เหนียนยวี่คิดอยู่ครู่หนึ่งและในไม่ช้าก็เข้าใจอะไรบางอย่างจี้หยกเกล็ดัที่กระจายแจกจ่ายเป็สี่ชิ้น ทำให้หลีอ๋องผู้นี้ทะเยอทะยานเห็นภัยคุกคาม!
หึ ภัยคุกคามงั้นหรือ?
จ้าวเยี่ยนแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็คนที่นั่งรอความตายนางอยากจะลองดูสิว่าท่านอ๋องหลีผู้นี้ ยามที่ต้องมาเผชิญกับภัยคุกคามเช่นนี้ จะเผยตัวตนที่แท้จริงของตนไปหรือไม่!
เหนียนยวี่ยกยิ้มมุมปาก เบนทิศสายตาทว่ากลับปะทะเข้ากับสายตาของฉู่ชิงพอดี ดวงตาราวสระน้ำลึกคู่นั้น คล้ายกับแฝงรอยยิ้มยามจ้องมองนางทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด ไม่ว่าสายตาของบุรุษผู้นี้จะเป็อย่างไรก็สามารถทำให้หัวใจของนางหดรัดขึ้นอย่างบรรยายไม่ถูกได้เสมอโดยที่แทบจะไม่รู้ตัวเหนียนยวี่ถอนสายตากลับ ยกจอกสุราขึ้นจิบ
เมื่อนึกถึงการร่วมมือของฉู่ชิง นางรู้ว่า ฝีมือบรรเลงฉินของบุรุษผู้นี้ไม่ได้มีเพียงแค่นี้แน่ทว่าเขากลับยั้งมือไว้ นางไม่อยากจะยอมรับว่าที่เล่นเมื่อครู่ เขาคอยช่วยนางตลอด
แต่เพราะเหตุใด...
นางเห็นความลับของเขา เขาเคยคิดจะกำจัดนางเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต เมื่อนึกถึงวันเ่าั้ กริชที่เขาส่งมาไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อใดที่เขาไม่ได้ส่งกริชมาอีก แต่กลับให้ปิ่นหยกนางมาแทน
เขา้าอะไร?
เหนียนยวี่ลูบจอกสุราเบาๆบุรุษผู้นี้ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ได้จริงๆ
เวลาเดียวกับที่ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่อยู่นั้นฉู่เซียงจวินเองก็มองเขา จากนั้นสายตาของเขาที่มองตามเหนียนยวี่ มุมปากสตรีก็ค่อยๆยกยิ้มขึ้นช้าๆ
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้!
ยามที่พวกเขาดีดบรรเลงฉินเมื่อครู่ นางก็ฟังออกแล้วเสียงบรรเลงฉินของจื๋อหร่านคล้อยตามเสียงบรรเลงของเหนียนยวี่มาั้แ่ต้นจนจบ และสายตาของเขาที่มองนาง...หึพี่ชายคนนี้ของนาง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสนใจในตัวสตรีคนใดเลย ที่แท้...ที่เขามาปรากฏตัวที่นี่โดยไม่คาดคิดแถมยังบรรเลงฉินต่อหน้าผู้คนมากมายอย่างเกินความคาดหมายอีกเื่สุดวิสัยทั้งหมดนี้ เป็เพราะสตรีนามว่า ''เหนียนยวี่'' ผู้นั้นหรือ?
"เหนียนยวี่…”ฉู่เซียงจวินพึมพำ เหนียนยวี่นางจะมาเป็พี่สะใภ้ของนางงั้นหรือ?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ ฉู่เซียงจวินก็อดไม่ได้ที่จะจับตาดูสตรีผู้นี้อย่างละเอียด
ในตำหนัก เมื่อผ่านบทเพลงอันงดงามเลิศล้ำไปแล้วจึงไม่มีคุณหนูคุณชายตระกูลอื่นกล้าขึ้นไปเล่นอีก ราวกับว่าความสามารถฝีมือทางศิลปะที่เหล่าผู้คนเมื่อครู่แสดงไปเมื่อเทียบกันแล้วยังคงด้อยกว่า
เช่นนั้นฮองเฮาอวี่เหวินจึงรับถือโอกาสรับสั่งให้นารีร่ายระบำ แม้ว่าเพลงจะไม่ได้สวยงามเลิศล้ำเฉกเช่นที่สี่คนนั้นเล่นไปและแม้นว่ารูปร่างของนารีร่ายระบำจะเทียบไม่ได้กับความงดงามหยาดเยิ้มขององค์หญิงแคว้นหนานเยวี่ยคนนั้นทว่าก็ทำให้ผู้คนสนุกสานขึ้นมาก
มีความตื่นตาตื่นใจมากมายในตำหนัก
"ยวี่เอ๋อร์ ให้เ้า"
ในหัวของเหนียนยวี่มีแต่ภาพใบหน้างดงามโลกลืมของฉู่ชิงที่อยู่ภายใต้หน้ากากทันใดนั้น ก็มีเสียงของจ้าวอี้ที่นั่งข้างๆ ดังขึ้น ดึงสติของเหนียนยวี่กลับมาเหนียนยวี่หันไปมองจ้าวอี้ เห็นเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเขามีจี้หยกชิ้นนั้นบนฝ่ามือใหญ่ยื่นมาตรงหน้าเหนียนยวี่
เหนียนยวี่ชะงักไปชั่วครู่หนึ่งนางไม่เข้าใจเจตนาของเขา "ท่านอ๋องมู่ นี่... "
"ให้เ้า แบบนี้เ้าก็จะมีจี้หยกเกล็ดัครึ่งชิ้นแล้วเ้าอยากให้เสด็จพ่อทำอะไรให้เ้า ขอแค่เ้า้า พวกเขาก็สู้เ้าไม่ได้"จ้าวอี้เลิกคิ้ว ขยับเข้าใกล้เหนียนยวี่ "เป็อย่างไร? เปี่ยวเกอผู้นี้ดีกับเ้าใช่หรือไม่?"
ใบหน้าจ้าวอี้ประจบเอาใจ มีแม้กระทั่งคำเยินยอเล็กน้อย
มุมปากเหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะกระตุกนางเหลือบมองจี้หยก "หยกชิ้นนี้เป็สิ่งที่ฝ่าาประทานให้ท่านอ๋องมู่ข้าจะ้าได้อย่างไร? อีกอย่างข้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเพคะ"
"ผู้ใดบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไร?" สีหน้าของจ้าวอี้มืดมน ทว่าเพียงครู่เดียว ก็กลับยิ้มแย้มเฉกเช่นปกติจงใจชนเหนียนยวี่หนึ่งที "เมื่อครู่ หากไม่ใช่เ้าที่ไล่สตรีน่ารังเกียจสองคนนั้นออกไป เกรงว่าโดนจับให้สมรสโดยมิอาจต่อต้าน เพียงแค่สิ่งนี้คุณงามความดีของเ้าก็นับว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว ทว่าเหนียนยวี่เ้าดีดฉินเป็ได้อย่างไร?"
คิ้วที่สวยงามของจ้าวอี้ย่นเล็กน้อยเมื่อมองไปที่เหนียนยวี่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นยี่วเอ๋อร์มีทักษะมากแค่ไหนที่เขาไม่รู้
เขาค้นพบว่าเปี่ยวเม่ยผู้นี้สามารถทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอ
"เมื่อครู่ไม่ใช่ว่าพูดไปแล้วหรือเพคะยวี่เอ๋อร์เองก็เรียนฉินมาแล้ว" เหนียนยวี่ฉีกยิ้ม หลบเลี่ยงสายตาเขา
ด้วยคำอธิบายเช่นนี้ จ้าวอี้จะเชื่อได้อย่างไร?
"เรียนฉินมาแล้วงั้นหรือ?มันง่ายเยี่ยงนั้นเลยสำหรับเ้า" จ้าวอี้พ่นลมหายใจเบาๆฝีมือบรรเลงฉินของนาง หากไม่ได้ฝึกฝนอย่างหนักมาแปดปีสิบปีเกรงว่าไม่น่าจะถึงระดับนั้น
"หึ หึหึ..."เหนียนยวี่ทำเป็หัวเราะ แววตาเป็ประกายระยิบระยับ รีบเปลี่ยนประเด็นสนทนาเหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียน และเอ่ยออกมาอย่างตรงประเด็นไม่อ้อมค้อมว่า"ท่านอ๋องมู่รู้สึกอย่างไรกับองค์หญิงอวี่เหวินหรูเยียนหรือเพคะ?"
“เ้าเอ่ยถึงนางทำไม”จ้าวอี้ขมวดคิ้ว ไม่แม้แต่จะมองอวี่เหวินหรูเยียน สังเกตเห็นได้ถึงเจตนาของเหนียนยวี่ จึงยกมือขึ้นแล้วเคาะหัวนาง “อย่าเปลี่ยนเื่หากวันนี้เ้าไม่แถลงไขออกมาให้ข้าฟังละก็ ข้าไม่เลิกราแน่ เ้าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อหาวิธีมาตบตาข้า"
จ้าวอี้เคยชินกับการมีอิสระสบายๆและการกระทำที่เคาะหัวนางเมื่อครู่ในความคิดของเขาแล้วมันเป็แค่การกระทำที่ทำตามนิสัยของตัวเองเท่านั้น ทว่าฉากนั้นเมื่ออยู่ในสายตาของผู้คนรอบข้างแล้ว กลับทำให้ผู้คนมีความคิดซับซ้อน
ทว่าทุกคนก็ไม่ได้มีเวลามาทันคิดต่อนานเกินไปนักก็ได้ยินเสียงร้องะโเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในตำหนัก
แทบทุกคนหันมองไปทางฮ่องเต้หยวนเต๋อเห็นเพียงนารีร่ายระบำนางหนึ่งเข้าไปใกล้ฮ่องเต้หยวนเต๋อมากนางพุ่งตรงไปยังฮ่องเต้หยวนเต๋อ เหนียนยวี่สะดุ้งไปเล็กน้อยส่วนฉู่ชิงเองก็กระโจนเข้าไปหลังจากนั้นทันที
ทุกคนคิดว่านางระบำนางนี้มีเจตนาจะลอบสังหารสีหน้าของทุกคนเริ่มตึงเครียด ทว่าในวินาทีต่อมา เห็นเพียงคานขวางอันใหญ่พังลงมาที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อและนางรำคนนั้นวิ่งไปด้านหน้าฮ่องเต้หยวนเต๋อใช้ร่างกายตนเข้าบังโดยไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง
"อึก..."
นางระบำส่งเสียงอู้อี้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมากแต่ในทันใด ฉู่ชิงที่พุ่งเขามาอย่างรวดเร็ว ด้วยมือข้างหนึ่งใช้แรงต้านคานนั้น แม้แรงที่ตกลงมาจะลดลงแต่ก็ยังกระทบหน้าอกของนางระบำ ลมหายใจกระตุกและเืก็พุ่งออกมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงชั่วขณะ
"ฝ่าา...คุ้มกันทหารคุ้มกันฝ่าา"
ฮองเฮาอวี่เหวินกลับมาได้สติคนแรก ก้าวไปข้างหน้าและดึงฮ่องเต้หยวนเต๋อออกมาด้วยตนเองตรวจสอบสภาพของฮ่องเต้หยวนเต๋อด้วยสีหน้าห่วงใย ฉู่ชิงผลักคานออกไปด้วยแรงนั้นผู้คนจำนวนมากใจนลุกขึ้นยืน ทุกคนให้ความสนใจไปที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อ ทว่ากลับไม่เห็นนางระบำคนนั้นที่กระอักเืและล้มลงไปกับพื้น
ทว่ายามที่เหนียนยวี่เห็นใบหน้าของนางระบำคนนั้นก็มิอาจละสายตาออกไปได้...
ชิงหร่าน... เป็นางได้อย่างไร?
กุ้ยเฟยชิงหร่าน เข้าวังหลวงในปีเทียนฉี่ที่ยี่สิบ...
ในหัวของเหนียนยวี่ราวกับมีเสียงกระซิบพึมพำดังเข้ามา นึกถึงค่ำคืนที่แล้วนามนั้นที่นางได้ยินที่ด้านนอกหลินหลางซวน นางมั่นใจว่าชิงหร่านได้เข้าไปในวังแล้วเดิมทีนางวางแผนว่าวันนี้นางจะไปหานางในวัง ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเจอนางในสถานการณ์เช่นนี้
ออกตัวคุ้มกันฮ่องเต้งั้นหรือ? นี่...ชาติก่อนนางได้ยินเพียงว่ากุ้ยเฟยชิงหร่านได้รับความโปรดปรานอย่างมาก ทว่ากลับไม่รู้เลยว่านางที่เคยเป็นางกำนัลคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้รับความโปรดปราน?
ฉากตรงหน้านี้ ก็คือคำตอบงั้นหรือ?
เพราะเป็่เวลาสำคัญ นางได้ออกตัวและช่วยชีวิตนี่กลายเป็จุดเริ่มต้นที่ได้พบเจอฮ่องเต้หยวนเต๋อ ในขณะเดียวกันก็เป็จุดเปลี่ยนชีวิตของนางด้วย
“เจิ้นไม่เป็ไร นาง…เร็วเข้าใครก็ได้เร็วเข้า พานางไปสำนักหมอหลวง ส่งหมอหลวง นาง...”ในน้ำเสียงฮ่องเต้หยวนเต๋อมีความกังวลเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด เขาจ้องมองสตรีหมดสติเืกบปากไหลอาบเต็มพื้น เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะนางและฉู่ชิงด้วยคานที่พังลงมานั่น ต้องเป็เขาแน่ที่จะาเ็สาหัส"เจิ้นอยากช่วยชีวิตนาง ต้องช่วยชีวิตนางให้ได้ ประกาศพระราชบัญชาลงไปหากชีวิตของนางหาไม่แล้ว เจิ้นจะเล่นงานสำนักหมอหลวงเป็ที่แรก”