เมื่อมองไปยังอาหารปริมาณอย่างน้อยห้าคนกิน แต่กลับมีอุปกรณ์การกินเพียงชุดเดียว เว่ยเจียก็ขมวดคิ้วมุ่น
'อาหารเต็มโต๊ะขนาดนี้จะกินหมดได้ยังไงกัน เสียดายแย่!'
ด้วยนิสัยประหยัด เว่ยเจียเห็นจานหมูต้นสูตรตงโปที่กินไปเพียงคำเดียวก็ไม่ได้แตะอีก คิ้วก็ยิ่งขมวดแน่น
ขณะนั้นเอง เจี่ยนซีเมิ่งก็คว้ามีดมาปักลงบนหลังกุ้งัตัวใหญ่ แล้วกรีดมีดลงไป เปลือกสีแดงสดก็ปริแตกออก เผยให้เห็นเนื้อสีชมพูสวยงาม
"นั่งสิ" ท่านประธานเจี่ยนผงกศีรษะไปทางเขาเป็เชิงบอกให้เขานั่งที่ว่างข้างๆ
เว่ยเจียก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ จึงทำตามอย่างว่าง่าย
ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร โทรศัพท์มือถือของเจี่ยนซีเมิ่งก็ดังขึ้น เขามองปราดเดียวที่ชื่อที่แสดงบนหน้าจอ ก็วางมีดลงแล้วรับสายทันที
"แม่"
อัลฟ่าผู้หยิ่งผยองเปลี่ยนเป็สีหน้าอ่อนโยน ทำท่าเหมือนเด็กดี ไม่ได้จงใจหลบเลี่ยงเว่ยเจีย เพียงแต่จิบเหล้าขาว แล้วพูดจาอ่อนหวานกับปลายสาย
"…มีสิครับ จะไม่มีได้ยังไง คิดถึงทุกวันเลย… ไม่ครับ ไม่ต้องห่วงผมกับไป๋จิ่ง พวกเราก็เป็แบบนี้มาตลอด… มีครับ สบายดี… แต่งงานเหรอ? เฮอะ ไว้ค่อยว่ากัน ผมยุ่งเื่บริษัทอยู่นะครับ"
เจี่ยนซีเมิ่งเดิมทีสีหน้าผ่อนคลาย แต่พอได้ยินคำว่าแต่งงาน สีหน้าก็พลันหม่นลง เว่ยเจียที่นั่งอยู่ข้างๆ จับความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนั้นได้โดยธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ท่านประธานเจี่ยนดูเหมือนไม่ได้หลบเลี่ยงเขา แต่ความจริงคือมองเขาเป็เครื่องประดับที่ไม่รู้จักพูดจา เขารู้เื่นี้ดี ดังนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือไม่ฟัง ไม่มอง ไม่พูด
'มีคู่หมั้นอยู่แล้วยังกล้าพาคนอื่นมาที่นี่อย่างเปิดเผย หมอนี่เลวได้ใจจริงๆ สมควรแล้วที่นกเขาไม่ขัน…' เว่ยเจียแอบด่าในใจ แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกตลก ในสายตาของคนเลวคนนี้ เขาก็เป็แค่คนขายตัวที่รอคนมาซื้ออยู่ดี ใครมันจะสูงส่งกว่าใครกัน… ดังนั้นเขาจึงคว้าตะเกียบที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วคีบอาหารใส่จานให้ผู้สนับสนุนทางการเงินอย่างเงียบๆ
ปลายสายพูดแต่เื่เดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา "อย่าเที่ยวเล่นให้มันมากนักนะ!" "ถึงเวลาลงหลักปักฐานแล้ว!" "พ่อแม่ทางบ้านนั้นก็เร่งมาแล้วนะ!" เจี่ยนซีเมิ่งทนความรำคาญแล้วตอบโต้ไปอย่างเสียไม่ได้ นานๆ ทีก็จะหัวเราะออกมาสักสองสามครั้ง
ั้แ่เขาจำความได้ พ่อแม่เอาแต่ทะเลาะกันหรือไม่ก็ทำาเย็น เพราะพ่อมีโอเมก้าน้อยข้างนอกนับไม่ถ้วน หลังจากพ่อออกจากบ้านไป แม่ก็จะร้องไห้ฟูมฟายดึงเขากับน้องชายมาร่วมวงบ่นว่าฟ้าดินด้วยกัน แต่บ่นไปก็เท่านั้น พออัลฟ่าที่แสนน่ารังเกียจกลับบ้าน พวกเขาทั้งสองก็กลับไปกอดจูบกันบนเตียงอย่างชื่นมื่นเหมือนเดิม…
มองดูพ่อแม่ที่รักกันแบบฆ่ากันให้ตาย เจี่ยนซีเมิ่งก็กลัวการแต่งงาน ยิ่งตอนนี้รูปแบบการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจแบบนี้กลับมาตกอยู่บนหัวของเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็อัลฟ่าที่อยู่เหนือกว่า เมื่อเทียบกับแม่ที่เป็โอเมก้าที่เมื่อถูกตีตราแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น สถานการณ์ของเขาไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็วางแก้วเหล้าลงอย่างช้าๆ ความอยากอาหารก็พลันหายไป ตอนนั้นเองสายตาก็เหลือบไปเห็นบนโต๊ะ เพิ่งสังเกตว่าจานเปล่าของตัวเองถูกเติมเต็มไปด้วยอาหารแล้ว แม้กระทั่งเมล็ดเชอร์รี่ยังถูกเอาออกให้อย่างใส่ใจ
ไอ้เด็กนี่… เจี่ยนซีเมิ่งคีบปลาเปรี้ยวหวานที่เลาะก้างออกจนหมดแล้วขึ้นมา ความรู้สึกดีๆ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เข้าใจว่าความเอาใจใส่แบบนี้ซื้อมาด้วยเงินทั้งนั้น เขาเป็คนที่ถูกปรนนิบัติจนเคยตัวไปแล้ว จึงรับมันมาอย่างเต็มใจ แล้วนำเนื้อปลาที่นุ่มละมุนลิ้นเข้าปาก
เว่ยเจียยกมือเติมเหล้าให้เขาจนเต็มแก้ว แล้วก็ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ ทำท่าเหมือนรอคำสั่ง เจี่ยนซีเมิ่งจึงพิจารณาใบหน้าของเด็กหนุ่มอย่างละเอียดเป็ครั้งแรก ถึงเพิ่งสังเกตว่าขนตาของเขาเรียงเส้นเป็แพยาว สร้างเงาสีม่วงอ่อนๆ พาดผ่านข้างสันจมูกที่โด่งเล็กน้อย เมื่อรวมกับใบหน้าที่จืดชืดจนเกือบจะสะอาด กลับมีเสน่ห์ที่อ่อนโยนอย่างไม่คาดคิด
เจี่ยนซีเมิ่งกลืนเนื้อปลาลงคอ ไม่รู้ว่าเป็เพราะอาหารทะเลหรือเพราะความแปลกใหม่กันแน่ เขาจึงรู้สึกสนใจเด็กหนุ่มที่แทบจะไร้ซึ่งมลทินตรงหน้าอย่างรุนแรง และยังสนใจในแง่ของร่างกายอีกด้วย เขาจึงวางตะเกียบลง แล้วพูดออกมาเบาๆ ว่า "ฉันอยากกินสตรอว์เบอร์รี"
เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย แล้วก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ลูกโตมาให้เขาอย่างเชื่อฟัง แถมยังจุ่มน้ำผึ้งแล้วจึงส่งมาที่ริมฝีปากของเขา แม้สีหน้าจะเฉยเมย แต่ไม่กล้าสบสายตากับเขา เจี่ยนซีเมิ่งมองดูนิ้วมือที่สั่นระริกนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
'เ้าเด็กอวดดี เมื่อวานซืนยังกล้ามาท้าทายต่อหน้าฉันอยู่เลย เฮอะ'
เจี่ยนซีเมิ่งแอบขำในใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนี่ทำให้เขาสนใจแล้ว มองดูใบหน้าที่ขาวซีดที่พยายามทำเป็สงบ เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าตอนอยู่บนเตียง เด็กนี่จะครางออกมาอย่างประจบประแจง หรือจะรักษาสีหน้าเ็าแบบนี้ไว้ และไม่กล้าส่งเสียงร้อง…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนซีเมิ่งก็เหมือนถูกจินตนาการของตัวเองปลุกเร้า ท้องน้อยก็พลันตึงขึ้นมา ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเขามีอารมณ์แล้ว แม้จะไม่เข้าใจว่าน้องชายของตัวเองเป็อะไรกันแน่ แต่เจี่ยนซีเมิ่งที่เป็คนเปิดเผยต่อความ้ามาตลอดก็ไม่ได้คิดจะเก็บมันไว้ เขายิ้มแล้วรับสตรอว์เบอร์รีที่เว่ยเจียยื่นให้มาอย่างเต็มใจ กัดกินไปคำใหญ่ น้ำผลไม้ที่เต็มเปี่ยมยิ่งทำให้ริมฝีปากแดงระเรื่อของเขาชุ่มฉ่ำยิ่งขึ้น ขับสีฟันขาวดูคมชัดขึ้นมา
"อ้าปาก"
เว่ยเจียได้ยินผู้มีพระคุณพูดเช่นนั้น และยื่นเนื้อผลไม้ที่เหลือครึ่งหนึ่งมาจ่อที่ริมฝีปากของเขาอีกครั้งแล้ว
'เมื่อไหร่จะจบกันสักที ไอ้บ้านี่ทำไมชอบป้อนอะไรให้เขากินนัก!'
เว่ยเจียที่รักความสะอาด พยายามควบคุมคิ้วที่กำลังจะกระตุกของตัวเองเอาไว้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่รอให้เขาอ้าปาก กลับใช้สตรอว์เบอร์รีแทนลิปสติก มาทาถูที่ริมฝีปากของเขาอย่างสนุกสนาน
ผลไม้ที่บอบบางถูกแรงของเขาที่ไม่เบานักจนเละเป็โจ๊ก ถูจนริมฝีปากของเว่ยเจียเปียกชุ่มไปด้วยน้ำผลไม้ที่ไหลลงมาตามคางจนถึงลำคอ กลิ่นสตรอว์เบอร์รีที่เข้มข้นยิ่งทำให้การป้อนอาหารที่แปลกประหลาดนี้มีความกำกวมเป็อย่างยิ่ง ปกเสื้อที่เปียกไปด้วยน้ำสตรอว์เบอร์รีทำให้เว่ยเจียสะดุ้งโหยง การสั่นสะท้านเล็กน้อยของเขาทำให้ผู้ชายที่กำลังทำร้ายเขายิ้มออกมาอย่างเ้าเล่ห์
"กิน" ผู้ชายพูดอย่างสั้นกระชับ แต่ในสายตากลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างท่วมท้น
เว่ยเจียถูกดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยแรงกดดันคู่นั้นทำให้ตกตะลึง เขาอ้าปากค้าง ปล่อยให้อีกฝ่ายป้อนเนื้อผลไม้ที่เละเหลวทั้งหมดเข้ามาในปากของเขา
ปลายนิ้วเรียวยาวของผู้ชายวางอยู่บนริมฝีปากของเขา ทำให้เขาต้องใช้เวลาในการเคี้ยวและกลืนอยู่ครู่หนึ่ง รอจนกระทั่งเขากลืนสตรอว์เบอร์รีทั้งหมดลงไปด้วยสีหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ ปลายนิ้วก็ไม่ได้ละไปจากริมฝีปากของเขา กลับลากไล้ต่อไปตามริมฝีปากของเขาเบาๆ
เว่ยเจียถูกััจนขนลุกซู่ไปทั้งตัว รู้สึกว่าแรงที่ริมฝีปากของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาถึงไม่มีประสบการณ์ก็เข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายแล้ว ใบหน้าก็อดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าว
เห็นเขาหน้าแดง ชายหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไร แต่บรรยากาศที่โอ่อ่าและเอาแต่ใจที่อัลฟ่าชั้นสูงมักจะมีก็ยังทำให้เว่ยเจียสั่นสะท้าน เขานึกถึงเสี่ยวถิง นึกถึงเช็คเงินสดสองล้านบาท ก็ฝืนความอายและความกลัวเอาไว้ แล้วค่อยๆ แย้มริมฝีปากออก ยื่นลิ้นไปเลียปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยกลิ่นสตรอว์เบอร์รีนั้นอย่างช้าๆ
เมื่อลิ้นเลียผ่านร่องนิ้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าเป็เพราะรู้สึกจั๊กจี้ หรือพอใจในการกระทำของเขา แต่เว่ยเจียในตอนนี้อับอายจนไม่มีเวลาคิดอะไรมาก ทำได้เพียงหลับตาลง แล้วบังคับตัวเองให้ปล่อยวาง
เขาฝืนความรู้สึกอับอายที่กำลังจะท่วมท้น พยายามเอาใจผู้ชายคนนี้ เขาคิดว่าในปากของเขามีแต่กลิ่นที่ซับซ้อน นอกจากรสเปรี้ยวอมหวานของสตรอว์เบอร์รี ก็ยังมีกลิ่นซิการ์จางๆ กลิ่นแชมเปญราคาแพง หรือแม้แต่กลิ่นหอมที่ยากจะระบุ อาจจะเป็กลิ่นตัวของไอ้บ้านี่… ความรู้สึกนี้ทำให้เว่ยเจียที่ไม่เคยมีใครมาก่อนหน้าแดงขึ้นมา ทำได้เพียงฝืนความอายที่กำลังจะะเิต่อไป
ขณะนั้นเองผู้ชายก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางคีบลิ้นของเขาไว้ แล้วเล่นกับมันด้วยแรงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ปากของเว่ยเจียถูกนิ้วเรียวยาวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขวางไว้จนปิดไม่ได้ เขารู้ว่าไม่สามารถขัดขืนได้ ก็ฝืนอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอมบุกรุก ปล่อยให้อีกฝ่ายดึงรั้งและข่วนลิ้นของเขาอย่างร้ายกาจ ราวกับเป็การเล่นตลกที่แสนประหลาดและน่าพรั่นพรึง ทำให้เขาน้ำตาไหลออกมากอย่างอดกลั้นไม่ได้
เด็กหนุ่มเบต้าที่มีดวงตาเรียวเล็กมีสีชมพูระเรื่อที่หางตา ขนตายาวมีหยาดน้ำตาเกาะอยู่ ลำคอขาวผ่องแดงก่ำไปหมด แม้แต่เส้นเืก็ยังปูดออกมา สีหน้าเ็ปแต่ก็ต้องจำใจทำตาม กลับกระตุ้นความอยากเอาชนะของเจี่ยนซีเมิ่ง นอกเหนือจากความได้เปรียบของอัลฟ่าชั้นสูงแล้ว เพียงแค่รูปร่างหน้าตาและฐานะของเขา ก็มีสาวงามมากมายที่หวังจะได้รับการโปรดปรานจากเขา แต่เด็กหนุ่มนี่กลับทำท่าหยิ่งยโส หรือว่าจงใจยั่วเขาเล่นกันแน่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนซีเมิ่งก็กระตุกยิ้มมุมปาก แม้น้องชายของเขาดูเหมือนจะชอบการยั่วยวนแบบนี้ แต่คุณชายเจี่ยนที่มักจะสั่งฟ้าสั่งฝนได้เสมอไม่อยากจะตามใจเด็กนี่ เขามองดูคิ้วของเว่ยเจียที่ขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมความคิดร้ายที่เกิดขึ้นมาในใจ
เขายิ้ม แล้วปล่อยนิ้วที่คีบลิ้นของเว่ยเจียออก เห็นเว่ยเจียถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก็อดไม่ได้ที่จะแอบขำ เด็กหนุ่มยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ประคองคางเรียวที่เปียกน้ำลายของอีกฝ่ายไว้ แล้วพูดเสียงเบาว่า "แค่นิ้วก็ทำให้หายใจแทบไม่ออกแล้วเหรอ เงินที่ฉันจ่ายไปนี่มันไม่คุ้มเลยนะ"
คำท้าทายที่จงใจของเขาทำให้สายตาของเว่ยเจียหม่นลงในทันทีด้วยความรู้สึกอัปยศ เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเว่ยเจียซีดลงเป็สีเขียวปนขาว ขนตายาวกระพริบถี่ๆ ดูเหมือนความคิดมากมายจะวิ่งผ่านไป สุดท้ายก็กัดฟันพึมพำ "…บอสอยากให้ผมทำอะไร ผมยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ครับ"
บอส?
เจี่ยนซีเมิ่งงงงวยไปเล็กน้อย แต่พอคิดๆ ดูแล้วคำเรียกขานนี้ก็เข้ากับความสัมพันธ์ทางการค้าของพวกเขาดี จึงพยักหน้าเล็กน้อยเป็การยอมรับคำเรียกนี้
"เหอะ นายรู้จักเอาตัวรอดได้ดีจริงๆ"
ทันทีที่พูดจบ เว่ยเจียที่เงยหน้ามองเขาเพราะถูกยกคางขึ้นก็ได้เห็นผู้ชายยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ตื้นเขินกลับงดงามราวกับดอกไม้ แต่เปี่ยมไปด้วยความเ้าเล่ห์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้