ผู้เฒ่าขาวเป็นักหลอมโอสถ เขาถูกใจเลี่ยวเล่อเล่อเลยรับไว้เป็ศิษย์ เห็นได้ชัดเลยว่าเขาคิดจะถ่ายทอดวิชาหลอมโอสถให้กับนาง ค่อยๆ สั่งสอนบ่มเพาะนางขึ้นมา
อย่างนั้นก็หมายความว่า เลี่ยวเล่อเล่อมีพร์ในด้านการหลอมโอสถด้วยอย่างนั้นหรือ
หลงอวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ไม่ว่าจะเป็การหลอมโอสถหรือสร้างอาวุธก็ล้วนมีความยากสูงสุด จำเป็ต้องทุ่มเทให้กับมันไม่น้อยเลย
แต่หลงอวี้ตอนนี้จำเป็ต้องทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดไปที่การฝึกฝนบำเพ็ญพลังเท่านั้น มีเพียงการยกระดับพลังให้สูงขึ้นตลอดเวลาเท่านั้นถึงจะรักษาชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดต่อไปได้!
ส่วนเื่การหลอมโอสถหรือการสร้างอาวุธนั้น หลงอวี้ยังไม่มีเวลาไปข้องเกี่ยวกับเื่พวกนี้
เมื่อออกจากตำหนักประมุขแล้ว หลงอวี้ก็ได้มุ่งหน้าไปยังชั้นสองของผู้าุโต่อ ไปดูว่ามีวิทยายุทธ์ระดับิญญาอะไรดีๆ ให้ฝึกไหม และแวะไปเลือกยุทธภัณฑ์ระดับิญญาหนึ่งชิ้นมาด้วย
แม้ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาจะมีไม่มาก แต่อย่างน้อยลองไปดูก่อนว่ามีอะไรให้เลือกบ้างก็ยังดี
นับั้แ่ที่อู่เจี้ยนซินถูกทำลายวรยุทธ์และถูกขับไล่ออกจากลัทธิสยบฟ้า อวี้สุ่ยอวิ๋นก็กลายเป็มาเป็ผู้ดูแลหอผู้าุโแทน
เมื่อหลงอวี้มาถึงแล้ว ก็พบอวี้สุ่ยอวิ๋นกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิ ส่วนหลู่กวนิกำลังนอนพักอยู่ในบ้าน ยังคงหมดสติอยู่
“หลงอวี้ มาแล้วหรือ”
อวี้สุ่ยอวิ๋นลืมตา ในดวงตาแฝงไว้ด้วยความชื่นชม
“ตามข้ามาเถอะ เมื่อครู่ท่านประมุขได้มอบหมายเื่ทั้งหมดให้ข้าแล้วล่ะ”
พอพูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปยังหอผู้าุโชั้นสองทันที
ไม่ว่าจะเป็ยุทธภัณฑ์หรือวิทยายุทธ์ระดับิญญา ทั้งหมดล้วนถูกวางไว้บนชั้นที่สองของหอผู้าุโทั้งสิ้น ถูกคุ้มกันไว้อย่างหนาแน่นสุดขีด สิ่งเหล่านี้คือรากฐานของก่อตั้งลัทธิสยบฟ้าเลยทีเดียว!
หากไม่ใช่ลูกศิษย์ระดับิญญาแท้จะไม่สามารถเข้าไปยังชั้นที่สองของหอผู้าุโอย่างเด็ดขาด
หลงอวี้เดินตามอวี้สุ่ยอวิ๋นขึ้นไปถึงยังชั้นที่สองของหอผู้าุโ พบว่าแม้ที่นี่จะเป็เพียงหอไม้ไผ่ แต่กลับมีม่านพลังกฎเกณฑ์สยบฟ้าชั้นหนึ่งถูกกางไว้เพื่อปกป้องรอบๆ นี้ด้วย
ต่อให้ถูกยอดฝีมือระดับิญญาแท้กระหน่ำโจมตี หอผู้าุโแห่งนี้ก็ยังคงแข็งแกร่งมั่นคงดุจดั่งขุนเขา ไม่มีทางเสียหายเลยแม้แต่เศษเสี้ยว
อวี้สุ่ยอวิ๋นได้รวบรวมแรงกดทับของมหาพลังสยบฟ้าไว้แล้วประทับลงบนประตูของหอผู้าุโชั้นที่สอง ทำให้ม่านพลังกฎเกณฑ์แห่งการกดทับบนประตูไม้ไผ่บานนั้นถูกคลายออก สามารถเปิดประตูออกได้
หากคิดจะเข้าไปข้างในนั้น อย่างน้อยก็ต้องบรรลุมหาพลังฟ้าดินของเคล็ดสยบฟ้าให้ได้ก่อน!
“วิทยายุทธ์ระดับิญญาอยู่ห้องฝั่งซ้าย ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาอยู่ห้องฝั่งขวา เ้าเลือกได้ตามใจเลย ข้าจะลงไปรอข้างล่างก่อน”
อวี้สุ่ยอวิ๋นชี้นิ้วไปยังห้องที่อยู่ภายในนั้น ก่อนจะแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วจึงหันหลังเดินจากไป
หลงอวี้มองเข้าไปภายในนั้น ภายในห้องที่อยู่ฝั่งซ้ายนั้น มีแผ่นศิลาจำนวนไม่น้อยตั้งอยู่ บนแผ่นศิลาเ่าั้ล้วนมีวิธีการฝึกวิทยายุทธ์ต่างๆ สลักเอาไว้
ส่วนห้องทางฝั่งซ้าย มียุทธภัณฑ์ระดับิญญาจำนวนหนึ่งวางอยู่
ขอเพียงเป็วิทยายุทธ์ระดับิญญาจะถูกเก็บไว้ที่นี่ทั้งหมด การที่อวี้สุ่ยอวิ๋นไม่ได้เฝ้าดูอยู่แล้วเดินออกไปเลยนั้น เห็นได้ชัดว่าเพราะ้าให้หลงอวี้มีสิทธิ์ในการเลือกยุทธภัณฑ์ขั้นไหนก็ได้ ขอเพียงเขา้าก็สามารถเอาไปได้เลย!
แน่นอนว่าจำกัดเพียงแค่คนละหนึ่งชิ้น
หลงอวี้ค่อนข้างสนใจยุทธภัณฑ์มากกว่า จึงก้าวเข้าไปยังห้องเก็บวิทยายุทธ์ก่อน
เมื่อก้าวเท้าเข้าไปแล้ว พริบตานั้นไอิญญาของยุทธภัณฑ์อันเข้มข้นลอยมาตีหน้าทันที
“พวกนี้ล้วนเป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาทั้งสิ้น มีทั้งขั้นล่าง ขั้นกลาง หรือแม้กระทั่งขั้นสูงก็มี!”
หลงอวี้กวาดตามองไปรอบๆ พบว่าภายในห้องนี้มียุทธภัณฑ์อยู่ทั้งหมดสิบกว่าชิ้น นอกจากยุทธภัณฑ์ขั้นล่างและขั้นกลางแล้ว ยังมียุทธภัณฑ์ขั้นสูงอยู่อีกสองชิ้น!
ยุทธภัณฑ์ขั้นสูงสองชิ้นนี้ หนึ่งในนั้นเป็เสื้อผ้าแขนยาวสีขาวที่เปล่งประกายเรืองรองชุดหนึ่ง ถูกถักทอขึ้นมาด้วยขนนกของสัตว์อสูรประเภทปักษาชนิดหนึ่ง มีสีขาวดุจหิมะตลอดทั้งตัว ดูท่าทางจะมีพลังป้องกันสูงไม่เบา อีกทั้งยังดูเหมือนจะเพิ่มความเร็วให้ผู้ใช้ได้ด้วย
ยุทธภัณฑ์ที่ระดับสูงกว่าระดับิญญาขึ้นไป จะมีสัญลักษณ์อาคมเฉพาะตัวอยู่ข้างในด้วย สามารถเพิ่มความสามารถพิเศษบางอย่างเข้าไปในยุทธภัณฑ์ได้
อย่างเช่นเสื้อผ้าสีขาวอันเปล่งประกายนั่นมีชื่อว่า เสื้อขนนกประกายขาว มันถูกเพิ่มอาคมเร่งความเร็วได้เข้าไป แม้จะเป็ยุทธภัณฑ์ป้องกัน แต่กลับมีความสามารถในการเพิ่มความเร็วของผู้ใช้งานด้วย
ส่วนยุทธภัณฑ์ระดับิญญาอีกชิ้น เป็กระบี่เล่มหนึ่ง
หลงอวี้มีหอกัปรภพอยู่แล้ว จึงไม่ได้สนใจกระบี่เลยแม้แต่น้อย
“ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสูง มีเพียงสองชิ้น นอกจากกระบี่แล้ว ดูเหมือนจะเหลือแค่เสื้อขนนกประกายสีเงินตัวนั้นเท่านั้น”
หลงอวี้ครุ่นคิดไปพลาง เดินไปทางเสื้อขนนกตัวนั้น
สิ่งที่ตัวเขาในตอนนี้ขาดแคลนมากที่สุดคือความเร็ว เสื้อตัวนี้สามารถเพิ่มความเร็วให้เขาได้ ถือว่าเหมาะกับเขาอยู่
แต่ในตอนที่เขากำลังเดินไปทางชุดขนนกนั้น เขาพลันมองเห็นตรงจุดที่ใกล้ๆ กับเสื้อขนนกว่ามียุทธภัณฑ์อีกชิ้นหนึ่งถูกวางไว้ด้วย!
ยุทธภัณฑ์ชิ้นนี้ถูกสร้างจากขนนกของสัตว์อสูรประเภทปักษาประเภทหนึ่งเช่นกัน แต่มันมีรูปร่างเป็ปีกนกคู่หนึ่งที่ปกคลุมด้วยขนนกสีขาว
ปีกนกหรือ?
หลงอวี้ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกปีกนกสีขาวคู่นั้นขึ้นพบว่าเมื่อกางออกแล้วจะมีขนาดความยาวมากถึงสามจ้าง เพียงแต่อาคมภายในนั้นดูเหมือนจะเสียหาย ทำให้มันดูไม่ค่อยเหมือนยุทธ์ภัณฑ์ระดับิญญาสักเท่าไร
บนปีกคู่นี้ถูกลงชื่อไว้ว่า ‘ปีกแห่งหุบเขาปีศาจที่เสียหาย ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษ’!
ปีกแห่งหุบเขาปีศาจ?
แถมยังเสียหายด้วย?
แต่มันกลับเป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นพิเศษเลยทีเดียว!
เขาลองถ่ายเทลมปราณเข้าไป พบว่าความสามารถพื้นฐานของปีกคู่นี้ยังดีอยู่ แต่อาคมของมันแค่เสียหายเท่านั้น
เพียงแต่ว่า ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นสุดยอด แค่ความสามารถพื้นฐานของมันก็ร้ายกาจสุดขีดแล้ว!
“ลองใช้ดูดีกว่า!”
หลงอวี้คิดเช่นนั้นแล้ว เขาก็ใช้ลมปราณเร่งเร้าปีกแห่งหุบเขาปีศาจ พริบตานั้นมันก็ได้กางอย่างสมบูรณ์ เชื่อมเข้าที่ส่วนหลังของหลงอวี้ด้วยลมปราณ
‘ทำงาน!’
หลงอวี้ออกคำสั่งทางจิต พลันเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วภายในห้อง ปีกสีขาวโบยบินจนเห็นเป็ประกายแสงสีขาว มันถึงกับสามารถเร่งความเร็วให้กับหลงอวี้ได้มากถึงสามสี่เท่าในพริบตา!
หากมีปีกคู่นี้อยู่ ความเร็วในการเดินทางของหลงอวี้จะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า นี่เป็ของที่สามารถ ใช้ช่วยชีวิตยามวิกฤตได้เลยทีเดียว!
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ระหว่างการใช้ยุทธภัณฑ์กับการใช้วิชาท่าร่างนั้นมีข้อแตกต่างที่ชัดเจนอยู่ข้อหนึ่ง ก็คือการใช้ยุทธภัณฑ์นั้นมันเผาผลาญลมปราณน้อยกว่าหลายเท่า
หากเป็การไล่ตามหรือหลบหนีในระยะไกล ปีกแห่งหุบเขาปีศาจชิ้นนี้คือยุทธภัณฑ์เทวะเลยทีเดียว!
“อย่างนั้นก็เลือกปีกแห่งหุบเขาปีศาจก็แล้วกัน”
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว อันที่จริงเขาอยากได้ทั้งปีกแห่งหุบเขาปีศาจกับเสื้อขนนกประกายขาวทั้งสองชิ้น แต่อวี้สุ่ยอวิ๋นให้ความเชื่อใจเขามากขนาดนี้ เขาย่อมไม่มีทางเอาไปทั้งสองชิ้นอยู่แล้ว
หากให้เลือกเพียงหนึ่งชิ้น ปีกแห่งหุบเขาปีศาจดูจะเหมาะสมกับเขาตอนนี้มากกว่า
หลงอวี้สลายลมปราณไป ปีกแห่งหุบเขาปีศาจตกลงมาอยู่ในมือเขาจากทางด้านหลัง โครงของปีกคู่นี้ค่อนข้างจะอ่อนนุ่มเป็อย่างมาก พกพาได้ไม่ยากลำบาก เพียงแค่พับไว้แล้วซ่อนในอกเสื้อก็ได้แล้ว
เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ค่อยส่งลมปราณไปกระตุ้นมันก็พอ
‘เลือกยุทธภัณฑ์เสร็จแล้ว นับว่าน่าพึงพอใจ ต่อไปก็ไปดูวิทยายุทธ์ดีกว่า’
หลงอวี้คิดไปพลาง เดินไปยังห้องวิทยายุทธ์ที่อยู่ข้างๆ
วิทยายุทธ์ระดับิญญานั้นล้วนถูกผนึกอยู่บนแผ่นศิลาจารึกทั้งหมด ภายในห้องนี้มีแผ่นศิลาตั้งอยู่ทั้งหมดยี่สิบกว่าแผ่น หลงอวี้มองดูคร่าวๆ แล้วพบว่าอย่างมากสุดก็เป็แค่วิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นสูงเท่านั้น
ไม่มีขั้นพิเศษหรือขั้นสุดยอดเลยสักวิชา
โดยเคล็ดกระบี่พลัง์ หมัดะเืิญญา เป็เพียงแค่วิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นล่างเท่านั้น ในห้องนี้มีขั้นล่างบันทึกไว้ทั้งหมดแปดวิชา
ส่วนขั้นกลางนั้นมีเพียงสี่วิชา และขั้นสูงมีเพียงสองวิชาเท่านั้น
บนแผ่นศิลามีข้อความบันทึกไว้ด้วยว่า วิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นกลาง ความยากในการฝึกจะสูงกว่าขั้นล่างหลายเท่า แค่การฝึกให้บรรลุขั้นกลางก็เป็เื่ที่ยากเย็นแสนเข็ญแล้ว!
‘ไม่แปลกใจเลยว่าเหล่าศิษย์พี่ในลัทธิสยบฟ้าทั้งหลายส่วนใหญ่มักจะใช้วิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นล่างกันทั้งนั้น... ขั้นกลางยังไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาฝึกฝนกันได้นี่เอง’
หลงอวี้ครุ่นคิดในใจ จากนั้นก็ตรวจสอบดูทั้งหมดหนึ่งรอบ พบว่าไม่มีวิชาไหนน่าสนใจเป็พิเศษ
แต่เดิมเขายังคิดจะเลือกหาวิชาท่าร่างมาสักหนึ่งวิชา แต่ตอนนี้เขามีปีกแห่งหุบเขาปีศาจอยู่แล้ว เขาจึงยังไม่จำเป็ต้องรีบฝึกวิชาท่าร่างขนาดนั้น
การฝึกวิทยายุทธ์วิชาใดๆ ก็ตามนั้นล้วนจำเป็ต้องใช้เวลา สิ่งที่หลงวี้ขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา!
ต่อจากนี้เขาต้องทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชาหมัดัปรภพกระบวนท่าที่สอง ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏให้สำเร็จก่อน มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถทำให้เขาความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวะโ
ส่วนวิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นสูง วิชาหอกหมื่นสังหาร เป็สิ่งที่ใช้ในการสังหารศัตรูบนสนามรบ แค่การฝึกเพียงอย่างเดียวไม่สามารถยกระดับได้ จำเป็ต้องฆ่าคนเพื่อเพิ่มพูนจิตสังหารถึงจะสามารถยกระดับได้
“ฝ่ามือตื่นรู้สู่สังสารวัฏเป็กระบวนท่าต่อของหมัดสู่ปรภพ เป็วิทยายุทธ์ระดับิญญาขั้นสุดยอด กระบวนท่านี้มีความยากในการฝึกสูงกว่าวิชาที่เคยฝึกก่อนหน้านี้ทั้งหมดหลายเท่าเลย!”
หลงอวี้ตัดสินใจได้แล้ว ในสถานการณ์แบบนี้ วิทยายุทธ์ระดับิญญาวิชาอื่นๆ ยังไม่จำเป็จริงๆ
เขาเพียงตรวจสอบดูข้อมูลรายละเอียดของวิทยายุทธ์ระดับิญญาทั้งหมดของลัทธิสยบฟ้าเพื่อเตรียมการรับมือหากต้องเผชิญหน้าในอนาคต
เขาใช้เวลาทั้ง่บ่ายในการศึกษา
เมื่อถึง่พลบค่ำ เขาก็ลงมาจากชั้นสองของหอวิทยายุทธ์ มองเห็นอวี้สุ่ยอวิ๋นในชุดดำยืนอยู่ จึงยกมือขึ้นทำท่าคารวะ
“ผู้าุโอวี้ ข้า้าสถานที่ที่เงียบสงบสักแห่งเพื่อใช้ฝึกฝน ท่านคิดว่ามีที่ใดเหมาะสมบ้างไหม?”
“ทางฝั่งผู้เฒ่าขาวไม่ได้หรือ?”
อวี้สุ่ยอวิ๋นถามกลับด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“เอ่อ....”
หลงอวี้เกาหัวด้วยความอึดอัดเล็กน้อย
เขายังไม่อยากกลับไปที่ผู้เฒ่าขาวสักเท่าไร หนึ่งคือ การที่เขามักจะไปรบกวนผู้เฒ่าขาวบ่อยๆ เช่นนี้ดูจะไม่ค่อยดีนัก สองคือ เลี่ยวเล่อเล่อเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างกับเขา เพื่อไม่ให้เกิดเื่วุ่นวาย พยายามอยู่ให้ห่างจากนางสักหน่อยน่าจะดีกว่า!
อวี้สุ่ยอวิ๋นเหมือนจะอ่านความคิดของหลงอวี้ออก จึงแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน
“อย่างนั้นก็ไปฝึกที่ป่าไผ่หลังูเาเถอะ อยู่ด้านหลังของหอผู้าุโแห่งนี้นี่ล่ะ ศิษย์พี่ปู้ของเ้าเองก็ไปฝึกที่นั่นเช่นกัน”
“ขอบพระคุณผู้าุโ”
หลงอวี้พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเดินออกจากหอผู้าุโไป มุ่งหน้าไปยังป่าไผ่หลังูเา
ป่าไผ่หลังูเานั้น เป็สถานที่ที่ค่อนข้างจะกว้างขวางเป็อย่างมาก ด้านนอกของป่าไผ่ เป็หน้าผาที่สูงสุดขีด เมื่อมองออกไปจะมองเห็นเมฆหมอกล้อมรอบ ดูราวกับเป็ดินแดนในภพภูมิแห่งเซียนก็ไม่ปาน
ภายในป่าไผ่นั้น มีกระท่อมไม้ไผ่จำนวนไม่น้อย กระท่อมเหล่านี้ล้วนเป็ที่พักสำหรับเหล่ายอดฝีมือระดับิญญาแท้ที่มาฝึก!
นอกจากลูกศิษย์ระดับพิเศษเพียงไม่กี่คนแล้ว คนส่วนใหญ่ที่เก็บตัวฝึกในที่แห่งนี้ก็มักจะเป็เหล่าผู้าุโของลัทธิ
เมื่อหลงอวี้มาถึงยังป่าไผ่หลังูเาแล้ว ก็พลันััได้ถึงกลิ่นอายิญญาแท้อันเข้มข้นสายหนึ่งปกคลุมไปทั่วทั้งป่าไผ่แห่งนี้โดยไม่มีทีท่าว่าจะจางหาย
ตัวเขาที่มาถึงได้ไม่ทันไรพลันรู้สึกได้ว่าบนพื้นโล่งที่อยู่ห่างจากป่าไผ่ไปไม่ไกลมีเสียงต่อสู้ เหมือนจะมีคนกำลังประลองฝีมือกันอยู่ตรงฝั่งนั้น!
