึ้นมาทันที ยิ่งหลังจากได้ยินว่าหลิววั่นซาน้าส่งพวกเขาไปยมโลก อารมณ์นั้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น!
เมื่อเห็นฝูงชนเอนเอียงไปทางอีกฝ่าย หลิววั่นซานจึงหลับตาแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น
เหตุผลที่คนพวกนี้กล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขา เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่าหยวนจุนมีความเกี่ยวข้องกับผู้าุโกวนของโรงประมูล!
ตราบใดที่สามารถขึ้นสู่ระดับสูงของโรงประมูลได้ ย่อมได้รับการสนับสนุนอยู่แล้ว เขาจะเกรงกลัวตระกูลหลิวได้อย่างไร?
“หยวนจุน เ้ามิต้องมาแกล้งทำเป็สนใจเื่ของตระกูลหลิว! ั้แ่เ้าปฏิเสธเยียนเอ๋อร์ เ้าก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิวของข้าอีกแล้ว!”
“หากมิใช่เพราะผู้าุโชิวและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ เ้าจะกล้าออกความเห็นได้อย่างไร!”
ใบหน้าของหลิววั่นซานเปลี่ยนเป็แดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขาถูกลมปราณดันขึ้นไปจนถึงศีรษะ
หยวนจุนยิ้มออกมาเล็กน้อย เขารีบย้ายตนเองไปอยู่ข้างผู้าุโชิวและเซียวหาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “เช่นนั้นต้องขอโทษด้วย ส่วนเซียวหาน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องช่วย!”
“แค่เ้าเนี่ยนะ!”
หลิววั่นซานเกร็งร่างกาย เขาคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับพลังที่พร้อมจะปลิดชีพผู้คน
“แม้เขาจะมีพลังไม่พอ แต่ถ้าหากรวมข้าเข้าไปด้วยล่ะ?” เสี่ยวเมิ่งยืนอยู่ข้างหยวนจุน ร่างอรชรในชุดสีดำหรูที่สง่างามกับน้ำเสียงที่เหมือนดั่งมีเวทมนตร์ ทำให้หลิววั่นซานถึงกับตกตะลึง
“ในเมื่อผู้าุโกวนออกหน้าเื่นี้ เช่นนั้นคงต้องเกี่ยวข้องกับโรงประมูลแล้วล่ะ” ผู้าุโชิวเลิกคิ้ว เขายิ้มเบาๆ พลางลูบเคราไปด้านหน้า
“ผู้าุโกวนเป็ผู้าุโที่ขึ้นกับโรงประมูลซึ่งถือเป็คนของโรงประมูล ทั้งนี้ จะบอกว่านางไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ เพราะขึ้นอยู่กับความประสงค์ของนาง มิใช่ความเห็นของโรงประมูล”
หลังจากได้ยินคำพูดของผู้าุโชิว หยวนจุนจึงยิ้มเจื่อนออกมา ไม่ว่าผู้ใดที่ได้ยินก็ต้องรู้สึกถึงความเ้าเล่ห์ไม่มากก็น้อย
ซึ่งความหมายก็ชัดเจนอยู่แล้ว แม้เสี่ยวเมิ่งจะเป็ผู้าุโของโรงประมูล แต่นางไม่จำเป็ต้องอาศัยตำแหน่งของโรงประมูล หากนาง้าที่จะเข้าไปแทรกแซงเื่นี้ นั่นถือเป็เื่ส่วนตัว
แต่ถ้าหากเกิดเื่ใดขึ้นกับเสี่ยวเมิ่ง เช่นนั้นจะแตกต่างออกไป กล่าวได้ว่าโรงประมูลมิอาจเห็นผู้าุโของตนเองถูกทำร้ายได้
“ผู้าุโชิว ท่าน!”
หลิววั่นซานโกรธจนริมฝีปากสั่นเมื่อได้ยินคำพูดยั่วยุเช่นนี้ หากวันนี้เขาลงมือกับหยวนจุน โรงประมูลจะต้องไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน
หลิววั่นซานบ่นในใจ แต่ใบหน้ากลับแสดงออกมาว่ากำลังจะรามือ เขากล่าวว่า “ในเมื่อโรงประมูลยื่นมือเข้ามาแล้ว เหตุใดตระกูลหลิวต้องหาเื่ใส่ตัวด้วยเล่า?”
“ฮาฮา เช่นนั้นเื่ในวันนี้ก็แล้วกันไป ผู้าุโชิว ผู้จัดการฉาง ขอลา!”
หลังจากหลิววั่นซานแสดงมารยาทต่อพวกเขาทั้งสองแล้ว เขาจึงเบนสายตาก่อนจะพาหลิวหรูเยียนไปพักทีู่เาสองแดน
“พี่จุน หลิววั่นซานเป็คนใจคอโเี้ แม้เื่นี้จะถูกเราขัดขวางไว้ได้ แต่ข้าเชื่อว่าเขาไม่มีวันเลิกราอย่างแน่นอน”
เสี่ยวเมิ่งเอ่ยออกมาเบาๆ ก่อนจะเหลือบไปมองหยวนจุน
เมื่อได้ยินนางเรียกหยวนจุนด้วยสรรพนามที่คลุมเครือ ผู้าุโชิวและผู้จัดการฉางจึงมีสีหน้าสงสัยทันที ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะหันไปให้ความสนใจเซียวจั้นที่หมดสติไปแล้ว
เืที่ไหลออกจากมุมปากเริ่มแห้งกรังและเป็คราบดำ พิษจากเมือกหลงิญญาคงเริ่มกัดกร่อนอวัยวะภายใน จนตอนนี้แทบจะช่วยไม่ได้แล้ว
หยวนจุนที่นั่งยองๆ อยู่ข้างเซียวจั้นถือโอกาสจับข้อมือของเขา ก่อนจะััได้ชัดเจนว่าชีพจรเริ่มอ่อนแรงแล้ว หากยังล่าช้า แม้แต่เหล่าเซียนก็มิอาจช่วยเขาได้
“ข้าขอถามผู้าุโ เมือกหลงิญญานี้มียาถอนพิษหรือไม่? หากสามารถช่วยท่านพ่อได้ เซียวหานจะยอมเป็วัวเป็ม้า! ยอมทำทุกอย่างเลย!”
เซียวหานถามเสี่ยวเมิ่งกับผู้าุโชิวด้วยความร้อนใจ สีหน้าท่าทางของนางเต็มไปด้วยการรอคอยอย่างความหวัง
เมื่อเห็นทั้งสองส่ายหน้า ใบหน้างดงามของนางจึงเศร้าโศก น้ำตาไหลลงมาราวกับหยาดฝน
หากกล่าวถึงวิธีถอนพิษเมือกหลงิญญา พวกเขาอาจไม่รู้ แต่หยวนจุนพอรู้อยู่บ้าง
เขาหลับตาแล้วเค้นต้นเพลิงอัคคีกลืน์ออกมาจากตะวันทรงกลดวงหนึ่ง เมื่อต้นเพลิงเปลี่ยนเป็เปลวไฟสีดำที่ทรงพลังแล้ว เขาจึงใช้นิ้วถ่ายเปลวไฟเข้าไปในร่างกายของเซียวจั้น
เมื่อต้นเพลิงอัคคีกลืน์เข้าไปในร่างกาย เซียวจั้นก็ฟื้นจากอาการหมดสติทันที แต่เนื้อและกระดูกในร่างกายที่ยังคงแยกออกจากกัน จึงทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เสียงครวญครางที่ดังออกมาจากลำคอเล็ดลอดออกมาทางฟัน ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาฟื้นคืนสติแล้ว
“หยวนจุน เ้าจะทำอะไร!”
เซียวหานใกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน นางอดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา
“แม่นางเซียวไม่ต้องใ พี่จุนกำลังช่วยปกป้องอวัยวะภายในกับชีพจรเท่านั้น” เสี่ยวเมิ่งััได้ว่าหยวนจุนกำลังใช้ต้นเพลิงอัคคีกลืน์ที่อยู่ภายใน นางจึงอธิบายอย่างสุภาพอ่อนโยนเพื่อไม่ให้เซียวหานเข้าใจผิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้