หยางชางหลันก็มีสีหน้าอึ้งๆ
เขาถึงกับถูกท้าสู้
แต่ก็แค่อึ้ง จากนั้นลุกขึ้นเดินไป แม้หยางชางหลันจะเป็ผู้ฝึกวิชายุทธร่างกาย แต่หน้าตากลับเหมือนบัณฑิตหล่อเหลาสง่างาม
“ถูกสาวงามของสถานศึกษาชางหวงท้าสู้นับเป็เกียรติของข้า”
หยางชางหลันอมยิ้มกล่าว มองเสิ่นเล่ยด้วยสายตามีนัยลึกล้ำเป็พิเศษ ถึงอย่างไร รูปโฉมของเสิ่นเล่ยก็งามหยาดฟ้า ไม่มีบุรุษคนใดไม่หวั่นไหวใจ
“เสิ่นเล่ยจากสถานศึกษาชางหวง”
เสิ่นเล่ยไม่มีสีหน้าดีๆ ให้คำชมของหยางชางหลัน
หยางชางหลันยังเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ข้าจะลงมือแบบไว้ไมตรี ถึงอย่างไร ทำร้ายสาวงามที่โดดเด่นขนาดนี้ก็มีความผิด” ว่าแล้ว หยางชางหลันก็เคลื่อนไหวร่างพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
เคร้ง!
กระบี่หลุดจากฝัก หมื่นกระบี่แย่งชิงกันคำราม!
ชั่วขณะนี้ ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริด!
สถานศึกษาชางหวงถึงกับมีสองคนที่รู้แจ้งเจตจำนงกระบี่! แถมทั้งคู่ยังอายุเยาว์ ต้องไม่เกินยี่สิบห้าปีแน่ อายุเยาว์เปี่ยมพร์ขนาดนี้ ความสำเร็จในวันหน้าต้องไร้ขีดจำกัดแน่
วิ้งวิ้ง!
กระบี่ร่ำร้อง เจตจำนงกระบี่ผนึกรวม
“เคล็ดวิชากระบี่อัสนีเที่ยงแท้!”
เสิ่นเล่ยส่งเสียง แววตาเปล่งประกายเย็นเยียบ นางที่งดงามอยู่แล้วยิ่งหยิ่งทะนงเ็าดุจน้ำค้างแข็ง ราวกับนางเซียนที่ไร้ความรู้สึกอย่างเห็นได้ชัด
ตูม!
อสุนีบาตไหลเวียนมารวมที่ปลายกระบี่ของเสิ่นเล่ย สายฟ้าวูบวาบ แผ่พลังเสวียนอย่างทะนงตนในชั่วขณะนี้ อัสนีผนึกรวมกับพลังเสวียน แถมมีเจตจำนงกระบี่เป็ตัวขยาย
แค่คิดดูก็รู้ถึงระดับความน่าสะพรึงของการโจมตีนี้
“ฟัน!”
สิ้นเสียง อัสนีก็ปกคลุมทั่วทั้งเวทีประลองและร่วงลงมาอย่างบ้าคลั่งโดยไม่เหลือพื้นที่สักนิด ปิดตายเส้นทางถอยของหยางชางหลันโดยสมบูรณ์
“เป็วิชากระบี่อัสนีที่แกร่งกร้าวนัก!”
“ศิษย์หลายคนของสถานศึกษาชางหวงในคราวนี้มีพร์ ในที่สุด สถานศึกษาชางหวงก็เข้าสู่ยุคทองแล้ว”
“การประลองห้าสถานศึกษาในครั้งนี้คือการชิงชัยระหว่างสถานศึกษาชางหวงกับสถานศึกษาเซิ่งเต้า สถานศึกษาอื่นๆ อีกสามแห่งเป็เพียงตัวประกอบ แค่ความสามารถของศิษย์ก็ดูออกแล้ว”
“เสิ่นเล่ยผู้นี้ไม่เพียงงดงามเท่านั้น นางยังมีความสามารถอีกด้วย หากเป็คู่ของข้า ถึงอายุสั้นลงสิบปีข้าก็ยินดี”
“ไสหัวไปเลย หน้าไม่อาย!”
“ฮ่าฮ่า...”
“...”
ทุกคนด้านล่างเวทีพากันวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนทางสถานศึกษาชางหวง ทุกคนต่างมีสีหน้าหนักใจ
เสิ่นเล่ยมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับสูงสุด ส่วนหยางชางหลันมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าหกชั้นฟ้าระดับสูงสุด และเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าเจ็ดชั้นฟ้าแล้วครึ่งก้าว การต่อสู้ครั้งนี้ของเสิ่นเล่ยเรียกได้ว่าล่อแหลมอันตราย อย่างไรก็เป็การต่อสู้ข้ามขั้นสองระดับ ทั้งยังเป็ผู้เข้ารอบสิบห้าคนเช่นกัน เป็ไปไม่ได้ที่ความสามารถจะอ่อนด้อย ดังนั้น เสิ่นเล่ยแพ้ด้านระดับขั้นอยู่หกส่วน
อสุนีบาตฟาดเปรี้ยง
หยางชางหลันสีหน้าแปรเปลี่ยน เขาไม่คิดจะลงมือด้วยความอำมหิตกับเสิ่นเล่ย แต่เสิ่นเล่ยลงมือด้วยการโจมตีแข็งแกร่งรัศมีกว้าง ในเมื่อนางตัดหนทางถอยของเขาขนาดนี้ เื่นี้ทำให้สีหน้าของหยางชางหลันโเี้ในพริบตา
“ฌานสงบสะท้านฟ้า!”
หยางชางหลันตวาด ภาพเสมือนพระพุทธรูปแก้วสีทองปรากฏ มีแสงพุทธะวาบขึ้น พระพักตร์เคร่งขรึม ลำแสงไร้ขีดจำกัด บรรจุกลิ่นอายมหามรรค พระพุทธรูปทองเปล่งเสียงพุทธมนต์ เปลี่ยนการโคจรลมปราณเป็อภิญญาระดับสูงสุด
วิ้ง!
พริบตา แสงพุทธะพร่างฟ้าพัวพันกับอัสนีบนเวิ้งนภาดุจัพยัคฆ์ต่อสู้กัน รุนแรงดุจเกิดลมพายุเมฆดำตั้งเค้า ประกายสายฟ้าและสะเก็ดไฟแลบแปลบปลาบ
ตูม!
เกิดเสียงดังสนั่น ทุกสิ่งกลายเป็ความว่างเปล่า!
แสงพุทธะเลือนราง อัสนีสลายวับ เสิ่นเล่ยและหยางชางหลันก็ล่าถอยพร้อมกัน หยางชางหลันสีหน้าแปรเปลี่ยน หายตัวอย่างว่องไว จากนั้นฟาดฝ่ามือใส่อย่างแรง เสิ่นเล่ยปะทะด้วยกำลัง แต่ด้วยความห่างชั้นอย่างมากของระดับขั้นและพลังฝีมือ เสิ่นเล่ยจึงกระเด็นออกไป
โลหิตสดกระเซ็นลงบนชุดสีขาว ทำให้ผู้คนเ็ปใจ
ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีขาวซีด
ฝ่ามือนี้มีพลังมหาศาลเกินห้าหมื่นชั่ง เสิ่นเล่ยจะรับไหวได้อย่างไร?
“พรูด...” เสิ่นเล่ยกระอักโลหิต กระบี่ปลิวหลุดจากมือ
สีหน้าของทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีแปรเปลี่ยน เซียวเฉินขยับกาย เหินร่างขึ้นมารับเสิ่นเล่ยและโอบนางไว้ในอ้อมอก
เสิ่นเล่ยสีหน้าซีดขาว มุมปากมีคราบโลหิต เืหยดลงบนเสื้อผ้า ดุจนกกาเหว่าร้องจนกระอักโลหิต งดงามและโศกศัลย์ ทำให้ผู้คนรักและเวทนา
“เ้ารู้ชัดๆ ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เหตุใดยังต้องท้าสู้อีก?” น้ำเสียงซักไซ้ของเซียวเฉินแฝงการตำหนิ เสิ่นเล่ยมองเซียวเฉินแล้วเม้มริมฝีปากไม่พูดจา
เซียวเฉินอุ้มนางกลับไปพักผ่อนตรงที่นั่ง
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ไปดูแล เสิ่นเล่ยาเ็สาหัส คาดว่าหมดหวังเข้ารอบสิบคน
สายตาของเซียวเฉินมองหยางชางหลันอย่างเ็า
“ข้าจะทำให้เ้าสำนึกเสียใจ!”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้จบ เซียวเฉินก็เดินจากไปช้าๆ ทุกคนพากันวิจารณ์ไปต่างๆ นานา
เซียวเฉินบันดาลโทสะเพราะสาวงามผู้หนึ่ง?
การประลองอันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป
ผู้มีพร์แต่ละคนผลัดเปลี่ยนกันขึ้นสู้ ท้าสู้ผู้อื่นและถูกผู้อื่นท้าสู้ ผลักดันลงสนาม บ้างชนะ บ้างแพ้ แต่ละคนมีแพ้มีชนะ ส่วนอันดับเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
ในสิบห้าอันดับตอนนี้ นอกจากเสิ่นเล่ยและมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แล้ว สถานศึกษาชางหวงล้วนอยู่ในผู้เข้ารอบสิบคน เนี่ยอวิ๋นเหอ จีเคอ และเฟิงซั่งเยี่ยจากสถานศึกษาเซิ่งเต้าก็อยู่ในสิบอันดับแรกเช่นกัน
จากนั้นก็เป็หยางชางหลัน ศิษย์เพียงคนเดียวของสถานศึกษาเทียนเฉิน ฉินเหยาและไป๋รั่วเผิงจากสถานศึกษาตี้ซิง
การคัดทิ้งห้าคนจากสิบห้าคน ทุกคนที่รั้งห้าอันดับท้ายอยู่ในสถานะล่อแหลมอันตราย
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
การต่อสู้รอบแรกจบลง ต่อมาคือคนถูกท้าสู้เริ่มเลือกคู่ต่อสู้
เซียวเฉินขึ้นเวทีคนแรก ใช้กระบี่ชี้ไปที่หยางชางหลัน
“ไสหัวขึ้นมา!”
เซียวเฉินตวาด แผ่อานุภาพกดดันใส่ทันที
ทุกคนมองเซียวเฉิน ตอนนี้เขาท้าสู้หยางชางหลันเพื่อเสิ่นเล่ยที่ถูกหยางชางหลันลงมือทำร้ายเมื่อครู่หรือ? วีรบุรุษยากจะผ่านด่านหญิงงามจริงๆ!
หยางชางหลันมองเซียวเฉินด้วยสายตาเ็า
เซียวเฉินเรียกได้ว่าเป็ม้ามืดอันแข็งแกร่งที่ผุดขึ้นในการประลองห้าสถานศึกษา แต่หยางชางหลันยังไม่เห็นเซียวเฉินอยู่ในสายตา ผุดขึ้นมาแล้วอย่างไร? ระดับก็ยังต่ำกว่าเขาขั้นหนึ่งอยู่ดี นึกว่าเอาชนะลู่เฉิงอวี้และสังหารลี่โม่เฟิงได้ก็มีคุณสมบัติมาท้าสู้เขาหรือ?
หยางชางหลันมีสีหน้าอึมครึมดุจน้ำหมึกในพริบตา
เขาค่อยๆ ย่างเท้าขึ้นเวที
สายตาจับจ้องเซียวเฉิน แล้วกล่าวว่า “ทุกคนบอกว่าเ้าเป็ม้ามืดในการประลองห้าสถานศึกษาปีนี้ แต่วันนี้ข้าจะบอกพวกเขาว่าการเลือกของเ้ามันโง่เขลามากเพียงใด?”
เซียวเฉินและหยางชางหลันเผชิญหน้ากัน ด้านล่างเวที มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มีสีหน้าซับซ้อน แววตาไหววูบ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าจึงแปรเปลี่ยนนิดๆ
ส่วนเสิ่นเล่ยที่กำลังพักผ่อนอยู่นั้น เมื่อเห็นเซียวเฉินระบุชื่อหยางชางหลัน ใบหน้าของนางก็แดงและนึกถึงภาพในคืนนั้นขึ้นมา
เซียวเฉิน เ้าทำเพื่อข้าหรือ...
คิดถึงตรงนี้ แววตาของเสิ่นเล่ยก็เผยความอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว
บนเวทีต่อสู้ เซียวเฉินมองหยางชางหลันด้วยสีหน้าเ็า แล้วเอ่ยว่า “หยางชางหลัน วันนี้พวกเรามาคิดบัญชีเก่าบัญชีใหม่พร้อมๆ กันเลย”
“เซียวหวงนั้นได้ แต่เ้ายังไม่คู่ควร!”
หยางชางหลันเอ่ยเรียบๆ ตอนแรกเขาไม่เห็นเซียวเฉินอยู่ในสายตา ตอนนี้ก็ยิ่งไม่ เขาไม่เคยรู้สึกว่าเซียวเฉินจะเป็คู่ต่อสู้ของเขาได้เลย เพราะคู่ต่อสู้ของเขาน่าจะเป็แบบเซียวหวงมากกว่า
แต่เซียวเฉินใช้ความเคลื่อนไหวตอบคำถามเขา
ปลดปล่อยทั้งเจตจำนงกระบี่และไอสังหารอสูร
คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์กระบวนท่าที่สี่ อัสนีเทพลงสู่หล้าสะท้านจิ่วโจว ิญญาโศกเศร้าภายใต้ทัณฑ์์!
ท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์
เมื่อลงมือ เซียวเฉินก็คิดจะบีบหยางชางหลันให้จนตรอก
อัสนีลงสู่หล้า ทัณฑ์เทพดับชีวา!
สีหน้าของหยางชางหลันค่อยๆ เปลี่ยนจากดูแคลนเป็ใสุดขีด การโจมตีนี้แข็งแกร่งเหนือกว่าที่เขาคาดคิดไว้ อานุภาพอันน่าสะพรึงทำให้เขารู้สึกได้ว่าใจเต้นรัว
“ฟัน!”
เซียวเฉินตวาด อัสนีตกลงมาราวกับเม็ดฝน ระดมโจมตีหยางชางหลันอย่างบ้าคลั่ง อัสนีแต่ละสายน่ากลัวอย่างยิ่ง ทำให้หยางชางหลันต้องถอยหลบอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายจนปัญญาได้แต่ใช้พระพุทธรูปทอง จึงสลายการโจมตีอันน่าสะพรึงของเซียวเฉินได้!
แต่หลังการโจมตีนี้ผ่านไป การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเซียวเฉินก็มาอีกครั้ง มากมายดุจหน่อไม้ผุดหลังพิรุณพรำ ไม่แห้งเหือด ไม่หมดสิ้น
“ตายเสียเถอะ...”