แน่นอนว่าความสำเร็จมิได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว การดัดแปลงวิชายุทธ์นั้นไม่ง่ายไปกว่าการสร้างวิชายุทธ์ใหม่ ดังนั้น เพื่อกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็ และสร้างสรรค์ทักษะกระบี่ตามความเข้าใจของตน หยวนจุนจึงใช้เวลาทั้งคืน ซึ่งเขาทำได้เพียงปรับเปลี่ยนให้เป็กระบี่ท่าที่หนึ่งเท่านั้น
แม้จะยังไม่รู้ว่ากระบี่ท่าที่หนึ่งนี้มีพลังอย่างไร แต่เขามั่นใจว่าจะต้องเป็พลังที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน!
หากใช้เพลิงอัคคีกลืน์สร้างสรรค์ทักษะกระบี่นี้ เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าปางมือมรณาท่าที่สามที่เขาแสดงออกมาเสียอีก!
“หากดัดแปลงวิชายุทธ์นี้สำเร็จจะกลายเป็วิถีกระบี่สามกระบวนท่า เมื่อเพิ่มอาวุธระดับิญญาที่มีอยู่เข้าไป กระบี่ท่าที่หนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าสามารถฆ่านักยุทธ์ระดับดาราขั้นหกหรือเจ็ดได้!”
หยวนจุนที่รู้สึกมีความสุขเป็อย่างมากได้เปลี่ยนชื่อวิชายุทธ์วิถีดาบเป็กระบี่พิโรธ เขานึกไม่ถึงว่าการเดินทางไปสุสานโบราณในครั้งนี้จะได้รับประโยชน์กลับมาอย่างเหลือล้น
เสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจทำให้หยวนจุนสะดุ้ง เขาเห็นผู้จัดการฉางที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูมีสีหน้าไม่สู้ดี จึงอดไม่ได้ที่จะถามเหตุผล
เมื่อหยวนจุนทราบเหตุผล ความโกรธจึงกลายเป็ความอาฆาตขึ้นมาในทันที
“เมื่อคืนก่อนหลิววั่นซานได้นำกองกำลังไปที่จวนตระกูลเจียง ผู้ที่ขัดขืนจำนวน 117 คนถูกสังหารทั้งหมด”
“หลิววั่นซานเป็ผู้ที่โเี้อำมหิตเสียจริง แม้แต่เด็กและผู้เฒ่าก็ยังไม่เว้น!” หยวนจุนกัดฟันกรอด อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
เสี่ยวเมิ่งและเซียวหานที่ใกับพลังปราณอันเยือกเย็นรีบออกไปดูว่าเกิดเื่ใดขึ้น เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดการฉางกล่าว ใบหน้างามของทั้งสองก็เต็มไปด้วยความโกรธเช่นกัน
“ยึดจวน!”
เมื่อเห็นหยวนจุนตัดสินใจแล้ว เสี่ยวเมิ่งกับเซียวหานจึงอาสาจะไปด้วย แม้ผู้จัดการฉางจะไม่สะดวกออกหน้า แต่เขาก็ซุ่มรวบรวมกำลังของโรงประมูลไว้เผื่อมีเื่ใดเกิดขึ้น
เมื่อหยวนจุนและสตรีอีกสองคนกลับมาอยู่ที่หน้าประตูจวนตระกูลเจียง พวกเขาเห็นทางเดินทั้งสายถูกสาดไปด้วยเื กลิ่นคาวเืคละคลุ้งอยู่ในอากาศอย่างหนาแน่น
ประตูใหญ่ที่ได้รับการซ่อมแซมแล้ว มีทหารสองคนที่สวมชุดตระกูลหลิวยืนเฝ้าอยู่
เมื่อทหารเห็นใบหน้าอันเยือกเย็นของพวกเขาก็ใกลัว ก่อนที่จะะโเรียกชื่อหยวนจุนออกมา ทหารพวกนั้นก็ถูกตีเข้าไปที่ศีรษะแล้วหมดสติไป
หยวนจุนดึงพลังจิตกลับคืน จากนั้นจึงเตะประตูใหญ่ให้เปิดออก
เมื่อมองไปรอบๆ เขาเห็นศพมากมายนอนอยู่ในห้องโถงของจวนตระกูลเจียง มีนักยุทธ์ของตระกูลหลิวหลายสิบคนยืนอยู่ท่ามกลางความสูญเสียที่เกลื่อนกลาดเต็มพื้น หนึ่งในนั้นคือพ่อบ้านสวีจิ้ง
“ที่แท้ก็เป็น้องหยวนจุนนี่เอง แต่เ้ามาช้าไปหน่อยนะ ตอนนี้ตระกูลเจียงถูกตระกูลหลิวจัดการหมดแล้ว หากเ้า้าจวนแห่งนี้ คงต้องรอโอกาสหน้าแล้วล่ะ”
สวีจิ้งมองพวกเขาทั้งสามด้วยสายตาเหยียดหยาม เขายิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “จะว่าไปก็ต้องขอบคุณพวกเ้า หากพวกเ้าไม่ช่วยตระกูลหลิวฆ่าเจียงอิง เราจะหาโอกาสเช่นนี้ได้จากที่ใดอีก?”
“ในเมื่อเราสามารถฆ่าเจียงอิงได้ คิดว่าเราจะฆ่าเ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” เสี่ยวเมิ่งส่งสายตาเ็าแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ใบหน้าชราของสวีจิ้งกระตุกทันที เขากล่าวว่า “การที่เ้ากับหยวนจุนสามารถฆ่าเจียงอิงได้ เพราะเขาถูกเซียวจั้นกระชากแขนออกไปซึ่งทำให้พลังลดลง อีกทั้งพวกเ้าสองคนยังร่วมมือกันแสดงพลังที่แข็งแกร่ง ทำให้พวกเ้าสามารถลงมือฆ่าเขาได้”
“ฮาฮา แต่จวนตระกูลเจียงนั้นตั้งอยู่กลางเมือง พวกเ้าจะแสดงพลังเช่นนั้นในที่แห่งนี้ได้หรือ?”
เสี่ยวเมิ่งเบ้ปาก นางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ตาเฒ่า เกรงว่าเ้าจะเข้าใจผิดไปเื่หนึ่งนะ!”
พลังจิตที่แข็งแกร่งราวกับลูกธนูพุ่งไปยังศีรษะของสวีจิ้ง ส่งผลให้อากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
สวีจิ้งมองการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเมิ่งด้วยรอยยิ้ม ภายใต้ใบหน้าที่ผ่อนคลายนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่
“ตูม”
เสี่ยวเมิ่งััได้ว่ามีบางอย่างกำลังขัดขวางพลังจิตที่ส่งออกไป เสียงปะทะดังออกมาจากทุกทิศทาง ทำให้นางต้องขมวดคิ้วและถอยออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พ่อบ้านสวี นี่คือผู้าุโกวนที่เ้าเอ่ยถึงอย่างนั้นหรือ? อายุยังน้อยก็ได้เป็ผู้าุโในสังกัดโรงประมูลแล้ว ทั้งยังมีระดับพลังจิตเทียบเท่ากับระดับจันทราขั้นหนึ่งอีก ดูแล้วสมกับเป็อัจฉริยะเสียจริง”
ภายใต้น้ำเสียงอันทรงพลังมีปราณดาราที่แข็งแกร่งแฝงอยู่ เมื่อเสียงนั้นััที่ใด ที่นั่นราวกับถูกปกคลุมไปด้วยตะกั่วเหลว ซึ่งทำให้หยวนจุนและพวกนางรู้สึกหายใจลำบาก
หยวนจุนพยายามตั้งสติและมองหาที่มาของเสียงนั้น ไม่นานเขาก็เห็นชายชราที่มีรอยแผลเป็ที่คิ้วกำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจวนตระกูลเจียง ชายชราผู้นั้นสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วง ร่างกายเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง ซึ่งหลังจากพิจารณาเพียงชั่วครู่ก็รู้ว่าเขาเป็นักยุทธ์ระดับจันทราวงแหวนใหญ่ขั้นสอง!
เมื่อเห็นว่าเป็เขา เสี่ยวเมิ่งถึงกับชะงัก ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “เขาเป็ปู่ของหลิวหรูเยียน หลิวฉิงเทียน ผู้นำของตระกูลหลิวรุ่นก่อน ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปีเคยมีข่าวว่าเขาหายตัวไป”
“นึกไม่ถึงว่าเขาจะเก็บตัวเพื่อเลื่อนขั้นเป็ระดับจันทราขั้นสอง!”
เมื่อเสี่ยวเมิ่งกล่าวจบหลิวฉิงเทียนก็ลงมา เขายิ้มมุมปากอย่างเ็าแล้วกล่าวว่า “ไม่นึกเลยว่าจะมีคนจำข้าได้ อีกทั้งยังเป็เพียงเด็กอายุสิบหกสิบเจ็ดปี ช่างเป็เกียรติแก่ผู้เฒ่าอย่างข้าเสียจริง”
“ผู้าุโกวน ข้าแนะนำว่าเ้าอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า นี่เป็เื่ระหว่างตระกูลหลิวของข้ากับหยวนจุน หากเ้ายืนกรานจะใช้ชื่อของโรงประมูลเพื่อปกป้องเขา เช่นนั้นอย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจแล้วกัน”
“เ้าเป็เพียงผู้าุโในสังกัดโรงประมูล แม้จะเป็นักสร้างระดับปรมาจารย์ที่มีค่า ตระกูลหลิวของข้าก็ไม่้า! โรงประมูลดึงเ้าเข้าไปเพื่อที่จะทำกำไร แต่ตระกูลหลิวของข้านั้นไม่ใช่!”
หลิวฉิงเทียนนำมือไขว้หลังแล้วกล่าวเสียงเรียบ เขามองเสี่ยวเมิ่งด้วยสายตาเ็า
หากมิใช่เพราะตระกูลหลิวมีเื่ขัดแย้งกับหยวนจุน เขาคงยินดีที่จะดึงเสี่ยวเมิ่งเข้ามา เพราะการมีนักสร้างระดับปรมาจารย์อยู่กับตัวจะช่วยให้ตระกูลหลิวเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นได้!
แต่มาพบตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว
“ถึงอย่างไรโรงประมูลก็มีอิทธิพลมาก ข้าเห็นแก่หน้าผู้จัดการฉาง ดังนั้นเ้าจึงรีบไปจากที่นี่เสีย ทิ้งหยวนจุนกับแม่นางเซียวไว้ แล้วข้าจะถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“หากไม่ไป ข้าจะทำให้พวกเ้าทุกคนต้องจนตรอก โรงประมูลคงไม่นำเื่คนตายเพียงคนเดียวมาฉีกหน้าตระกูลหลิวของข้าหรอก!”
ทันทีที่หลิวฉิงเทียนกล่าวจบ สายลมได้พัดผ่านตรงหน้าเขา ผู้าุโชิวส่งเสียงหัวเราะ ขณะเดียวกันคิ้วยาวก็พลิ้วไหวไปมา
“ผู้าุโหลิวกล่าวเช่นนี้ก็ไม่ถูก โรงประมูลให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ เราจะเพิกเฉยต่อผู้าุโของตนได้อย่างไร? หากมีผู้ใดทำร้ายนาง โรงประมูลของข้าย่อมไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน!”
คำพูดของผู้าุโชิวเต็มไปด้วยไฟที่คุกรุ่น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจที่หลิวฉิงเทียนกล่าวหาโรงประมูลไปเมื่อครู่นี้
แม้หลิวฉิงเทียนจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่เมื่อเจอกับผู้าุโชิวแล้วก็ยังต้องเคารพยำเกรง เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผู้าุโชิว ในฐานะผู้นำเมือง ตระกูลหลิวมอบเงินให้โรงประมูลไปมิใช่น้อยนะ!”
ผู้าุโชิวแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขากล่าวว่า “ข้าบังคับให้เ้ามอบหรือไม่? หลังจากเ้าเข้าร่วมกับโรงประมูล โรงประมูลเคยปฏิเสธในสิ่งที่เ้า้าอย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงที่ดุดันนี้ ทำให้หลิวฉิงเทียนนิ่งเงียบในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้