ตอนที่ 4 เผชิญหน้าอสรพิษแห่งขุนเขา
แสงแห่งความหวังที่หลี่ซานจุดประกายขึ้นในค่ายอพยพนั้นเปรียบเสมือนตะเกียงดวงน้อยในคืนเดือนมืด การฟื้นตัวอย่างน่าอัศจรรย์ของป้าจางได้กลายเป็เื่เล่าขานที่ช่วยปลอบประโลมจิตใจอันเหนื่อยล้าของผู้คน เสียงหัวเราะของเด็กๆ เริ่มดังขึ้นอีกครั้ง บทสนทนายามค่ำคืนไม่ได้มีเพียงเื่ราวของความสูญเสียอีกต่อไป แต่เริ่มมีการพูดคุยถึงอนาคตและดินแดนแห่งใหม่ที่พวกเขาใฝ่ฝัน
ทว่าเส้นทางสู่แดนใต้ที่วาดหวังไว้มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลังจากอำลาเมืองหลิงหยางได้เพียงสองวัน ขบวนอพยพก็จำต้องเดินทางเข้าสู่เส้นทางที่ชาวบ้านต่างหวาดผวา... "ช่องเขาอสรพิษดำ"
ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนจากที่ราบแห้งแล้งกลายเป็หุบเขาที่ขนาบข้างด้วยป่าโปร่งและเนินเขาสลับซับซ้อน ต้นไม้สูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์เป็่ๆ ทำให้บรรยากาศดูครึ้มและน่าอึดอัด ถนนดินที่เคยเป็ทางเกวียนกว้างขวาง บัดนี้แคบลงจนเหลือเพียงเส้นทางสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา เสียงลมที่พัดผ่านช่องเขาเกิดเป็เสียงหวีดหวิวคล้ายเสียงกระซิบที่น่าขนลุก ผู้คนเริ่มพูดคุยกันน้อยลง สายตาต่างสอดส่ายไปรอบตัวด้วยความระแวง
“ข้าได้ยินมาว่าแถบนี้คืออาณาเขตของพวกโจรป่าถ้ำดำ” ชายชราคนหนึ่งกระซิบกับคนที่เดินข้างๆ ใบหน้าของเขาซีดเผือด “พวกมันโเี้ยิ่งกว่าหมาป่า อพยพผ่านไปสิบกลุ่ม จะรอดไปได้ไม่ถึงสาม”
คำพูดนั้นแม้จะแ่เบา แต่ก็แพร่กระจายไปในหมู่คณะอย่างรวดเร็วราวกับเชื้อโรค บรรยากาศที่เคยมีความหวังเริ่มถูกแทนที่ด้วยความกลัวที่จับต้องได้ พ่อหลี่ต้าเกอดึงแม่ซูซูและหลี่ซานเข้ามาเดินชิดกันมากขึ้น มือของเขากำไม้เท้าเก่าๆ ที่ใช้พยุงตัวไว้แน่นจนข้อนิ้วขาวซีด
แสงแดดยามบ่ายคล้อยเริ่มอ่อนแรงลง ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็สีส้มแดงฉานราวกับลางบอกเหตุร้าย เงาของต้นไม้ทอดยาวเหยียดออกมาบนเส้นทางราวกับกรงเล็บของปีศาจ
และแล้ว... เสียงที่ทุกคนหวาดกลัวที่สุดก็ดังขึ้น!
“หยุดอยู่ตรงนั้น!!”
เสียงะโห้าวและก้องกังวานดังสนั่นขึ้นจากพุ่มไม้หนาทึบริมทาง ไม่ใช่แค่เสียงเดียว แต่ดังขึ้นพร้อมกันจากหลายทิศทาง ปิดทางหนีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง!
พริบตานั้น ร่างของชายฉกรรจ์แปดคนก็กระโจนออกมาจากที่ซ่อน พวกมันสวมอาภรณ์ขาดรุ่งริ่งที่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็ของเหยื่อผู้โชคร้าย ใบหน้าดำกร้านคร่ำเครียด แววตาดุดันและหิวกระหายราวกับสัตว์ป่า ในมือของพวกมันมีอาวุธครบครัน ทั้งดาบที่ขึ้นสนิม ขวาน และไม้กระบองขนาดใหญ่ที่ตอกตะปูแหลมคม พวกมันคือ "โจรป่าถ้ำดำ" ในตำนานจริงๆ!
ความโกลาหละเิขึ้นทันที!
ผู้หญิงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด เด็กๆ ร้องไห้จ้าด้วยความหวาดกลัว พ่อหลี่ต้าเกอผลักภรรยาและลูกชายไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ยืนประจันหน้าเป็ปราการด่านสุดท้าย ปกป้องครอบครัวด้วยไม้เท้าเพียงอันเดียว ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่พอจะมีกำลังก็รีบรวมกลุ่มกันเป็วงกลม พยายามใช้ร่างกายของตนเองปกป้องเด็กและคนชราที่อยู่ตรงกลาง
“พวกเราไม่มีอะไรจะให้พวกเ้าหรอก!” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งะโตอบกลับไป เสียงของเขาสั่นเครือด้วยความสิ้นหวัง “พวกเราก็เป็แค่ผู้อพยพที่หนีตายมาเหมือนกัน!”
ชายผู้ดูเหมือนจะเป็หัวหน้าโจรย่างสามขุมออกมาเบื้องหน้า เขามีรูปร่างสูงใหญ่กำยำกว่าใครเพื่อน บนใบหน้ามีรอยแผลเป็น่ากลัวที่พาดจากหางคิ้วซ้ายผ่านสันจมูกลงมาจนถึงคาง ทำให้รอยยิ้มเยาะของมันดูบิดเบี้ยวและโเี้ยิ่งขึ้น มันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วเย็นเยียบไปถึงกระดูกสันหลัง
“ฮ่าๆๆ! ไม่มีอะไรจะให้รึ?” มันแค่นเสียง “สัมภาระที่แบกกันมานั่นคืออะไร? อากาศธาตุรึ? ส่งเสบียงและของมีค่ามาให้หมด! แล้วพวกข้าอาจจะเมตตาไว้ชีวิตพวกผู้หญิงกับเด็กๆ ก็ได้!”
คำพูดของมันจุดไฟแห่งความโกรธขึ้นในใจของเหล่าบุรุษ แต่ความกลัวก็ยังคงมีมากกว่า พวกเขาเป็เพียงชาวนาและช่างฝีมือ จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้กับโจรป่าที่ฆ่าคนเป็ผักปลาได้?
“ข้าบอกแล้วว่าเราไม่มี!” ชายคนเดิมยังคงเถียง
หัวหน้าโจรหุบยิ้มลงทันที แววตาเปลี่ยนเป็อำมหิต “งั้นก็เอาชีวิตของพวกแกมาแทนแล้วกัน! เริ่มจากไอ้แก่ที่ยืนทำหน้าเก่งอยู่นั่นก่อนเลย!” มันชี้ดาบมาที่พ่อของหลี่ซาน
หัวใจของหลี่ซานแทบจะหยุดเต้น!
พวกโจรเริ่มขยับเข้ามาใกล้ บีบวงล้อมให้แคบลง บรรยากาศกดดันจนแทบหายใจไม่ออก พ่อหลี่ต้าเกอกำไม้เท้าแน่น เตรียมพร้อมที่จะสู้จนตัวตาย แต่หลี่ซานรู้ดีว่าพ่อของนางไม่มีทางสู้ได้เลย
ในวินาทีแห่งความเป็ความตายนั้นเอง... ขณะที่ทุกคนกำลังจมดิ่งอยู่ในความหวาดกลัว หลี่ซานกลับรู้สึกถึงความเย็นเยียบที่แล่นพล่านออกมาจากพู่กันหยกในอกเสื้อ มันช่วยขับไล่ความตื่นตระหนกออกไปและแทนที่ด้วยสมาธิที่แน่วแน่และเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด
นางกำด้ามพู่กันไว้แน่น... ‘สแกน!’
นางสั่งในใจ พลังงานเย็นเยียบพุ่งออกจากพู่กันหยก ล็อกเป้าหมายไปที่ร่างของหัวหน้าโจรและลูกน้องของมันทีละคน ทันใดนั้น ภาพที่น่าอัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นในจิตสำนึกของนาง
มันไม่ใช่ภาพของโจรป่าที่น่าเกรงขามอีกต่อไป แต่เป็ภาพโครงสร้างร่างกายมนุษย์ที่โปร่งแสงและซับซ้อน กล้ามเนื้อทุกมัด เส้นเอ็นทุกเส้น โครงกระดูกทุกชิ้น และที่สำคัญที่สุด... จุดอ่อนของร่างกายมนุษย์ถูกเน้นด้วยแสงสีแดงจางๆ อย่างเด่นชัด: เส้นประสาทที่เปราะบางบริเวณลำคอ ข้อต่อที่หัวเข่าซึ่งรับน้ำหนักทั้งหมด กระดูกไหปลาร้าที่แตกหักได้ง่าย จุดรวมเส้นประสาทใต้รักแร้ และจุดเชื่อมต่อของกล้ามเนื้อที่ขาหนีบ
นี่เอง! นี่คือพลังที่แท้จริงอีกด้านหนึ่งของพู่กันหยก! มันไม่ได้มอบแค่ความรู้ทางการแพทย์ แต่ยังมอบสายตาของศัลยแพทย์ผู้มองทะลุทุกสรรพสิ่ง!
หลี่ซานรู้ว่านางสู้ด้วยกำลังไม่ได้ แต่... นางสามารถใช้ความรู้นี้เพื่อบัญชาการรบได้! นางตัดสินใจในเสี้ยววินาที
“ท่านพ่อ!” นางกระซิบเสียงเร็วรี่ แต่หนักแน่นราวกับตอกหมุด “ฟังข้านะเ้าคะ! ชายที่มีแผลเป็ที่หน้า... จุดอ่อนของมันอยู่ที่ข้อเท้าขวา! ตอนที่มันก้าวเข้ามา ให้พ่อแสร้งทำเป็โจมตีส่วนบน แล้วฟาดไม้เท้าลงไปที่ข้อเท้าขวาของมันสุดแรง!”
หลี่ต้าเกอหันขวับมามองบุตรสาวด้วยความประหลาดใจระคนตกตะลึง ท่ามกลางความโกลาหลนี้ ลูกสาวของเขายังคงมีสติและออกคำสั่งได้อย่างไร? แต่เมื่อเขาสบเข้ากับดวงตาของหลี่ซานที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอันเย็นเยียบ... เขาก็ตัดสินใจที่จะเชื่อ!
หัวหน้าโจรแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ มันก้าวอาดๆ เข้ามาพร้อมกับเงื้อดาบขึ้น หมายจะฟาดลงบนบ่าของหลี่ต้าเกอเพื่อข่มขวัญคนอื่นๆ
“ตายซะเถอะไอ้แก่!”
หลี่ต้าเกอแสร้งทำเป็ยกไม้เท้าขึ้นป้องกันตามสัญชาตญาณ แต่ในจังหวะที่หัวหน้าโจรทิ้งน้ำหนักตัวมาข้างหน้า เขาก็ก้าวหลบไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหวี่ยงไม้เท้าเก่าๆ ในมือลงมาตามคำสั่งของลูกสาว...
เพี๊ยะ! กร๊อบ!
เสียงไม้กระทบเนื้อและเสียงกระดูกลั่นดังขึ้นพร้อมกันอย่างน่าสยดสยอง!
“อ๊ากกกกก!!”
หัวหน้าโจรป่าร้องลั่นด้วยความเ็ปสุดขีด มันทิ้งดาบลงกับพื้นแล้วทรุดฮวบลงไปกองทันที ขาขวาของมันบิดผิดรูปไปอย่างเห็นได้ชัด ข้อเท้าของมันแพลงอย่างรุนแรงหรืออาจจะหักไปแล้ว!
ภาพที่หัวหน้าผู้แข็งแกร่งที่สุดล้มลงไปนอนร้องโอดโอยทำให้ลูกน้องโจรอีกเจ็ดคนชะงักงันด้วยความใและไม่เชื่อสายตา
จังหวะแห่งความสับสนนี้คือทองคำ!
ลูกน้องโจรสองคนทางซ้ายรีบพุ่งเข้ามาหมายจะช่วยหัวหน้าของมัน หลี่ซานเห็นช่องโหว่ทันที
“ท่านอาต้า!” นางะโเสียงดังไปทางอาต้า ชายร่างกำยำที่นางเคยช่วยชีวิตไว้จากไข้ป่า “ชายชุดเขียวที่กำลังวิ่ง! ที่คอของมันเ้าค่ะ! ใช้ปลายไม้เท้าแทงเข้าไปที่ด้านข้างลำคอของมัน!”
อาต้ารำลึกได้ถึงบุญคุณที่นางช่วยชีวิตเขาไว้ ความกตัญญูแปรเปลี่ยนเป็ความกล้าหาญในบัดดล เขาคำรามลั่นแล้วใช้ไม้เท้าในมือพุ่งแทงออกไปตามคำสั่งของหลี่ซานอย่างแม่นยำที่สุด!
อั่ก!
ปลายไม้เท้ากระแทกเข้ากับจุดรวมเส้นประสาทที่ลำคอของโจรชุดเขียวอย่างจัง มันถึงกับตาเหลือก ร้องไม่ออก เซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วล้มลงไปนอนไอค่อกแค่ก มือข้างหนึ่งกุมคอตัวเองด้วยความเ็ป เส้นเสียงของมันคงเสียหายชั่วคราวและแขนข้างหนึ่งก็ชาจนไร้ความรู้สึก
ตอนนี้โจรสองคนล้มลงภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที!
พวกโจรที่เหลืออีกหกคนเริ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกมันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมชาวบ้านที่ดูอ่อนแอเหล่านี้ถึงโจมตีโดนจุดอ่อนของพวกมันได้อย่างแม่นยำราวกับจับวางเช่นนี้?
“พวกเราไม่มีสมบัติอะไรให้พวกเ้า!” หลี่ซานรวบรวมความกล้าทั้งหมดแล้วะโออกไปสุดเสียง เสียงของนางดังกังวานและเต็มไปด้วยอำนาจที่น่าประหลาด “แต่ถ้าพวกเ้าคิดจะเอาชีวิตพวกเรา... พวกเราก็จะสู้เพื่อปกป้องมันจนถึงที่สุด!”
นางรู้ว่าตอนนี้ความได้เปรียบทางจิตวิทยาได้เปลี่ยนข้างแล้ว!
“ชายหนุ่มคนนั้น!” หลี่ซานชี้ไปที่โจรอีกคนที่กำลังลังเล “ไปที่ไหปลาร้าข้างซ้ายของมัน!” นางะโบอกชายหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ที่สุด
ชายหนุ่มผู้นั้นแม้จะตัวสั่นด้วยความกลัวจนแทบยืนไม่อยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงสั่งการที่เด็ดเดี่ยวของหลี่ซาน ความสิ้นหวังก็ผลักดันให้เขากล้าขึ้นมา เขาคำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าไปใช้ท่อนไม้ในมือฟาดเข้าไปที่ไหปลาร้าของโจรอีกคนอย่างจัง!
ผลัวะ! แกร๊ก!
“โอ๊ยยยย!” โจรคนนั้นร้องเสียงหลงพร้อมกับทรุดลงไปคุกเข่า มันกุมหัวไหล่ซ้ายที่ยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยความเ็ป กระดูกไหปลาร้าคงจะเคลื่อนหรือหักไปแล้ว ทำให้แขนข้างนั้นของมันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตรโดยสมบูรณ์ โจรป่าที่ยังยืนอยู่ได้เหลือเพียงห้าคน แต่หัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นตรงหน้า พวกมันไม่เคยเจอการต่อสู้แบบนี้มาก่อน มันไม่ใช่การต่อสู้ของชาวนา แต่เหมือนกับการชำแหละอย่างเยือกเย็น!
“หนีไปซะ!” หลี่ซานะโข่มขวัญเป็ครั้งสุดท้าย “ก่อนที่พวกเ้าจะไม่มีขาให้วิ่งหนีกลับไปที่ถ้ำของพวกเ้าอีก!”
นั่นเป็ฟางเส้นสุดท้าย โจรสองคนมองหน้ากันด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ก่อนจะหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไปอย่างไม่คิดชีวิต ทิ้งเพื่อนร่วมแก๊งที่นอนร้องครวญครางไว้เื้ั พวกที่เหลืออีกสามคนเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบช่วยกันพยุงหัวหน้าและคนที่าเ็ แล้วเผ่นหนีตามไปอย่างทุลักทุเล
ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วครู่... ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจและโล่งอกของเหล่าผู้อพยพ พวกเขารอดแล้ว! พวกเขารอดชีวิตมาได้จริงๆ!
ทุกคนต่างมองมาที่หลี่ซานด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่แค่ความเคารพในฐานะหมออีกต่อไปแล้ว แต่มันคือความยำเกรง ความทึ่ง และความเทิดทูนราวกับนางคือเทพธิดาผู้พิทักษ์ของพวกเขา
พ่อหลี่ต้าเกอเดินเข้ามาหาบุตรสาว มือของเขายังสั่นไม่หาย เขาดึงนางเข้ามากอดแน่น ใบหน้ากร้านแดดของเขามีน้ำตาคลอหน่วย “ซานเอ๋อร์... ลูกพ่อ... เ้าทำได้อย่างไรกัน? เ้า... เ้าช่วยชีวิตพวกเราไว้ทั้งคณะอีกแล้ว...”
หลี่ซานยิ้มอย่างอ่อนโยน ซบหน้าลงกับอกของบิดา “หนูแค่... หนูแค่เห็นจุดที่พวกมันอ่อนแอที่สุดเ้าค่ะพ่อ และพวกเราทุกคนก็แค่สู้เพื่อปกป้องชีวิตของเราเอง”
นางไม่ได้โกหก พู่กันหยกทำให้นาง "เห็น" จริงๆ
ค่ำคืนนั้น แม้จะผ่านพ้นอันตรายมาได้ แต่ไม่มีใครนอนหลับสนิท ทุกคนต่างรู้ดีว่าการเดินทางยังคงอีกยาวไกล และอันตรายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ ในใจของพวกเขาทุกคน บัดนี้ไม่ได้มีเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ อีกต่อไปแล้ว... แต่พวกเขามี "หมอหญิงน้อยเทวดา" ผู้ชาญฉลาดและกล้าหาญอย่างเหลือเชื่ออยู่เคียงข้าง
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านยอดไม้ หลี่ซานเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวนับล้านบนท้องฟ้ากว้างใหญ่ พลังของพู่กันหยกในวันนี้ทำให้นางตระหนักว่า มันไม่ได้ถูกมอบมาให้นางเพื่อการรักษาเพียงอย่างเดียว... แต่มันยังมอบพลังในการปกป้อง... และพลังในการต่อสู้กลับคืน
การผจญภัยครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และนางก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งที่จะเข้ามา... ด้วยความรู้ทางการแพทย์และสายตาที่มองทะลุถึงจุดตายในมือของนาง