เล่มที่ 7 บทที่ 208 ซากศพปีศาจขั้นเยาเจี้ยง
หญ้าอสูรกุ่ยซินกำเนิดขึ้นจากบริเวณที่มีไอหยินเข้มข้น และเติบโตโดยการอาศัยกลืนกินไอหยินและไออสูร ทุกสิบปีจะผลิใบออกมาหนึ่งครั้ง หลังจากที่มีครบเจ็ดใบ จึงถือว่าเติบโตอย่างสมบูรณ์ สำหรับมารปีศาจแล้ว นับว่าเป็ยาบำรุงชั้นเลิศเลยทีเดียว และหากตกอยู่ในมือปรมาจารย์ด้านการหลอมยาลูกกลอน ก็จะสามารถนำหญ้าอสูรกุ่ยซินนี้หลอมออกมาจนได้ยาลูกกลอนอสูรกุ่ยซิน เมื่อมารปีศาจกลืนกินเข้าไปก็จะสามารถฟื้นคืนจากความตายและ สามารถแปรเปลี่ยนพลังจากหยินเป็หยาง กลายเป็สิ่งมีชีวิตทั่วไป ไม่กลัวแสงไฟอีก
ดังนั้นสำหรับจงหยางที่บำเพ็ญด้วยไอชั่วร้ายแล้ว หญ้าอสูรกุ่ยซินจึงถือว่าล้ำค่าเป็อย่างมาก…
ทว่าบัดนี้กลับถูกหวังจิ่งชิงไปเสียก่อน หากคิดจะแย่งมาก็ดูจะยากปานขึ้น์ จงหยางจึงได้แต่ตัดใจ หลังจากบ่นกับตัวเองชั่วครู่ เขาก็ไม่คิดหันไปมองให้รำคาญหูรำคาญตาอีก…
“น่าเสียดายที่สำนักเชียนซานของข้าไม่ได้บำเพ็ญด้วยไอชั่วร้าย ต่อให้ได้หญ้าอสูรกุ่ยซินมาก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ดูท่าคงได้แต่นำกลับไปมอบให้ศิษย์น้องที่เก่งเื่หลอมยาสักคน…”
หวังจิ่งเองก็ไม่ยอมเลิกรา เอาแต่กวนประสาทจนจงหยางแทบจะอกแตกตาย ขณะที่จงหยางกำลังจะอ้าปากเถียงกลับ จู่ๆใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนสีทันที
“เดี๋ยวก่อน นี่มีพิรุธ!”
“หื้อ?” หวังจิ่งเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน
ทว่าระหว่างที่หวังจิ่งยังคงมึนงง ทันใดนั้นเรือนที่มีหญ้าอสูรกุ่ยซินก็เกิดไออสูรขุมหนึ่งะเิออก จากนั้นนั้นก็ปรากฏเป็โลงศพขนาดใหญ่สีสนิมเขียวกำลังผุดขึ้นมาจากใต้ดิน เพียงครู่เดียวก็เกิดเสียงถล่มของอาคารบ้านเรือนเพราะโลงศพที่ผุดขึ้นมานั่นเอง…
เมื่อกวาดตามองไปก็พบว่าบริเวณเหนือหีบศพมีหมอกควันดำปกคลุมหนาแน่น ต่อให้เป็จงหยาง ก็ไม่อาจต้านรับไออสูรที่เข้มข้นเช่นนั้นได้ อีกทั้งยังเกิดเสียงคำรามก้องดังออกมาจากโลงศพนั่นอีกด้วย เหมือนกับว่ากำลังบางอย่างพุ่งออกมา…
พริบตาต่อมาโลงศพขนาดใหญ่ก็ร่วงลงมากระแทกบนถนน ก่อนที่จะเกิดแรงสั่นะเืรุนแรงขึ้น จงหยางและหวังจิ่งยังไม่ทันจะตั้งสติได้ ฝาโลงหนักอึ้งก็ถูกถีบกระเด็นออกมาจากด้านในเสียก่อน
ก่อนจะมีเงาดำสายหนึ่งพุ่งออกมา เงาดำสายนั้นมีสีดำสนิท หน้าตาอัปลักษณ์ แถมที่กลางหลังยังมีปีกยาวประมาณหนึ่งจ้างคู่หนึ่งอีกด้วย หลังจากที่พุ่งตัวออกมามันก็หวีดร้องเสียงแหลม จากนั้นไออสูรอันเข้มข้นก็ะเิออก กระทั่งปกคลุมไปทั่วรัศมีร้อยจ้าง สิ่งก่อสร้างทุกอย่างล้วนย่อยสลายกลายเป็ผุยผง แม้แต่โลงศพขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางถนน ก็ยังทนรับไออสูรอันเข้มข้นนี้ไม่ได้ จนแตกออกเป็เสี่ยงๆ…
นี่จะต้องเป็ไออสูรของมารปีศาจขั้นหกแน่นอน!
“แย่แล้ว!” ทันใดนั้นทั้งหวังจิ่งและจงหยางต่างก็พากันก้าวถอย ทั้งคู่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่หลับใหลในโลงศพนั่นจะเป็ซากศพปีศาจขั้นเยาเจี้ยง!
แต่ยังดีที่ทั้งคู่ไหวตัวเร็ว ชั่วขณะที่ไออสูรกำลังะเิออก จงหยางก็รีบบงการให้อสุรกายกุ่ยหวังสำแดงกายออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าโจมตีทันที
จงหยางที่ฝึกเคล็ดวิชามารกุ่ยหวังนั้น เมื่อเทียบกับวิชามารชื่อิแล้ว จึงถือว่าเหนือชั้นกว่าหนึ่งขั้นเลยทีเดียว เมื่ออสุรกายกุ่ยหวังคู่กายได้ถือกำเนิดขึ้น ต่อให้แรกเริ่มไม่อาจมีพลังเทียบเท่าอสุรกายกุ่ยหวังที่แท้จริงก็ตาม แต่มันก็มีพลังเสิ่นทงของอสุรกายกุ่ยหวังแฝงอยู่ บัดนี้จงหยางได้บงการให้กุ่ยหวังสำแดงกายและพุ่งตัวเพื่อโจมตี ทำให้ไออสูรจำนวนมากพากันปะทุออก รอบด้านก็พลันกลายเป็นรกบนดิน ไออสูรมากมายเข้าปิดล้อมซากศพปีศาจขั้นเยาเจี้ยงไว้ทันที…
ในขณะเดียวกัน หวังจิ่งก็วาดมือเกิดเป็ค่ายกล จากนั้นก็มีสายฟ้าเจิดจ้าสว่างวาบขึ้น เมื่อกวาดตามองไปจึงดูคล้ายกับัสายฟ้าที่จุติลงมา มันกำลังคำรามเสียงดังสนั่นพร้อมกับสายฟ้าเจิดจ้าซึ่งกำลังฟาดลงมาอย่างรุนแรง…
เมื่อศิษย์สายตรงทั้งสองร่วมมือกัน ต่อให้เป็ซากศพปีศาจเยาเจี้ยงขั้นหกก็ตาม ยังต้องร้องโหยหวนด้วยความเ็ป หลังจากแสงสว่างได้จางหายไป จึงเห็นเพียงหินชิงสือที่ปูบนถนนเท่านั้น และบัดนี้ก็กลายเป็หลุมขนาดใหญ่กว้างนับสิบจ้าง โดยที่ใจกลางหลุมนั้น ก็มีซากศพปีศาจซึ่งถูกสายฟ้าและหมอกควันดำราวกับโซ่ตรวนตรึงเอาไว้แน่น สายฟ้าแรงกล้าเมื่อผสานเข้ากับพลังหมอกควันเข้มข้น ทำให้เ้าปีศาจไม่อาจขยับกายไปไหนได้อีก…
“ทำเอาตกอกใไปหมดเลย!” จงหยางแค่นหัวเราะเ็าออกมา ก่อนจะหยิบธงดำออกมาจากกระเป๋าเฉียนคุน หลังจากสะบัดธง ทันใดนั้นก็มีิญญาร้ายมากมายปรากฏตัวออกมา พริบตานั้นบรรยากาศทั่วทั้งรัศมีพันจ้างก็วังเวงลงทันที มีเพียงเสียงิญญาร้ายโหยหวนดังออกมาเป็ระยะ หัวกะโหลกอัปลักษณ์ผุดขึ้นมาจำนวนมาก ดวงตาอันแดงก่ำทั้งหลายพากันกลอกกลิ้งไปมา เพียงครู่เดียวก็สามารถปิดผนึกซากศพปีศาจเยาเจี้ยงที่อยู่ในหลุมเอาไว้ได้อย่างแ่า…
จงหยางเป็ถึงศิษย์สายตรงของสำนักโยวิ แถมยังเป็ตัวเต็งในการชิงตำแหน่งเ้าสำนักโยวิในอนาคตอีกด้วย แล้วจะไม่มีอาวุธร้ายกาจเช่นนี้ติดตัวได้อย่างไร ธงดำที่อยู่ในมือตอนนี้ ก็คือธงเชียนหุนที่มีมนต์สะกดสามสิบห้าสายที่เลื่องชื่อของสำนักโยวินั่นเอง
ภายในธงนี้มีิญญาร้ายนับพันอาศัยอยู่ ยามปกติจะปล่อยไออสูรมากมายออกมาให้จงหยางใช้ในการบำเพ็ญ จากนั้นก็ใช้เคล็ดวิชาลับของสำนักโยวิ แปรเปลี่ยนไออสูรเหล่านี้ให้กลายเป็พลังปราณ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาประมือกับศัตรู หากบงการให้เหล่าิญญาร้ายเหล่านี้ออกมา ต่อให้เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันเอง ก็ยากที่จะรับมือไหว…
บัดนี้เองเมื่อจงหยางสะบัดธงเชียนหุน เหล่าิญญาร้ายก็จะถูกปลดปล่อยออกมา พากันปิดล้อมซากศพปีศาจเยาเจี้ยงเอาไว้ ิญญาร้ายพวกนี้สามารถไปไหนมาไหนได้ดั่งใจราวกับสายลม แถมยังมีกรงเล็บและคมเขี้ยวแหลมคม พวกมันใช้เวลาเพียงครู่เดียวข่วนกัดซากศพปีศาจจนเกิดรอยแผลมากมาย…
เวลานี้เองภายในหลุมก็วุ่นวายชุลมุนไปหมด เพราะเหล่าิญญาร้ายกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงซากศพปีศาจกันอุตลุด ทั้งเสียงหวีดร้องแหลม ทั้งเสียงคำรามต่างผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก ไออสูรสีดำก็เริ่มแปรเปลี่ยนจากหมอกควันจางๆกลายเป็เข้มข้นขึ้น แม้แต่ดวงไฟปีศาจจำนวนมากก็ราวกับถูกบังแสงสว่าง ไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้
ไออสูรสีดำจำนวนมากพากันรายล้อมกักขังซากศพปีศาจเอาไว้อย่างเหนียวแน่น เหล่าิญญาร้ายกำลังกรีดร้องโหยหวน พลางฉีกกระชากร่างของปีศาจเพื่อดื่มเืกินเนื้อจากซากศพอย่างหิวกระหาย ทุกครั้งที่ดื่มกินเข้าไป เหล่าิญญาร้ายก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จากนั้นซากศพปีศาจก็ถูกกดข่มพลังจนไม่อาจโต้ตอบได้อีก..
ทว่าจงหยางก็ยังคงขมวดคิ้วแน่นดังเดิม…
เพราะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ…
และก็เป็อย่างที่คิดไว้ ขณะที่จงหยางคิดจะบงการอสุรกายคู่กายให้สำแดงพลังเสิ่นทงเพื่อสร้างเขตแดนอสูรออกมา ก็พบว่าซากศพปีศาจในหลุมเริ่มคำรามกึกก้องออกมา เพียงครู่เดียวก็เห็นว่าตามตัวของมันมีหนามแหลมทิ่มแทงไปทั่วร่าง ราวกับเกราะที่ปกคลุมเอาไว้อย่างรัดกุมที่สุด แถมหนามชิ้นหนึ่งยังสลายกลายเป็กระบี่อีกด้วย…
พริบตาต่อมาซากศพปีศาจก็หัวเราะอย่างสยดสยองออกมา จากนั้นก็สะบั้นกระบี่ที่เกิดจากหนามแหลมนั่นทันที ทันใดนั้นก็เกิดลำแสงกระบี่สีขาวเจิดจ้า พุ่งทะยานใส่เหล่าิญญาร้ายที่รายล้อมอยู่จนเกิดเสียงโหยหวนไปทั่วบริเวณ…
“แย่แล้ว!” จงหยางเห็นดังนั้นก็รีบโบกสะบัดธงเชียนหุน หวังจะเก็บเหล่าิญญาร้ายกลับมา…
แต่ก็สายไปเสียแล้ว…
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------