ตะกร้าผลไม้สีเขียว หญิงสาวในชุดสีชมพูดูงดงามและอ่อนหวาน ชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมในชุดดำที่เดินเคียงข้างหญิงสาวและมองนางด้วยสายตาลุ่มหลง
แผ่นหินที่ย้อมด้วยตะไคร่น้ำได้เปลี่ยนเป็สีเขียวไปแล้ว ละอองดอกปี้จื่อที่ปลิวไปกับสายลมเย็นในฤดูใบไม้ผลิได้ก่อตัวเป็ภาพที่งดงามราวกับภาพวาด
“เราจะเอามันไปล้างที่ไหน?” อวิ๋นจื่อถามเบาๆ
เย่เช่อยิ้ม “ลองเดาสิ”
อวิ๋นจื่อหัวเราะ “ข้าคิดว่าคงเป็ที่ที่ข้ายังไม่เคยไป”
ดวงตาของเย่เช่อทอแววขบขันก่อนจะกล่าวว่า “เ้าเดาถูก แต่เ้าก็เดาผิดเช่นกัน”
เมื่ออวิ๋นจื่อเห็นท่าทางที่ไร้เดียงสาของเขา นางก็นึกสนุกขึ้นมา ความกล้าและความซุกซนผุดขึ้นในใจนางทันที “คุณชายหมายความว่าอย่างไรที่ว่าข้าเดาถูกแต่ข้าก็เดาผิด?”
เย่เช่อเห็นว่านางดูซุกซนและบริสุทธิ์ไร้เดียงสา อีกทั้งนางยังงดงามอย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้ หัวใจของเขาก็มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ “เ้าเดาถูก”
อวิ๋นจื่อกล่าวย้ำ “ข้าเดาถูกเสมอ”
เมื่อมองดูจิ้งจอกตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มของเย่เช่อก็ทอประกายลึกล้ำ
เขาเดินจูงมือนางไปเรื่อยๆ ระยะห่างระหว่างทั้งสองใกล้กันมาก พวกเขาต่างได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันทำให้เย่เช่อรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงลำธารที่น้ำใสเป็พิเศษ แสงของดวงอาทิตย์ตกกระทบบนผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับ สายลมอ่อนโชยมาทำให้รู้สึกสดชื่นและสงบ
ข้างลำธารมีบ่อน้ำเล็กๆ ที่ทำจากหยก หากมองให้ดีจะเห็นว่าน้ำในลำธารถูกชักนำให้ไหลเข้ามาในบ่อน้ำนี้
ทั้งสองคนนั่งบนหินสีขาวในบ่อน้ำขนาดเล็กอย่างใจเย็น และลงมือล้างผลไม้ที่มีสีเขียวแกมม่วง บรรยากาศระหว่างพวกเขาเป็ไปอย่างสบายๆ ราวกับว่ารู้จักกันมาหลายปีและกำลังทำสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด
การต่อสู้และความวุ่นวายในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว
มีเพียงบ่อน้ำที่เงียบสงบและคนสองคนเท่านั้น
อวิ๋นจื่อมองชายหนุ่มที่กำลังล้างผลไม้อย่างจริงจังและอดที่จะตกตะลึงกับความหล่อเหลาของเขาไม่ได้ นาง้าให้เวลานี้คงอยู่ไปชั่วนิรันดร์ นาง้ามองดูเขาเงียบๆ ตราบนานเท่านาน ในใจของหญิงสาวสั่นไหวอย่างรุนแรง
ผู้คนบอกว่าเขาเป็คนจริงจังและเข้มงวดมาก อย่างไรเสียเขาก็เป็แม่ทัพที่มีชื่อเสียงในอวิ๋นเมิ่ง หากบุคลิกของเขาไม่น่าเกรงขามจะควบคุมกองทหารได้อย่างไร?
เมื่อเห็นเย่เช่อที่อ่อนโยนและดูไม่มีพิษภัยยืนอยู่ตรงหน้า นางก็เกิดความหลงใหลขึ้นมาเล็กน้อย
อวิ๋นจื่อเหม่อลอยไปชั่วขณะ ผลไม้ในมือของนางจึงตกลงไปในบ่อจนทำให้น้ำกระเซ็นขึ้นมาโดนเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองคน
อวิ๋นจื่อยิ้มอายๆ และกล่าวว่า “ข้า...ข้า...ข้าไม่ได้ตั้งใจ!”
เมื่อเห็นท่าทางทำอะไรไม่ถูกของหญิงสาวพร้อมกับความเขินอายบนใบหน้าเล็กๆ ของนาง เย่เช่อก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูสิ เ้ากังวลเกินไปแล้ว นี่ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรเลย”
อวิ๋นจื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณชายใจดีจริงๆ ”
เย่เช่อเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ “แน่นอนว่าข้าเป็คนใจดี แล้วเ้าจะตอบแทนความใจดีของข้าอย่างไร”
“ตอบแทน?” หญิงสาวถามเสียงต่ำ
เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังล้างผลไม้อยู่ แล้วความใจดีเข้ามาเกี่ยวข้องกับเื่นี้ได้อย่างไร? การเปลี่ยนหัวข้อของเขานั้นไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของหญิงสาวเย่เช่อก็หัวเราะเบาๆ “อย่ากังวลไป ข้าไม่ได้จะบังคับอะไรเ้า”
อวิ๋นจื่อพูดไม่ออก และดวงตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความสงสัยเล็กน้อย
รอยยิ้มของเย่เช่อจางหายไปก่อนที่เขาจะกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“เพราะเ้าจะเป็ของข้าไม่ช้าก็เร็ว”
อวิ๋นจื่อกลอกตาและคิดในใจ ‘มีคนกล้ากล่าวแบบนี้ด้วยหรือ?’
“คุณชายได้โปรดอย่าล้อเล่น”
ในเวลานี้พวกเขาล้างผลไม้เสร็จแล้ว
เย่เช่อหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะบรรจงเช็ดมือของนางอย่างแ่เบาและกล่าวว่า “ข้าพูดจริง ข้าไม่ได้ล้อเล่น”
หลังจากที่เย่เช่อกล่าวจบ เขาก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือตัวเองและจ้องมองดวงตาที่สดใสของอวิ๋นจื่อ
อวิ๋นจื่อรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย คำกล่าวที่ว่า “เ้าจะเป็ของข้าไม่ช้าก็เร็ว” เปรียบได้กับสายลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนสามที่พัดพาเอาความทุกข์ในใจของนางออกไปจนหมดสิ้น
“ความเกลียดชังที่ลมตะวันตกพัดพาไปไม่ได้[1]” ก็สามารถจางหายไปได้เช่นกัน
คิ้วที่ขมวดแน่นเพราะความกังวลของนางคลายลงเล็กน้อย เย่เช่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้และรู้สึกโล่งอกโดยไม่รู้ตัว เขาใช้ปลายนิ้วลูบคางของนางเบาๆ และกล่าวว่า “ปี้เหยียน ข้าหวังเป็อย่างยิ่งว่าเราจะเป็เช่นนี้ไปตลอด”
เขากุมใบหน้าของนางไว้ในมืออย่างทะนุถนอม ราวกับว่ากำลังัักับสิ่งที่งดงามที่สุดในโลก
และแน่นอนว่าอวิ๋นจื่อเป็คนที่เขาหวงแหนที่สุดในชีวิต
มืออุ่นของเขาประคองใบหน้าของนาง ความอบอุ่นนั้นส่งผ่านไปถึงหัวใจของอวิ๋นจื่อ นางรู้สึกเพียงว่าร่างกายและจิตใจของนางอบอุ่นขึ้น ในขณะเดียวกันกลิ่นหอมที่แปลกประหลาดและน่ารื่นรมย์ก็โชยเข้าจมูกของนางอย่างแ่เบา เมื่อนางรับรู้ถึงความตั้งใจอันลึกล้ำของชายตรงหน้า ใบหน้าเล็กๆ ที่น่ารักของนางก็แดงเหมือนกุ้งตุ๋น
อวิ๋นจื่อก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความลำบากใจเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า
“คุณชายได้โปรดหยุดก่อน”
น้ำเสียงนั้นเบามาก เบายิ่งกว่าสายลมในเดือนสามเสียอีก
เย่เช่อรู้สึกขบขันกับท่าทีอันแสนน่ารักของนางจนอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“ตกลง ตกลง ข้าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว มานี่สิ”
อวิ๋นจื่อมองดูเย่เช่ออย่างระมัดระวัง ดวงตาและรอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความสุขจนร่างกายของนางขยับเข้าหาเขาโดยไม่รู้ตัว
เย่เช่อก้มหน้าลง ริมฝีปากของเขาัักับใบหูของอวิ๋นจื่อ ติ่งหูเล็กๆ น่ารักที่สวมต่างหูสีเขียวมรกตทำให้จิตใจของเย่เช่อสั่นสะท้าน
อวิ๋นจื่อตกตะลึงเล็กน้อย
เย่เช่อดึงนางเข้าไปในอ้อมแขนและบรรจงจูบใบหูของนางอย่างอ่อนโยน กลิ่นหอมหวานของร่างกายที่นุ่มนิ่มทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัว ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะขบติ่งหูของนางอย่างแ่เบา
ร่างกายของหญิงสาวในอ้อมแขนอ่อนระทวย จิตใจของนางกำลังสับสนวุ่นวาย
แม้อวิ๋นจื่อจะไม่เคยผ่านเื่ทำนองนี้มาก่อน แต่นางก็ยังเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “หากคำพูดของบุรุษสามารถเชื่อถือได้ก็เหมือนกับการที่สุกรปีนต้นไม้”
หญิงสาวพยายามดิ้นรนอย่างอ่อนแรง “คุณชาย…”
ทันใดนั้นเย่เช่อก็จูบริมฝีปากของนางอย่างดุดันทันที
ราวกับว่าโลกกำลังหยุดหมุน ทุกอย่างเงียบสงัด จูบของเขาไม่ได้นุ่มนวลเหมือนคุณชายมู่แต่เป็การจูบที่บ้าคลั่งและหิวกระหาย นางรู้สึกราวกับกำลังหลงทาง ตอนนี้มีเพียงคำเดียวที่อยู่ในใจของนาง นั่นคือ “เย่เช่อ”
ในใจของนางมีเพียงสีของเสื้อผ้าที่เขาสวม ท่ามกลางเงาสีดำที่กดทับลงมา ดอกมู่จิ่นที่เบ่งบานราวกับความฝัน ความคิดของนางสั่นไหวราวกับทุกอย่างได้หยุดนิ่ง
ระหว่างทั้งสองมีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ที่ร้อนผ่าวเท่านั้น
------------------------
[1] ความเกลียดชังที่ลมตะวันตกพัดพาไปไม่ได้ [西风多少恨,吹不散眉弯] มาจากบทกวีเทพธิดาหลินเจียงต้นหลิวในหน้าหนาวของน่าหลานซิงเต๋อกวีสมัยราชวงศ์ชิง ถอดความได้ว่า ไม่ว่าลมตะวันตกจะพัดแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถพัดพาความรู้สึกที่ไม่ดีออกไปได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้