ก่อนเข้ารับการฝึก 30 คนนี้ล้วนเป็อันธพาลบนท้องถนน ไม่มีระเบียบวินัยขององค์กร ไม่เข้าใจกลยุทธ์ และไม่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้ ใช้เป็เพียงพละกำลังและความบ้าเืเท่านั้น แต่หลังจากการฝึกระยะหนึ่ง สามสิบคนนี้กลายเป็พนักงานรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่ง พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก มีไหวพริบดีขึ้น มีความพร้อมเพรียง และมีความพร้อมมากขึ้น ถ้ายังฝึกต่อเรื่อยๆ วันข้างหน้า อาจจะสง่างามเท่ากับทหารหน่วยรบพิเศษที่เกษียณอายุราชการพวกนี้
ซึ่งในเวลานี้ ทั้งสามสิบคนนี้ใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท ซึ่งชุดนี้คัดลอกมาจากชุดตำรวจของประเทศหนึ่ง ดังนั้นดูไปแล้วค่อนข้างทรงอำนาจ ในแผนธุรกิจของรั่วปิน ได้พูดถึงเื่นี้—รูปลักษณ์ภายนอก!
ตอนนี้ไม่ว่าบริษัทไหน หรือผลิตภัณฑ์อะไร ต่างก็ต้องอาศัยรูปลักษณ์ภายนอก ผลิตภัณฑ์ของบริษัทรักษาความปลอดภัย ก็คือพนักงานรักษาความปลอดภัย เมื่อก่อนเคยมีประโยคยอดฮิตจากภาพยนตร์เื่ ‘ตงเซี๋ยซีตู๋’ ที่ว่า นักดาบที่ใส่รองเท้ากับนักดาบที่ไม่ใส่รองเท้า ราคาต่างกันราวฟ้ากับดิน นี่เป็เพียงบรรจุภัณฑ์ที่ง่ายที่สุด เสื้อผ้าที่เรียบร้อย ดูมีสง่าบารมี สามารถทำให้ผู้ว่าจ้างเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น
“แม่ม! เ้าพวกนี้ดูสง่างามจริงๆ! ไม่ได้ๆ ฉันจะต้องหามาใส่บ้างสักชุดละ!”
เห็นพี่น้องในแก๊งพวกนี้กลายเป็พนักงานรักษาความปลอดภัยที่สง่างาม ฮานซานฉางก็คิดไม่ถึง และอีกอย่างชุดพนักงานของบริษัทนี้ออกแบบมาดีมาก ทำให้ฮานซานฉางกับกระทิงเห็นแล้วรู้สึกตาร้อน
“มีของฉันรึเปล่า?” จ้าวเหว่ยก็ถามขึ้นเช่นกัน
“นายเป็ผู้จัดการ ชุดนี้ก็โอเคแล้ว” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างนายอ้วนขนาดนี้ จะใส่ได้ยังไง—อาฉาง เตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม งั้นเราเริ่มกันเลยก็ได้ ไปถล่มรังของจางสางเลี๋ยง!”
“พี่ฉิน พวกเราเตรียมพร้อมแล้ว แล้วคืนนี้เราจะใช้ ‘อาวุธ’ อะไรเหรอครับ? พกมีดไปรึเปล่า?” กระทิงถามเบาๆ
“เอามีดไปทำไม? ครูฝึกไม่เคยสอนให้พวกนายใช้กระบองกันรึไง? ยังมีไม้กระบองที่ช็อตไฟฟ้า?” ฉินหลางถามกลับ
“สอนแล้ว” กระทิงพยักหน้า อันที่จริงเขาแค่คิดถึง ‘ยาชา’ ที่ฉินหลางเคยให้ หลังจากทาไปบนมีดแล้ว แค่ปาดเบาๆ หนึ่งที ก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แล้วกลายเป็เหยื่อในมือเรา
“แบบนั้นไม่ได้ ห้ามพกมีดเด็ดขาด พกไม้กระบอง กับที่ช็อตไฟฟ้าไว้ป้องกันตัวเถอะ” ฉินหลางพูดอย่างมั่นใจ “ต่อให้พวกเราไม่ใช้มีด ก็สามารถจัดการกับพวกจางสางเลี๋ยงได้ไม่ยาก!”
“ดี!” กระทิงตอบ จากนั้นก็พาคนไปเลือกอาวุธ
เวลานี้ ฉินหลางพูดกับครูฝึกคนหนึ่งด้วยรอยยิ้ม “ครูฝึกซี ไปด้วยกันไหมครับ?”
ครูฝึกซี ชื่อซีเจิ้งเหว่ย เป็ครูฝึกที่ฝีมือดีที่สุด เขาเป็บัดดี้เก่าของหม่าจิ้นหย่ง แต่เพราะเขาเรียนจบมาสูง ดังนั้นเมื่อถึงเวลา เขาเกษียณอายุราชการแล้ว ในขณะที่หม่าจิ้นหย่งกลับได้เลื่อนตำแหน่ง
“คุณฉิน ก่อนหน้านี้เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ?” ซีเจิ้งเหว่ยลำบากใจเล็กน้อย
“ครูฝึกซีอย่าเพิ่งเข้าใจผิด” ฉินหลางพูดด้วยรอยยิ้ม “แค่เชิญคุณไปดูผลงานของนักเรียนพวกนี้ ชื่นชมผลงานมากมายของพวกคุณ และจะได้ดูว่าพวกเขายังมีอะไรที่ต้องพัฒนาอีก วางใจได้ ผมรับประกันว่าพวกคุณไม่จำเป็ต้องลงมือเองแน่นอน!”
“ได้ ถ้าอย่างงั้น ฉันไปดูก็ได้” อันที่จริงซีเจิ้งเหว่ยเองก็เป็คนบ้าพลังเหมือนกัน ต่อให้ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง เขาก็อยากไปดู ‘า’ ในคืนนี้ และจะได้ไปดูผลงานของเขาด้วย
ไม่เสียทีที่คนพวกนี้ได้รับการฝึกมาดี ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น ก็เตรียมความพร้อมทุกอย่างเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถตู้เก้าที่นั่งที่บริษัทเตรียมเอาไว้
จากนั้นรถก็ขับตรงไปทางถนนซานหยวน เขตเฉิงซี
ถนนซานหยวนเมืองเซี่ยหยาง นับว่าเป็พื้นที่ล้ำค่าอีกหนึ่งแห่งของเมืองเซี่ยหยาง ในสายตาของชาวยุทธ์ในเมืองเซี่ยหยาง พื้นที่แถบนี้เก็บสัมปทานได้มากกว่าสถานีรถไฟซะอีก เพราะที่นี่เป็ย่านเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซี่ยหยาง—ย่านเศรษฐกิจซานหยวน ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็ของชิ้นเล็กอย่างไฟแช็ก หรือของชิ้นใหญ่อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ล้วนหาซื้อได้ทั้งนั้น
เมื่อมีสัมปทาน แน่นอนว่าต้องมี ‘คนเก็บสัมปทาน’ อยู่แล้ว จางสางเลี๋ยงก็คือคนเก็บสัมปทานของถนนเส้นนี้ อีกอย่าง ชื่อของเ้าหมอนี่ ‘ดัง’ มาก ในย่านเศรษฐกิจซานหยวนไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของจางสางเลี๋ยง แถมเขายังลือกันว่าความจริงแล้วแผงขายของและร้านค้าไม่น้อยที่นี่ เป็ของจางสางเลี๋ยง
รถตู้ 5 คันขับเข้าไปในย่านเศรษฐกิจ ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก ด้วยความที่เป็ย่านเศรษฐกิจ ดังนั้นที่นี่จึงมีรถผ่านไปผ่านมาจำนวนมาก ผู้คนพลุกพล่าน ต่อให้เป็ตอนกลางคืน ที่นี่ก็ยังมีชีวิตชีวามาก แต่ว่าหลังจากฉินหลางและฮานซานฉางเดินลงมาจากรถตู้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ฮานซานฉางเป็มาเฟียเบอร์ต้นๆ ของเมืองเซี่ยหยาง แน่นอนว่าต้องมีคนรู้จักเขาเยอะอยู่แล้ว ที่สำคัญคือสมุนของจางสางเลี๋ยง พวกเขา ทุกคนรู้จักฮานซานฉางแน่นอน แต่ที่นี่เป็พื้นที่ของฮานซานฉาง จู่ๆ ฮานซานฉางก็พาคนข้ามถิ่น นั่นแสดงว่าเื่นี้ต้องไม่ธรรมดาแล้ว
แน่นอนว่า ฮานซานฉางกับฉินหลางเพิ่งลงจากรถ อันธพาลกลุ่มหนึ่งก็ล้อมเข้ามา คนที่เดินนำมีไฝเม็ดใหญ่เท่าเมล็ดถั่วอยู่บนแก้มขวา เขาพูดกับฮานซานฉางด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ฉาง ลมอะไรพัดพี่มา?”
“หมูดำ แม่ม! อย่าพูดไร้สาระ เรียกจางสางเลี๋ยงออกมา!” ฮานซานฉางสบถเย็นเยือก “แกไม่มีสิทธิ์คุยกับข้า!”
“พี่ฉาง ตอนนี้พี่เลี๋ยงไม่อยู่ที่นี่” เ้าหมอนี่ฉายา ‘หมูดำ’ เห็นได้ชัดว่ามันแค่รับหน้าเฉยๆ ความจริงแล้ว ‘หมูดำ’ ชื่อจริงมันชื่อ จูเอ้อเฮย เพราะมีไฝเม็ดใหญ่บนใบหน้า จึงได้ฉายาว่า ‘หมูดำ’
จู่ๆ ฮานซานฉางก็เืขึ้นหน้าจนถีบจูเอ้อเฮยตัวลอยออกไป ร่วงอยู่บนพื้น จากนั้นพูดอย่างเย็นเยือกว่า “แม่ม ยังไม่รีบไปเรียกจางสางเลี๋ยงออกมา!”
แม้ว่าจูเอ้อเฮยจะโมโหมาก แต่เขาไม่กล้าท้าทายฮานซานฉางตรงๆ จำต้องรีบโทรไปหาจางสางเลี๋ยง
10 นาทีผ่านไป จางสางเลี๋ยงก็พาคนแห่มาถึง คนที่เปิดร้านขายส่งอยู่แถวนี้เห็นท่าไม่ค่อยดี รีบปิดประตู ปิดร้าน หรือไม่ก็หลบอยู่ในบ้าน ปิดประตูอย่างมิดชิด
ถึงยังไงที่นี่ก็เป็สัมปทานของจางสางเลี๋ยง ดังนั้นภายในเวลาสิบกว่านาที ก็สามารถรวบรวมคนได้ 70-80 คน และยังมีคนทยอยเข้ามาเรื่อยๆ
ฉินหลางจับจ้องจางสางเลี๋ยง เ้าหมอนี่เป็ชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบกว่า อ้วนมาก และบนหัวยังมีพระอาทิตย์อีกดวง อยู่ในชุดสูทเช่นกัน แต่งตัวมาคล้ายกับจ้าวเหว่ย ที่ต่างคือจางสางเลี๋ยงใส่ชุดสูทสีเทา รองเท้าหนังกับแว่นกันแดด สิบนิ้วของเขา มีหกนิ้วที่สวมแหวนทองวงใหญ่ๆ ดูเป็คนโเี้ อำมหิต
“พี่ฉาง นี่พี่จะทำอะไร?” จางสางเลี๋ยงถามอย่างนิ่งเรียบ แม้เขาจะรู้ว่าตอนนี้ฮานซานฉางมีอิทธิพลมาก แต่ที่นี่เป็ที่ของเขา คนเยอะกว่าได้เปรียบ ไม่จำเป็ต้องกลัว
“ฉันมาหานายก็ต้องมีธุระอยู่แล้ว จางสางเลี๋ยง ต่อไปนายจำไว้ว่า สี่ร้านทางทิศตะวันตกของย่านเศรษฐกิจนี้ นายจะไปเก็บ ‘ค่าคุ้มครอง’ ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากนี้ เงินที่เก็บไปก่อนหน้านี้ ก็ต้องคืนกลับมาให้หมด เดี๋ยวนี้ด้วย!”
ฮานซานฉางไม่อ้อมค้อม แถมน้ำเสียงยังท้าทายมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้