จู้หลงถึงกับตะลึงงัน ใช่ว่าเขาไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยาก แต่ทว่า...
คู่ต่อสู้แบบลู่เต้านี้ นับเป็ครั้งแรกที่เขาเคยเจอมา พอลู่เต้าคนนี้สู้จนร่างกายแทบไม่ไหว ก็จะรีบหยิบเอา “ลูกกวาดวิเศษ” ยัดเข้าปาก ด้วยพลังิญญาที่อยู่ในนั้น พลังที่ร่วงโรยก็จะฟื้นฟูขึ้นมาในพริบตา จากนั้นก็กลับมาสู้กับนักรบกระดูกต่ออย่างแข็งขัน
จู้หลงกัดฟันแน่น “ช่างไร้ยางอายนัก!”
จางเฟิงที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตะลึงเช่นกัน “นี่มันวิธีการต่อสู้แบบเศรษฐีที่ไหนกัน”
ในโลกที่พลังิญญาค่อยๆ หดหายไปนี้ ทำให้อาหาริญญานับเป็วัตถุดิบชั้นเลิศที่หาได้ยาก ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะหาทานกันได้ง่ายๆ ส่วน “ลูกกวาดวิเศษ” ที่ผ่านการสกัดพลังิญญาจากอาหาริญญายิ่งมีค่ายิ่งกว่า
อาหาริญญาอันล้ำค่าเช่นนี้ กลับถูกใช้เป็เพียงลูกกวาดธรรมดาสำหรับลู่เต้า กินเข้าไปเม็ดแล้วเม็ดเล่าโดยไม่รู้สึกเสียดายสักนิด
“ไป๋เสีย ของพวกนี้มันล้ำค่ามากเลยใช่หรือไม่” ถึงแม้ลู่เต้าจะไม่ค่อยรู้เื่ แต่ก็พอจะััได้ถึงคุณค่าของ “ลูกกวาดวิเศษ”
ไป๋เสียหาได้ใส่ใจไม่ สมองของเขาในตอนนี้คิดเพียงแค่จะช่วยลู่เต้าให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้า จึงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “กินเข้าไป! กินให้เต็มที่! ตราบใดที่ยังมีชีวิตรอดออกไปได้ ข้าจะสกัดให้กินทุกวัน!”
น่าเสียดายที่เขาไม่อาจฟื้นฟูพลังิญญาจากการกินแบบลู่เต้าได้ มิเช่นนั้นเขาคงเข้าไปจัดการเ้าเด็กเหลือขอนี่ แล้วกำจัดลูกกระจ๊อกสองตัวนี้ให้สิ้นซากไปนานแล้ว!
เนื่องจากนักรบกระดูกเคลื่อนไหวเชื่องช้า แถมยังถือดาบใหญ่ ทำให้รับมือกับลู่เต้าที่ว่องไวปราดเปรียวไม่ทัน แม้ก่อนหน้านี้เพิ่งจะโจมตีจนลู่เต้ากระเด็นไปหมาดๆ แต่ไม่กี่อึดใจต่อมา เขาก็กลับมาโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง
ราวกับแมลงวัน ที่ถึงแม้จะฆ่าไม่ตาย แต่ก็ก่อกวนชวนน่ารำคาญยิ่งนัก
“พอได้แล้ว!” เสียงเ็าที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที พวกเขาทั้งหมดหันไปมองที่นักรบกระดูกเป็ตาเดียว
“เ้า! มันอ่อนแอ!” นักรบกระดูกที่ทุกคนคิดว่าไร้ซึ่งจิตสำนึก ทนไม่ไหวจนเอ่ยปากพูดขึ้นมา!
เมื่อสิ้นเสียง มันก็เหวี่ยงกำปั้นกระดูกอันแข็งแกร่งเข้าใส่ร่างของลู่เต้า เพียงหมัดเดียวก็ทำเขากระเด็นไปไกลหลายเมตร
แน่นอนว่าลู่เต้าเพียงแค่หยิบ “ลูกกวาดวิเศษ” เข้าปาก ก็สามารถยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง พลังิญญาที่อ่อนกำลังก็พลันบันดาลขึ้นมาอีกครั้ง
“ใช่ พลังของข้ามันอ่อนแอจริงๆ” ลู่เต้าเช็ดเืที่มุมปาก เงยหน้าขึ้นพลางกล่าว “ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจแล้วว่าจะซัดเ้าให้หนักๆ หลายๆ ครั้ง จนกว่าเ้าจะตายไปข้าง!”
หลังจากใช้พลังไปหลายครั้ง จำนวนของ “ลูกกวาดวิเศษ” ก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลู่เต้าหยิบเอา “ลูกกวาดวิเศษ” สีฟ้าขึ้นมาเตรียมจะใส่ปาก ไป๋เสียก็รีบตวาดเตือน “เม็ดนั้นกินแล้วร่างกายจะร้อนรุ่ม! อย่ากิน!”
“แล้วจะให้ข้าหยิบขึ้นมาทำไม!” ลู่เต้ารีบโยน “ลูกกวาดวิเศษ” สีฟ้าทิ้งไป
“เ้าโง่! ข้าหวังดีกับเ้าต่างหาก!” ไป๋เสียกล่าวอย่างโมโห “ลูกกวาดวิเศษเพียงเม็ดเดียว หากเอาไปขายในเมืองใหญ่ บรรดาเศรษฐีคงแย่งกันซื้อจนหัวร้างข้างแตกแน่!”
“ไม่เอา!” ลู่เต้าขมวดคิ้วควักเอา “ลูกกวาดวิเศษ” สีขาวออกมาอีกเม็ด
ไป๋เสียรีบห้ามปรามอีกครั้ง “เม็ดนี้ก็กินไม่ได้! กินเข้าไปแล้วตาบอดแน่!”
ลู่เต้าเหลือบมองถุงที่เต็มไปด้วย “ลูกกวาดวิเศษ” หลากสีสัน ไม่รู้ว่าเม็ดไหนกินได้ เม็ดไหนกินไม่ได้ ทันใดนั้นเองนักรบกระดูกก็เหวี่ยงดาบเข้าโจมตี ด้วยอารามร้อนรน ลู่เต้าจึงคว้าเอา “ลูกกวาดวิเศษ” สีแดงเพลิงเข้าปาก ความรู้สึกร้อนราวกับลาวาแผ่ซ่านไปทั่วปาก
“เผ็ดชะมัด…” ลู่เต้าเผ็ดจนน้ำตาไหลพรากพูดไม่เป็ศัพท์
“นั่นเป็พริกที่ข้าสกัดพลาด” ไป๋เสียกล่าว “ถึงจะเผ็ดไปหน่อย แต่มีผลในการเพิ่มพลังิญญาได้ชั่วคราว”
ลู่เต้ารู้สึกได้ถึงกระแสอุ่นๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่าง และพลังิญญาของเขาก็เพิ่มขึ้น
ตอนนี้นักรบกระดูกเหวี่ยงดาบเข้าใส่แล้ว แสงสีฟ้าครามวาววับในดวงตาของลู่เต้า ไม้สะกดมารสาดแสงสีทอง ปลดปล่อยซึ่งพลังปราบมารอันยิ่งใหญ่ ก่อนที่ลู่เต้าจะฟาดฟันลำแสงสีทองเข้าใส่นักรบกระดูกจนแหลกสลายหายวับไปในอากาศธาตุ
เมื่อนักรบกระดูกกลายเป็ผุยผงไปในอากาศ ลู่เต้าก็หันไปจ้องมองที่จู้หลง แม้จะสูญเสียปีศาจอันล้ำค่าไปแล้ว แต่จู้หลงกลับไม่แสดงท่าทีแยแสแม้แต่น้อย
ลู่เต้าขยับตัวเตรียมจะพุ่งเข้าไปหา จู้หลงก็รีบเอ่ยปราม “อย่าขยับ”
จู้หลงยกมือข้างหนึ่งขึ้นเป็รูปกรงเล็บ แล้วชี้ไปทางกรงขังที่กู่เสี่ยวอวี่ถูกขังอยู่ อีกข้างหนึ่งตั้งนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้าอก พลางกล่าวอย่างเ็า “หากเ้ายังขยับอีก ข้าจะฆ่าพวกมัน!”
นับว่าคำพูดนี้ส่งผลกระทบลู่เต้าอย่างหนัก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจ สายตาหันไปมาระหว่างกู่เสี่ยวอวี่กับจู้หลง
“ปล่อยนางไปเถอะ เ้าหนู” ไป๋เสียที่เฝ้ามองอยู่ได้แต่พยายามเกลี้ยกล่อม “เ้าเพิ่งจะรู้จักกับนางได้ไม่นาน ทำไมต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย”
“ไป๋เสีย” ลู่เต้ากัดฟันแน่น “ไม่ว่าคนที่ถูกขังอยู่ในกรงนั้นจะเป็ใคร ข้าก็ไม่มีวันทิ้งไป!”
ลู่เต้าไม่มีวันลืมภาพเหตุการณ์ที่เงากวนอิมบุกโจมตีหมู่บ้านในตอนนั้น ว่าเขาช่างไร้หนทางและปรารถนาให้มีคนมาช่วยเหลือมากเพียงใด
เป็ความสิ้นหวังที่แสนทรมาน
“ลู่เต้า อย่าสนใจข้าเลย! รีบหนีไป!” กู่เสี่ยวอวี่ร้อนใจจนน้ำตาคลอเบ้า พยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้ลู่เต้าจากไป
“ไม่ต้องห่วง เสี่ยวอวี่ ข้าจะต้องช่วยเ้าออกมาให้ได้” ลู่เต้ายิ้มปลอบใจให้นาง
เมื่อเห็นว่าลู่เต้าให้สัญญากับกู่เสี่ยวอวี่ จู้หลงก็แสยะยิ้มอย่างเหี้ยมโหด ก่อนกำมือแสงสีเืพุ่งออกมาจากใต้กรงขัง
“นะ...นี่มันอะไรกัน!” เกาฮ่าวกล่าวด้วยใบหน้าตื่นตระหนกยิ่ง
กู่เสี่ยวอวี่เหลือบมองที่พื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลู่เต้า แล้วะโเรียก “ลู่เต้า...”
หลังจากแสงสีดำแดงวูบไหว ภายในกรงขังก็ว่างเปล่า ทั้งเกาฮ่าวและกู่เสี่ยวอวี่ต่างหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ดวงตาลู่เต้าเบิกกว้าง เส้นผมทั่วร่างลุกชูราวกับถูกไฟช็อต เืในกายรุ่มร้อน เขาะโอย่างบ้าคลั่ง “เ้าทำอะไรลงไป!!!”
“โอ๊ะ ขออภัยด้วยจริงๆ” จู้หลงทำท่าทางจนปัญญา ยักไหล่เล็กน้อย “เผลอบีบมือแรงไปหน่อย”
“เ้าหนู! อย่าไปสนใจคำยั่วยุของมัน!” ไป๋เสียพยายามพูดเตือนสติเป็ครั้งสุดท้าย
แต่ทว่าลู่เต้าในตอนนี้ไม่อาจได้ยินอะไรได้อีกแล้ว เขาโกรธจนแทบบ้าคลั่ง ยกไม้สะกดมารขึ้นฟาดฟัน จู้หลงไม่รีบร้อน ตั้งท่าเตรียมรับมือ ตั้งนิ้วชี้ตรงหน้าอก มืออีกข้างพุ่งเข้าไป
การโจมตีเพื่อปลิดชีพกลับหยุดชะงักลงตรงหน้าผากของจู้หลง ลู่เต้าใช้พลังทั้งหมดที่มี แต่ก็ไม่อาจฟาดฟันลงไปได้
จู้หลงยิ้มเยาะถอยหลังไปหนึ่งก้าว ปล่อยมือออก แสงสีเืสี่จุดปรากฏขึ้นใต้เท้าของลู่เต้า ที่แท้ที่นี่ก็ถูกวางค่ายกลเอาไว้แล้ว
“เ้าคิดว่าข้าเอาแต่ยืนดูเฉยๆ งั้นหรือ” จู้หลงมองลู่เต้าที่ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินในค่ายกล “แน่นอนว่าข้าไม่ได้อยู่เฉยๆ เพียงแต่ไม่คิดว่าเ้าจะหลงกลได้ง่ายดายเช่นนี้”
จู้หลงแสยะยิ้ม “เ้าหนู เ้าแพ้แล้ว”
เมื่อสิ้นเสียง เขาก็บีบมือ แสงสีดำแดงวูบไหวขึ้นมาในค่ายกล แรงกดดันมหาศาลกดทับร่างของลู่เต้าจากทุกทิศทาง
หลังจากแสงสีดำแดงสลายหายไป แรงกดดันมหาศาลดุจูเาถล่มทะเลซัดโถมเข้าใส่ร่างของลู่เต้า ลู่เต้าพยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง ปลดปล่อยพลังิญญาออกมาปกคลุมทั่วร่าง เพื่อต้านทานแรงกดดันอันมหาศาลของค่ายกล
เคล็ดวิชาคุ้มกายด้วยพลังิญญาที่เคยล้มเหลวมาโดยตลอด ตอนนี้กลับถูกใช้ออกมาได้ในยามคับขัน
จู้หลงเพิ่งเคยเห็นผู้ฝึกตนระดับเดียวกันสามารถต้านทานค่ายกลนี้ได้ถึงขั้นนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชม “หากเ้าไม่ประมาท พวกข้าคงรับมือเ้าได้ยากนัก”
ลู่เต้าที่แบกรับแรงกดดันอันมหาศาลร่างกายสั่นเทา จู้หลงพึมพำบางอย่าง แรงกดดันในค่ายกลทวีคูณขึ้นอีก
ทว่าการฝึกฝนในยามนี้ นับว่าสายเกินไปแล้ว ลู่เต้าที่รู้ดีแก่ใจว่าถึงขีดจำกัด จึงกัดฟันแน่น ใช้พลังทั้งหมดเปล่งเสียงออกมาจากซอกฟัน “ข้าจะไม่มีวันปล่อยเ้าไป...”
“ข้าต่างหากที่ควรพูด” จู้หลงกล่าวอย่างไม่คิดดี “หลังจากเ้าตายแล้ว ข้าจะดูแลศัสตราวุธิญญาของเ้าเป็อย่างดี”
“รวมถึงิญญาของเ้าด้วย” จู้หลงหัวเราะอย่างเ็า “ข้าจะกักขังมันไว้ แล้วทรมานให้เ้าต้องเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
แสงสีดำแดงในค่ายกลพลันวูบไหวอีกครั้ง ครั้งนี้เมื่อแสงสลายหายไป ภายในค่ายกลเหลือเพียงเสื้อผ้าของลู่เต้าและขลุ่ยสะกดมารที่กลับคืนสู่รูปร่างเดิม
จู้หลงก้มลงเก็บขลุ่ยสะกดมารขึ้นมาโดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย
แล้วเหมือนเขานึกอะไรขึ้นมาได้ ควักยันต์สีขาวออกมาจากอกเสื้อแล้วร้องด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ...ิญญาของเ้าเด็กนั้นหายไปไหนกัน”
***
ลู่เต้าพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในห้วงมิติที่เต็มไปด้วยแม่น้ำสีทองอีกครั้ง เขาลอยอยู่เหนือแม่น้ำ ไหลไปตามกระแสน้ำ
“ที่นี่...” ลู่เต้าเอ่ยอย่างเลื่อนลอย
เสียงบรรเลงพิณราวกับเสียงดนตรีจากสรวง์ดังกังวานอยู่ข้างหูของลู่เต้า
“ทำลายทางตัน”
“ที่นี่ที่ไหน...”
“เปลี่ยนโชคชะตา”
“ข้าตายแล้วหรือ...”
“รู้ฟ้าลิขิต”
“ข้าต้องไปที่ใด...”
“ข้ามผ่านวัฏสงสาร”
ภายในแม่น้ำสีทอง แสงสว่างสาดส่อง กระแสนทีที่เชี่ยวกรากพลันหยุดนิ่ง
พลังอันแข็งแกร่งจากต้นน้ำ ดึงรั้งให้ชลธารสีทองไหลย้อนกลับ
“จงไป ลู่เต้า!”
ร่างของลู่เต้าถูกแสงสว่างกลืนกิน ร่างกายเหมือนร่วงหล่นลงมาจากที่สูง
ลู่เต้า
วัฏสงสาร
***
ลู่เต้าลืมตาขึ้นอย่างงุนงง สิ่งที่เห็นคือเพดานถ้ำที่ไม่คุ้นเคย เสียงที่ได้ยินคือเสียงน้ำตกดังกระหน่ำ
รวมถึง...คำถามของไป๋เสีย
“นี่! เ้าหนู! นี่!”
ในที่สุดลู่เต้าก็ได้สติกลับคืน เขาลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ อย่างงุนงง
ชั้นวางหนังสือและชั้นวางยาที่เรียงรายอย่างเป็ระเบียบ รวมถึงหีบไม้สำหรับเก็บเสื้อผ้า
“ที่นี่มันห้องลับของไป๋เสียไม่ใช่หรือ” เขากล่าวอย่างสับสน “ทำไมข้าถึงกลับมาที่นี่ได้”
ไป๋เสียขมวดคิ้วไม่พอใจ “เ้าเป็อะไรไป เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเ้าอยากจะแสดงวิชาให้ข้าดูหรอกหรือ”
ความทรงจำของลู่เต้าพลันพรั่งพรู ภาพเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นไปแล้วนี่
“ตกลง...มันเกิดอะไรขึ้น” ความคิดของลู่เต้าเริ่มสับสน
“ข้าต่างหากที่ควรเป็คนถามคำถามนี้” ไป๋เสียชี้ไปที่จุดชีพจรของลู่เต้าอย่างโมโห “ทำไมโคมิญญาถึงดับลงเล่า!”
