ปึง!
เสียงทุ้บโต๊ะทำงานของบุคคลที่อยู่สูงสุดของจักรวรรดิรองจากองค์ผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง ทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่มีอำนาจทั้งสี่ถึงกับสะดุ้ง ไม่คิดว่าจะถูกโกรธเช่นนี้ เพราะพระองค์จะเก็บอาการตลอด นั่นหมายถึงครั้งนี้สุดจะทนแล้ว
"พวกเ้าไม่ต้องคิดที่จะออกรับแทนเฟลิกซ์หรอก เพราะไม่ว่าใครก็จะต้องถูกลงโทษด้วยกันทั้งหมด"
"อย่างที่รัชทายาทเอ่ยเลย พวกเ้าจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน ไม่ต้องเกี่ยงกันไปหรอก"
"ข้าจะตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร ขอให้ลอร์ดเมล์สงบลงก่อน" ไวท์บอกเสียงเข้มเพื่อไม่ให้คนอื่นทำให้บรรยากาศแย่ลงไปกว่านี้ จากสีหน้าแล้วคงจะเตรียมใจกันมาแล้ว ไม่งั้นคงจะไม่ตอบแบบนี้
"สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ..." เหมือนทั้งสี่คนกำลังยอมรับชะตากรรมว่าจะไม่มีลมหายใจอีกแล้ว มีชีวิตอยู่ถึงแค่ตอนนี้สินะ.....
"ข้าจะปลดยศของทุกคนแล้วส่งกลับบ้านเกิดทั้งหมด หากคิดว่าไม่อยากดูแลกัน ก็จงกลับไปในที่ๆ พวกเ้าจากมาเสียเถิด"
"ว่าไงนะ! "
"คุณชาย ท่านเอ่ยอะไรออกมา"
"ทำไมไม่ลงโทษพวกข้า! "
ทั้งสามกลุ่มมีปฏิกิริยาที่ไม่เห็นด้วยกันทั้งหมด เพราะคิดว่าจะต้องโดนลงโทษสถานหนักหรือถึงขั้นปะา แต่กลับปล่อยกลับบ้านเท่านั้น มันหมายความว่ายังไงกัน
"เ้ารู้ไหมว่าการไม่ลงโทษเช่นนี้ ไม่มีใครในจักรวรรดิเขาทำกัน" รัชทายาทพูดด้วยความไม่พอใจ เพราะทุกอย่างเป็ไปตามกฎของจักรวรรดิแต่รู้ว่าอีกฝ่ายมาจากอีกโลกเลยอยากให้ลงโทษเองเสียมากกว่า ไม่คิดว่าจะทำแบบนี้
"ท่านคีย์หยุดก่อนพะยะค่ะ ให้คุณชายไวท์ตัดสินใจเอง พวกเราไม่มีสิทธิยุ่งกับเื่นี้หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็ความตายของเชื้อพระวงศ์" เมล์รีบเอาดาบมาขวางร่างสูงทันทีเพราะอีกคนจะวิ่งไปจัดการเหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ด้วยความโมโหอย่างรุนแรง กลิ่นอายดุดันแพร่ออกมาจากแวมไพร์สายเืบริสุทธิ์ แววตาแดงฉานราวกับกระหายา ออร่าสีดำทะมึนแผ่คลุมไปทั่วร่าง
"อย่ามาขวางทางข้า เมล์" เสียงทรงพลังเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ มือขาวดึงอีกฝ่ายให้นั่งลงที่เดิมพลางทำมือว่าให้ใจเย็นลงก่อน ทำให้บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงมาแต่ไม่ได้มากนัก
"ใจเย็นลงก่อนพะยะค่ะ หม่อมฉันจะจัดการเอง ได้โปรดวางใจได้" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาทำให้เหล่าลูกครึ่งแวมไพร์ที่เหลือถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะต้องตายด้วยเงื้อมมือของรัชทายาทเสียแล้ว
"การที่ข้าบอกว่าให้กลับบ้านเกิดนั่นหมายถึงพวกเ้าไม่มีความสามารถมากพอที่จะดูแลข้า การอยู่ด้วยกันนั้นจะต้องตักเตือน คอยบอก คอยห้ามปราม และสนับสนุนผู้เป็นายได้ เพราะฉะนั้นในเมื่อทำแบบนี้ จงกลับไปเสียเถอะ แล้วข้าจะให้รัชทายาทหาคนดูแลมาให้ข้าใหม่" การที่เขาบอกเหตุผลแบบนี้มันคือเื่จริงในโลกที่เขาอาศัยอยู่ หากไม่สามารถที่จะช่วยเหลือกันในยามทุกข์และยามสุขได้ ก็อย่าได้ใช้ชีวิตร่วมกันอีกเลย
"รบกวนเมล์ช่วยปลดโซ่ตรวนอาคมด้วย ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกเขาอีก" ร่างสูงโปร่งเดินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมาอีก ท่าทีแน่วแน่ว่าจะออกไปจากตรงนี้ หากไม่มีใครดูแลก็อยู่ด้วยตัวเองก็ได้ ปกติก็ไม่มีใครมาคอยดูแลอะไรแบบนี้ ไม่น่าจะเป็ปัญหามากนัก สำหรับคนที่มีฐานะยากจน
กริ๊ก!
โซ่ตรวนอาคมเริ่มหลุดทีละคนสองคนจากการคลายมนต์สะกดของลอร์ดเมล์ผู้เป็แวมไพร์สายเืบริสุทธิ์ของตระกูลข้ารับใช้ผู้สูงศักดิ์ ร่างของเฟลิกซ์วิ่งไปขัดขวางการออกจากห้องของผู้เป็นายอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตมองนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
"ข้าขอโทษ ได้โปรดให้อภัยด้วยเถิด คุณชายริค ไวท์ ผู้เป็เชื้อพระวงศ์แห่งริค" เฟลิกซ์คุกเข่าขอโทษทันทีที่ขัดขวางเ้านายตนเองไว้ได้ ปรารถนาที่จะได้รับการให้อภัยเพราะตนรู้ดีว่าทำตัวเหิมเกริมกับผู้เป็นายไว้มากแค่ไหน
"ได้โปรดให้อภัยด้วยเถิด คุณชายริค ไวท์" คัสซัสเองก็คุกเข่าขอโทษแบบเดียวกับเฟลิกซ์
"ได้โปรดให้อภัยด้วยเถิดขอรับ คุณชายริค ไวท์" คีเซินรีบวิ่งมาคุกเข่าขอร้องอีกคนเมื่อเห็นว่าร่างสูงโปร่งยังคงพยายามจะเดินหนีอยู่
"ได้โปรดยอมรับพวกเราทั้งสี่คน เป็คนข้ารับใช้ด้วยเถอะ คุณชายริค ไวท์" คลาวน์วิ่งมาตัดหน้าแล้วคุกเข่าคนสุดท้ายเพื่อไม่ให้เดินหนีได้อีก สายตาเว้าวอน ขอโทษ รู้สึกผิดแสดงออกมาชัดเจนจากลูกครึ่งแวมไพร์ทั้งสี่ หวังว่าจะได้รับการให้อภัยจากความผิดพลาดในครั้งนี้ หากได้รับการให้อภัยพวกเขาสัญญาว่าจะรับใช้อย่างซื่อสัตย์และไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางอีกเป็อันขาด
"ถ้าจะให้พูดตรงๆ คือผมไม่สามารถไว้ใจพวกคุณทั้งสี่คนได้เลย ทั้งที่พยายามช่วย ด้วยความจริงใจ หวังพึ่งพากันและกัน ถ้าจะให้เริ่มต้นใหม่คือต้องสร้างความทรงจำใหม่ ต้องทำให้เชื่อใจได้จริงๆ ทำได้ไหมครับ" ไวท์บอกพลางจ้องไปที่ทั้งสี่คนไม่วางตา ออร่าสีขาวเหมือนกำลังจะออกมาจากร่างสูงโปร่งที่ยืนสนทนากับข้ารับใช้
"คุณชายไวท์ระวังเื่อารมณ์ไว้ก่อนขอรับ่นี้ ท่านยังควบคุมพลังไม่ได้ เดี๋ยวต้องเรียกนักเวทย์มาปรับสมดุลให้อีก" เมล์ร้องเตือนทันทีที่เห็นออร่าสีขาวแกมแดงค่อยๆ แพร่ออกมาจากร่าง
"ได้ครับ สรุปตามที่บอกเลย"
"ของที่มันแตกไปแล้วมันต่อไม่ติดแน่นอน มีแต่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยตัวเองครับ"
"จะไปเรียนกับนักเวทย์แล้ว พอดีมีนัดระหว่างทางที่ทุกคนกำลังยุ่งกัน ขอตัวนะครับ"
ความจริงแล้วเขาไม่มีนัดเรียนอะไรกับเหล่านักเวทย์หรอก ยังไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ เห็นบอกว่ารอให้เคลียร์ปัญหาเื่ภายในวังให้เรียบร้อยแล้วมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเริ่มพูดคุยที่แท้จริง ว่าควรทำอะไรต่อไป
ณ ห้องนั่งเล่น
"คุณชายพร้อมที่จะคุยกับพวกเราแล้วใช่ไหมหรือไม่" เหล่านักเวทย์ถาม
"ครับ พร้อมแล้ว"
"จะขออธิบายก่อนว่าทั้งพ่อและแม่ของท่านนั้นเป็เทพและั ทำให้สมดุลพลังค่อนข้างรุนแรงกว่าเผ่าพันธ์อื่น จำเป็ที่จะต้องฝึกสมาธิอย่างแรงกล้าเพื่อให้สามารถควบคุมมันได้ และมีข่าวลือว่าท่านมีความสามารถในการต่อสู้ของโลกคู่ขนาน ไม่ทราบว่าถ้าไปถึงสถานที่เรียนแล้วจะขอทดสอบความสามารถได้หรือไม่ขอรับ"
"ไม่มีปัญหา ข้าเองก็ไม่ได้ออกแรงมานานแล้ว ว่าจะลองออกกำลังกายดูบ้าง"
"ถ้าเช่นนั้นอีกสักสองชั่วโมงไปที่ห้องฝึกซ้อมกันขอรับ ไปวัดความสามารถกับคลื่นพลังในตัวของท่านว่ามันมากแค่ไหน"
"พวกเราจะไปเตรียมตัวกันก่อนขอรับ แล้วเจอกัน"
ระหว่างที่เขารอการวัดความสามารถก็วอร์มอัพร่างกายครั้งใหญ่ที่่นี้เหมือนจะมีแต่เื่จนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าที่ควร น่าจะสั่งตัดชุดแบบที่เคยเรียนมาแล้วฝึกต่อสู้แบบเดิมน่าจะช่วยให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง ไม่ได้สังเกตเลยว่าระหว่างที่กำลังฝึกซ้อมนั้นมีแวมไพร์ทั้งหลายกำลังมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นกับท่าทางฝึกที่แปลกประหลาดแต่ทรงพลัง มีท่วงท่าที่แข็งแรง ขนาดที่สามารถฟาดแผ่นไม้ให้แตกได้ด้วยมือเปล่า ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
"คุณชายริค ไวท์ ช่างเหมือนคุณตาของเขาไม่มีผิดเพี้ยนเลยพะยะค่ะ"
"คำถามในใจของข้าคือผู้นั้นเป็มนุษย์แต่เด็กคนนี้คือลูกครึ่งเทพกับั มันจะต้องมีปริศนาอะไรซ่อนอยู่แน่นอนเลย"
