ขุนพลสร้างแผ่นดินเป็ขุนพลที่บุกเบิกต้าิเคียงบ่าเคียงไหล่กับิอ๋อง มีสามคนที่ได้รับพระราชทานตำแหน่งนี้ ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่เป็ที่นับถือของคนนับล้าน!
วันนี้มีขุนพลสร้างแผ่นดินมายังตำหนักหลงเถิงสองคน แต่ยังมีขุนพลใหญ่อีกคนที่ไม่มา เขาคนนั้นคือฟางเซีย
ที่ฟางเซียไม่ได้มา เพราะเขาได้รับคำสั่งจากิอ๋องให้ไปประจำการณ์ที่ชายแดน อย่าให้ใครฉวยโอกาสตอนที่ิอ๋องอ่อนแรงรุกรานเข้ามา!
“ลุกขึ้นเถอะ ... ”
ิอ๋องมองไปที่เสวียปู้หุ่ยกับเซิ่นเจิ่นโหว จากนั้นก็มองไปที่เงาที่อยู่ด้านหลัง
ตรงนั้นมีอยู่ด้วยกันสามคน ด้านซ้ายเป็คนที่ดูสง่างาม สวมชุดลายัสีดำ เขาคือองค์ชายสามของต้าิ ิอู่!
ิอู่ติดอันดับหกในตารางนักรบของต้าิ มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าขีดจำกัดสูงสุดเช่นกัน มีพลังเทียบเท่าราชสีห์เจ็ดพันเก้าร้อยตัว!
คนที่อยู่ทางด้านขวา เป็ผู้หญิงนางหนึ่งท่าทางสง่างาม นางผมยาว สวมชุดสีขาว มีสายคาดเอวสีดำลายหงส์ ร่างกายสมส่วน ผิวพรรณขาวผ่อง ทำให้ดูงดงามมาก
แต่ว่าผู้หญิงที่งดงามเช่นนี้ กลับเป็ถึงผู้กล้าในอันดับที่ห้าของตารางอันดับนักรบ มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า มีพลังเทียบเท่าราชสีห์แปดพันตัว!
นางคือองค์หญิงเจ็ดของต้าิ ิเยวี่ย!
ปีนี้ิอู่อายุยี่สิบ ิเยวี่ยอายุสิบเก้า อายุเท่านี้กลับมีอาณาจักรพลังถึงขั้นนี้ได้ พูดได้เลยว่าในหมู่ผู้ที่มีพร์ พวกเขาล้วนแต่เป็อัจฉริยะปีศาจ
ิอวี่เองก็ััได้ถึงลมปราณที่แก่กล้าบนตัวของพวกเขาสองคน แต่สายตาของเขากลับสะดุดตากับผู้ชายอีกคนมากกว่า
ชายคนนั้นกลัดผมด้วยปิ่นสีทอง สวมชุดลายัสีน้ำเงิน ดวงตาเป็ประกาย จมูกตั้งโด่ง ผิวพรรณขาว หน้าตาหล่อเหลา ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แต่แค่หน้าตาของเขาก็ให้ความรู้สึกสง่างามสูงส่ง
ขอแค่ได้เห็นก็อดไม่ได้ที่อยากจะมองให้นานขึ้น ราวกับว่าขอแค่ได้มองเทานั้น ความโกรธความหงุดหงิดทั้งหลายก็จะสลายหายไป แม้แต่ใจก็นิ่งขึ้นราวกับนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ จิบชาัักับลมที่โบกโชยมา มองดูสายน้ำที่มีคลื่นเบาๆ มันทำให้รู้สึกสบายอารมณ์
แต่ดวงตาของเขานั้นก็แฝงไปด้วยความลึกซึ้งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ราวกับว่ามีคลื่นลมแรงท่ามกลางความเงียบสงบ เมื่อไหร่ก็ตามถ้ามันะเิออกมาก็จะะเืไปทั่วทั้งูเา!
เขาก็คือ ... องค์ชายเก้า!
ิอวี่มั่นใจมาก เขาก็คือองค์ชายเก้าิเสวียน มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะมีความสง่างามแบบนี้ได้
ได้ยินมาว่าองค์ชายเก้ามีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าเมื่อปีที่แล้ว เขามีร่างกายแห่งสายฟ้า อีกทั้งขีดจำกัดพลังในร่างกายของเขานั้นยังเทียบเท่ากับราชสีห์เก้าพันแปดร้อยห้าสิบตัวซึ่งหาได้ยากมาก!
ต่อให้เป็ิอ๋องตอนที่อยู่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชน ขีดจำกัดพลังในร่างกายของเขาก็ยังแค่เก้าพันตัวเท่านั้นเอง
คลื่นลูกใหม่ซัดคลื่นลูกเก่า องค์ชายเก้าคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งในหมู่เด็กรุ่นใหม่!
มิน่าเยี่ยซีถึงได้หลงใหลในตัวองค์ชายเก้านัก ทั้งยังรับหมั้นอย่างเต็มอกเต็มใจ ที่แท้องค์ชายเก้าิเสวียนก็โดดเด่นขนาดนี้ เขาจะต้องเป็ที่สนใจของผู้หญิงจำนวนมากแน่!
“ลูกถวายพระพรเสด็จพ่อ”
ิเสวียนคุกเข่าคำนับก่อนและตามมาด้วยอีกสองคน ิเฉินเหยียนยังไม่สั่งให้ลุก ิเสวียนก็ลุกขึ้นมาก่อนเลย จากนั้นก็เดินไปหาพ่อของเขา
เขาลูบไปที่มือของิเฉินเหยียนด้วยมือที่สั่นเครือ ััาแที่มีไปทั่วตัวของิเฉินเหยียน
ิเสวียนดวงตาแดงก่ำ ปลายตามีน้ำตาซึมออกมา เขากำหมัดแน่น ก้มหัวลง สายตาของเขาเหมือนมีประกายเปล่งออกมา
“ ... ลูกมาช้าไป ไม่สามารถช่วยเสด็จพ่อได้ ลูกอกตัญญูนัก!”
ระหว่างที่พูดก็คุกเข่าลง แล้วพูดเสียงเข้มว่า “ขอเสด็จพ่อทรงลงอาญาด้วย!”
สายตาของิเฉินเหยียนเต็มไปด้วยความเอ็นดู ลูกชายสุดที่รักของเขาคนนี้ไม่เพียงมีพลังฝีมือมาก แม้แต่จิตใจก็ยังละเอียดอ่อน เขาจะไปถือโทษโกรธได้อย่างไร เขาเอามือไปพยุงิเสวียนขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ลุกขึ้นเถอะ เ้าไม่ผิด ข้ายังมีเื่จะให้พวกเ้าไปทำด้วย”
ในสายตาของิเสวียนเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ แต่ว่าริมฝีปากของเขานั้นกลับยิ้มขึ้นมาโดยที่สังเกตไม่เห็นเลย
ผ่านไปสามลมหายใจ ิเสวียนถึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ น้ำตายังอยู่ในดวงตา
ความเสียใจของิเสวียนนั้น เหล่าขุนนางที่อยู่รอบๆ มองแล้วก็ปวดใจ ิเยวี่ยที่อยู่ด้านหลังก็เดินมาดึงิเสวียนถอยห่างออกมาแล้วปลอบไปว่า “พี่เก้า ไม่เป็ไรนะ เสด็จพ่อยังทรงดีอยู่ เอ่อ ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต กลับมาก่อนเถอะนะ เสด็จพ่อยังมีเื่จะตรัส”
“ ... อือ”
ิเสวียนกัดฟัน แล้วพยายามข่มอารมณ์ลง แล้วก็ถอยกลับมายืนกลางตำหนักหลงเถิง
ิอวี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูท่าทางของิเสวียน ที่จริงเขาเองก็รู้สึกดีกับิเสวียนเพราะเห็นถึงความกตัญญู แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกติ
“สิ่งที่ข้าจะพูดกับทุกคนหลังจากนี้ ให้ถือว่าเป็ความลับสุดยอดของต้าิ ทุกคำที่ข้าจะพูด ห้ามให้คนนอกล่วงรู้โดยเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะลงโทษสถานหนัก ทุกคนเข้าใจใช่ไหม?” ิเฉินเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ทุกคนพยักหน้า ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น
ิเฉินเหยียนสะบัดมือ ประตูของตำหนักหลงเถิงปิดลง ด้านนอกตำหนักมีแสงล้อมรอบเป็เกราะกั้นเสียงจากภายนอก แม้แต่สายฝนก็ไม่ได้ยิน ภายในตำหนักเงียบลงในทันที
เมื่อทุกคนเงียบลงแล้ว ิเฉินเหยียนถึงได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า “คิดว่าพวกเ้าทุกคนก็น่าจะรู้ว่าลายเส้นอักขระสายฟ้านั่นเป็ฝีมือของใครใช่ไหม? ถูกต้อง มีแค่ราชวงศ์ปิงเฟิงที่อยู่ทางเหนือเท่านั้นถึงกล้าทำแบบนี้ได้!”
“ทุกคนต่างก็รู้ดี ราชวงศ์ปิงเฟิงมีชายแดนทางเหนือติดกับราชวงศ์ต้าิของเรา ศึกดินแดนทางเหนือเมื่อยี่สิบปีก่อนเป็ศึกการชิงดินแดนแถบนั้นกับเรา ซึ่งเราเป็ฝ่ายชนะดินแดนทางเหนือถึงได้ตกอยู่ในมือของเรา และนั่นก็เป็ก้าวแรกของการรุกรานพื้นที่ของต้าิเรา”
“ต่อมาก็เกิดาใหญ่น้อยอีกนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเรากับราชวงศ์ปิงเฟิงทำศึกกันหลายต่อหลายครั้ง แต่วันนี้ พวกเขากลับไปเชิญนักร่ายอักขระมาเล่นงานข้าโดยตรง!”
ประวัติศาสตร์พวกนี้ทุกคนรู้ดี เพียงแต่การศึกระหว่างราชวงศ์ปิงเฟิงกับราชวงศ์ต้าิปกติก็สูสีกันมาตลอด ใครก็ไม่คิดว่าทางราชวงศ์ปิงเฟิงกลับรุกแบบไม่ตั้งตัวแบบนี้
ิอวี่เองก็ตั้งใจฟัง เขามาเกิดอยู่ในยุคา เื่ราวของราชวงศ์ปิงเฟิงตัวเขาเองนั้นก็รู้
ิเฉินเหยียนขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “อีกทั้งคราวนี้ข้านั้นก็าเ็สาหัส หากไม่ใช่เพราะเดินลมปราณทั้งหมดที่มีในร่างกายออกมาใน่เวลาที่คับขัน เกรงว่าข้าคงกลายเป็ผุยผงไปแล้ว”
พอพูดแบบนี้ออกมา ในใจของทุกคนก็รู้สึกว่าโชคดี โชคดีที่ิอ๋องของพวกเขายังอยู่ ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาก็ไม่อยากจะคิดเลย!
“ถึงแม้พลังของข้าจะไม่ได้อ่อนลง แต่คิดอยากจะให้กลับไปเหมือนเดิมนั้น เกรงว่าอาจจะต้องใช้เวลาเป็ปี หากใน่หนึ่งปีปิงเฟิงบุกเข้ามา เกรงว่า ...”
“เอ่อ ...”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ในใจก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก หากว่ามีการเพิ่มการป้องกันวังหลวงอย่างเต็มที่กว่านี้ก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้แน่! แต่ใครจะไปคิดว่า ราชวงศ์ปิงเฟิงจะใช้วิธีการโจมตีมาจากบนฟ้าอย่างลายเส้นอักขระสายฟ้าแบบนี้กันล่ะ?
มันแทบจะป้องกันอะไรไม่ได้เลย!
ิเฉินเหยียนถอนหายใจแล้วพูดว่า “ดังนั้นข้าถึงได้คิดหาวิธีการขึ้นมา นั่นก็คือ ... สร้างผลึกโลหิตเก้าโคจรขึ้น”
“ผลึกโลหิตเก้าโคจร!”
เซิ่นเจิ่นโหวใจนส่งเสียงออกมา มีคนไม่มากนักที่รู้เื่เกี่ยวกับผลึกโลหิตเก้าโคจร เขาเป็ขุนพลสร้างแผ่นดินย่อมรู้เื่นี้ดีอยู่แล้ว ผลึกโลหิตเก้าโคจรเป็ของวิเศษที่ถูกแย่งชิงกันอย่างบ้าคลั่ง
พอได้ยินคำว่า “ผลึกโลหิตเก้าโคจร” สายตาของิเสวียนก็ปรากฏแสงที่ลึกลับออกมา
“ถูกต้อง ผลึกโลหิตเก้าโคจร”
ิเฉินเหยียนพูดต่อว่า “การสร้างผลึกโลหิตเก้าโคจร จะต้องได้หัวใจของอสูรดุร้ายที่สุดเก้าดวงมาเป็วัตถุดิบ มันเป็กรรมวิธีที่บรรพบุรุษของต้าิเราสืบทอดต่อกันมา มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น หากรวบรวมหัวใจของอสูรร้ายมาครบทั้งเก้าดวง ข้าก็จะสามารถสร้างผลึกโลหิตเก้าโคจรขึ้นได้ หลังจากที่ดูดซับพลังงานจากมันแล้วก็จะสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายกลับไปเหมือนเดิมได้ แล้วยังก้าวหน้าขึ้นได้อีกด้วย”
อสูรร้ายในพื้นที่ของราชวงศ์ต้าิที่จริงล้วนแต่เป็อสูรระดับทั่วไป แต่อสูรระดับทั่วไปเมื่อข้ามผ่านระดับเก้าได้แล้วก็จะกลายเป็าาอสูร มีกำลังรบเทียบเท่ากับิเฉินเหยียน!
ซึ่งก่อนจะไปถึงขั้นนั้นได้ อสูรพวกนั้นจะมีความกระตือรือร้นต่อพลังอำนาจ กระตือรือร้นต่อการทะลวงขั้นอย่างมาก ดังนั้นพวกมันจะมีความโเี้ที่สุด!
เพราะระดับสูงสุดขั้นเก้าของระดับทั่วไปนั้นอยู่กึ่งกลางระหว่างระดับาาขั้นที่หนึ่ง ห่างกันแค่นิดเดียว ดังนั้นระดับสูงสุดขั้นเก้าของระดับทั่วไปจึงถูกเรียกอีกอย่างว่า ความดุร้ายระดับสิบ!
ิเฉินเหยียนพูดถึงอสูรขั้นเก้าระดับสูงสุดเก้าตัว ในความเป็จริงแล้ว ก็คืออสูรความดุร้ายระดับสิบเก้าตัว!
ิอวี่เองก็พอรู้ แต่ในใจของเขาก็เกิดความสงสัย
ในเมื่อรู้ว่ามีวิธีแบบนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ทำผลึกโลหิตเก้าโคจรขึ้นมาแต่แรก ทำไมต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย?
ในเวลานี้เองิเฉินเหยียนก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “และอสูรความดุร้ายระดับสิบเก้าตัวที่แข็งแกร่งพวกนี้ เท่าที่ข้ารู้มามีอยู่แค่ที่เดียวเท่านั้น ที่นั่นมีอสูรความดุร้ายระดับสิบอยู่มากกว่ายี่สิบตัว แต่ละตัวมีความเดือดดาลกระหายเืสูง เป็สายพันธุ์ที่พิเศษมากซึ่งเหมาะแก่การนำมาทำผลึกโลหิตเก้าโคจรอย่างมาก”
“และสถานที่นั้นก็คือ ดินแดนอสูรว่านโซ่ว!”
ดินแดนอสูรว่านโซ่วเป็ดินแดนที่แปลกมาก มันเป็ดินแดนที่เป็อิสระจากโลกภายนอกที่ผู้กล้าคนหนึ่งสร้างขึ้นเมื่อสามหมื่นปีก่อน ซึ่งเรียกกันว่าโซ่วอ๋อง เขาเคยเลี้ยงและฝึกอสูรเอาไว้จำนวนมาก เมื่อเขาตายก็นำอสูรเ่าั้ฝังเอาไว้ที่ดินแดนอสูรว่านโซ่วทั้งหมด
ดินแดนอสูรว่านโซ่วตั้งอยู่ในน้ำตกเทียนเซียวที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของราชวงศ์ต้าิ มันเป็พื้นที่ที่กว้างขวางและมีอสูรอยู่เป็จำนวนมาก
“โซ่วอ๋องผู้สร้างดินแดนอสูรว่านโซ่วเหมือนจะไม่ได้อยากให้ใครบุกรุกเข้าไปนัก เพราะมันจะทำให้อสูรทั้งหมดเกิดการาเ็ล้มตาย ดังนั้นถึงได้ปิดผนึกพื้นที่เอาไว้ มีแค่ผู้กล้าในระดับที่ต่ำกว่าขอบเขตอมฤตเท่านั้นที่เข้าไปได้ และนี่ก็เป็สาเหตุที่ว่าทำไมข้าถึงไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้” ิเฉินเหยียนถอนหายใจแล้วพูด
ทุกคนถึงได้เข้าใจ หากคนที่มีขอบเขตอมฤตสามารถเข้าไปได้ เกรงว่าิอ๋องคงเข้าไปแล้วลงมือสังหารครั้งใหญ่ไปแล้ว
“เราจะนำหัวใจอสูรทั้งหมดในดินแดนอสูรว่านโซ่วกลับมาให้เสด็จพ่อสร้างผลึกโลหิตเก้าโคจรเองพะยะค่ะ!” ิเสวียนคำนับแล้วพูด
เสียงของิเสวียนดังก้องไปทั่วตำหนักหลงเถิง แต่ว่าิเฉินเหยียนกลับไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย
ิเฉินเหยียนมองไปที่ิเสวียน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
ิเสวียนตะลึงไปกำลังจะเอ่ยปากถาม เสวียปู้หุ่ยกลับเดินมาตบไหล่ของิเสวียน ส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชายเก้า ครั้งนี้ให้พวกกระหม่อมไปก็พอแล้ว ท่าน ... ไม่ต้องไปหรอกนะ”
พูดจบเสวียปู้หุ่ยเองก็มองไปที่ิอู่กับิเยวี่ย แล้วพูดว่า “พวกท่านทั้งสองก็ไม่ต้องไปเหมือนกัน”
เสวียปู้หุ่ยรู้ว่าิเฉินเหยียนคิดอะไร ดินแดนอสูรว่านโซ่วเป็พื้นที่ที่อันตรายอย่างมาก หากิเสวียนกับเด็กๆ ที่เก่งกล้าอีกสองคนไปด้วยถือว่าเป็กำลังที่ช่วยได้เยอะมาก แต่มันก็จะมีอันตรายถึงชีวิตด้วยเหมือนกัน!
แคว้นกำลังมีภัย แต่ว่าิเฉินเหยียนก็ไม่ได้อยากเห็นลูกชายกับลูกสาวของตัวเองต้องไปสละชีวิต ลูกคนอื่นยังไม่เท่าไร แต่ว่าิเสวียนเป็ลูกชายที่เขารักมากที่สุด เขาจะให้เกิดเื่ไม่ได้เด็ดขาด!
“เสด็จพ่อ เกรงว่าครั้งนี้ลูกอาจจะทำให้พระองค์ต้องผิดหวัง”
ิเสวียนเหมือนจะเข้าใจความหมายที่เสวียปู้หุ่ยพูด แต่เขากลับพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ลูกเป็ผู้กล้าของต้าิ ต้าิกำลังมีภัย หากลูกไม่ทำอะไรเลยมันมิเป็การผิดต่อสมญานามของลูกกระนั้นหรือ? หากเสด็จพ่อทรงจะปกป้องลูกด้วยวิธีนี้ มันจะกลายเป็ที่ครหาเอาได้นะพะยะค่ะ”
“หากวันนี้เสด็จพ่อไม่ทรงอนุญาตให้ลูกไปดินแดนอสูรว่านโซ่ว ลูกก็จะคุกเข่าอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามลูกไม่ได้”
พูดจบเขาก็คุกเข่าลงไปกับพื้น โขกศีรษะลงไปกับพรมสีแดง แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เสด็จพ่อ เราเองก็มีความรับผิดชอบนั้นเช่นกัน เราก็จะไปด้วย!”
พอมีิเสวียนเริ่ม ิอู่กับิเยวี่ยเองก็คุกเข่าลงเช่นกัน
พอเห็นความมีคุณธรรมน่าเกรงขามของิเสวียนทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งใจ ิเฉินเหยียนถอนหายใจอย่างแรง มาถึงขั้นนี้แล้วเขาทำได้แค่พยักหน้าตอบรับ
ไม่ว่าจะความสามารถหรือว่าความยึดมั่นในคุณธรรม ิเสวียนก็ไร้ที่ติ ทำให้ิเฉินเหยียนนั้นรักในตัวลูกชายคนนี้มากขึ้น
แต่มีแค่ิอวี่คนเดียวเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว เขาเหมือนจะมองเห็นพิรุธอะไรบางอย่าง
ถึงแม้ิเสวียนจะดูมีคุณธรรมสูง แต่การบีบให้ิอ๋องทำตามที่เขา้า มันเหมือนว่าเขากำลังเป็ผู้ตัดสินในทุกอย่าง