งานชุมนุมประจำปีของตระกูลหลินยังคงดำเนินต่อไป ในตอนนี้บุตรชายคนโตของหลินป้าต้าว หลินหงได้เหวี่ยงหมัดน้ำแข็งใส่ลูกหลานของตระกูลหลินคนหนึ่ง ทันใดนั้นผู้คนต่างก็ปรบมือขึ้นมา
“ว้าว!!! พ่อลูกคู่นี้... ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ หลินหงช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
“ใช่แล้ว เมื่อนึกถึงบุตรชายที่ไร้ค่าของหลินไห่ที่ทั้งทะนงตัวและเย่อหยิ่งแล้ว วันนี้ตระกูลของเราได้ถือกำเนิดอัจฉริยะก็คือ เชียนเชียนที่มีความสามารถอันน่าทึ่ง และหลินหงเองก็มีพร์ที่น่าจับตามองเช่นกัน นอกจากเชียนเชียนแล้วก็ไม่มีใครในตระกูลเป็คู่แข่ง แม้แต่ผู้าุโบางคนก็ยังไม่อาจเทียบได้”
หนึ่งในผู้าุโของตระกูลหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม เสียงที่ดังชัดเจนดังออกไปไกล จนกระทั่งทุกคนต่างได้ยินทั้งหมด
รวมไปถึงหลินเฟิงที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ!
หลินเฟิงไม่คิดว่าจะมีใครบางคนพูดถึงตัวเองในทางที่ไม่ดี เขาจึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มที่มุมปาก จากนั้นก็เงยหน้ามองฝูงชนและกล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “งั้นเหรอ?”
แม้เสียงพูดจะไม่ดังนัก แต่มันกลับก้องกังวานไปทั่วลาน ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงนี้ได้ชัดเจน
ผู้คนต่างประหลาดใจจึงหันไปตามต้นเสียง แล้วพวกเขาก็เห็นผู้เยาว์คนหนี่ง ซึ่งเป็บุคคลที่พวกเขาล้วนคุ้นเคยดี
ร่างเงาที่คุ้นเคยนี้ ในวันวานผู้คนต่างขนานนามว่าเป็เศษขยะ แต่ในงานชุมนุมของตระกูลหลินเมื่อปีที่แล้วเขากลับแข็งแกร่งขึ้น หลังจากนั้นก็เฉิดฉายในงานประลองของเมืองหยางโจว ทำให้ทุกคนต่างจดจำเขาได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังคงถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน
ซึ่งระหว่างเขาและหลินเชียนนั้น ตระกูลหลินได้เลือกหลินเชียน เพราะทุกคนต่างคิดว่าหลินเชียนแกร่งกว่าหลินเฟิงและมีอนาคตยาวไกลกว่า คาดว่านางจะสามารถนำพาตระกูลหลินไปสู่จุดสูงสุดได้
“นั่นเขา... หลินเฟิง!”
“หลินเฟิงกลับมาแล้ว! เขากลับมาที่ตระกูลหลินแล้ว!”
เมื่อเห็นร่างเงานี้ ทุกคนในตระกูลหลินต่างตะลึงงัน
ร่างเงาอันสง่างามที่เคยเห็นเมื่อคราก่อน ตอนนี้ดูเปลี่ยนไป โครงหน้าชัดเจนขึ้น และดวงตาคู่นั้นที่ทั้งคมกริบและสงบนิ่ง
“หลินเฟิง”
ม่านตาของหลินป้าต้าวหดแคบลง ชายหนุ่มที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน ไม่คาดคิดว่า... จะกล้ากลับมาเหยียบที่นี่อีก
ปรากฏรอยยิ้มประชดประชันและเย้ยหยันขึ้นบนใบหน้าของหลินป้าต้าว ์ที่แท้จริงนั้นไร้ซึ่งหนทาง หลินเฟิง... กลับมาคราวนี้เพื่อรนหาที่ตาย!
ข้างเวทีประลอง ท่าทางของหลินเชียนกลับตรงข้ามกับหลินป้าต้าว ตัวนางกำลังสั่นอย่างรุนแรง เป็หลินเฟิง... ไม่คิดว่าจะเป็เขาจริงๆ
หลินเชียนไม่คาดคิดว่าข่าวลือที่แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง ว่าชายหนุ่มจะกลับมาที่เมืองหยางโจว... กลับมาที่ตระกูลหลินจะเป็เื่จริง
ในใจนางไม่สงบ เพราะข่าวลือที่ว่ากลับกลายเป็ความจริง ในที่สุดหลินเฟิงก็กลับมา เขากลับมาเพื่อทวงคืนสิ่งที่ตระกูลหลินได้พรากจากไป... ศักดิ์ศรี!
“เ้ายังกล้ากลับมาเหยียบที่นี่อีกหรือ?”
เมื่อผู้าุโเก้าเห็นหลินเฟิงดังนั้น มุมปากของเขาจึงปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น แล้วกล่าวต่อว่า “หลินเฟิง พ่อของเ้าได้ทรยศต่อบรรพบุรุษ สังหารพี่น้องร่วมตระกูล สำหรับโทษของการกระทำนั้น เขาจึงถูกขับไล่ออกจากตระกูล แล้วเ้าที่ทำตัวสามหาวและเย่อหยิ่งก็ถูกขับไล่เช่นกัน ในวันนั้นที่ตำหนักเ้าเมือง เ้ายังได้คุกคามน่าหลันเฟิง แต่โชคดีที่นางรอดตายมาได้ ไม่คิดว่าวันนี้เ้าจะกล้ากลับมาที่เมืองหยางโจวและกลับมาเหยียบที่ตระกูลหลินอีก?!”
“หยุดพูดจาไร้สาระได้หรือยัง?”
ขณะที่หลินเฟิงมองผู้าุโเก้า เขาก็รู้สึกว่ามันช่างน่าขันนัก การกลับมาของเขาก็เป็ความผิด? ตอนนี้เขาคร้านเกินกว่าจะมาฟังคำพูดไร้สาระเช่นนี้
“ไร้สาระ?” ม่านตาของผู้าุโเก้าหดแคบลง ขณะที่จ้องมองหลินเฟิงอย่างเ็า
“เ้าเพิ่งหาว่าข้าเป็เศษขยะ ไหนๆ วันนี้ก็เป็งานชุมนุมประจำปีของตระกูลหลินอยู่แล้ว ทำไมไม่ลองให้ลูกชายของเ้ามาสู้กับข้าสักตั้งล่ะ?” หลินเฟิงกล่าวเสียงเบา หลินเฟิงย่อมรู้ดีว่าผู้าุโเก้ามีบุตรชายคนหนึ่งซึ่งมีอายุพอๆ กับหลินเฟิงคนหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ผู้าุโเก้าก็ยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาของเขาดูเ็าอย่างมากยิ่งขึ้น
“ทำไมไม่พูดต่อล่ะ? บุตรชายของเ้า ถ้าแม้แต่เศษขยะอย่างข้าก็ไม่กล้าสู้ด้วย งั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะน่ะสิ!”
หลินเฟิงกล่าวอย่างทะเล้นขณะก้าวออกมาช้าๆ ทว่าพริบตาเดียวก็มาถึงด้านหน้าผู้คนแล้ว จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินไปที่เวทีประลอง
เมื่อเห็นหลินเฟิงเดินมา พวกรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินก็เปิดทางให้หลินเฟิงเดินขึ้นสู่เวทีประลอง
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ?” เมื่อหลินเฟิงเห็นผู้คนต่างเงียบ จึงกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
หลินป้าต้าวยิ้มอย่างเ็าและกล่าวว่า “หลินเฟิง พวกข้าต่างคิดว่าเ้าเป็คนของตระกูลหลิน คราวที่แล้วข้าจงใจไว้ชีวิตเ้า แต่ดูเหมือนว่าเ้าจะไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ แล้วยังกล้ากลับมาที่นี่อีก!”
“จงใจไว้ชีวิตข้า ไม่ปล่อยให้ข้าตาย?”
หลินเฟิงแปลกใจเล็กน้อย หลินป้าต้าวเป็คนใจกว้างที่ไว้ชีวิตเขา?
“มิน่าเล่า ว่าทำไมตอนมาถึงก็ได้ยินแต่เสียงคนประจบประแจง ผู้นำตระกูลหน้าไม่อายเช่นนี้ รุ่นต่อไปก็คงไม่ต่างอะไรจากผู้นำตระกูลนักหรอก”
“พูดมาได้ยังไง ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!” ผู้าุโเก้าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว พลันปลดปล่อยกลิ่นอายอันเยือกเย็นออกมา
“ข้าเหรอพูดจาไร้ยางอาย? เมื่อครู่นี้พวกเ้าว่าหลินเชียนและหลินหงต่างมีพร์ที่ยอดเยี่ยมและเป็อัจริยะใช่ไหม?”
“แน่นอน เชียนเชียนและหลินหงต่างเป็อัจริยะของตระกูลหลิน”
“งั้นข้าหลินเฟิงก็เป็เศษขยะ ใช่หรือไม่?”
“เ้าก็รู้ดีหนิ!” ผู้าุโเก้ากล่าวเยาะเย้ย
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น งั้นข้าที่เป็เศษขยะก็อยากจะขอคำแนะนำจากเหล่าอัจฉริยะทุกคน หลินหง หลินเชียน พวกเ้าก็เหมือนกัน หากข้าพ่ายแพ้ล่ะก็ ข้ายอมตายเลยก็ย่อมได้”
หลินเฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น ทว่ากลับทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง หากพ่ายแพ้การประลองครั้งนี้ หลินเฟิงก็จะยอมตาย!
ด้วยน้ำเสียงที่บ้าระห่ำ แข็งแกร่ง และน่าเกรงขาม!
ทุกคนในตระกูลหลินต่างเงียบงัน ยกเว้นหลินเชียนและหลินหง ใครเล่าจะกล้าต่อสู้กับหลินเฟิง? เมื่อปีที่แล้วหลินเฟิงนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้... ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นเพียงใด
“ทำไมไม่พูดอะไรเลยล่ะ? หลินเฟิงผู้นี้กำลังร้องขอความตายเชียวนะ!”
หลินเฟิงกวาดสายตามองผู้คน ขณะที่มุมปากก็เผยรอยยิ้มทะเล้นขึ้นมา
ร้องขอความตาย ช่างเป็คำพูดไร้สาระที่ทำให้ฝูงชนต่างตะลึงงัน ทว่ากลับไม่มีใครกล้าตอบหลินเฟิงแม้แต่น้อย สายตาของเหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลหลินต่างมองไปที่หลินหงและหลินเชียน มีเพียงพวกเขาทั้งสองเท่านั้นที่จะชนะหลินเฟิงได้
แต่ว่าพวกเขาที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวงย่อมรู้ถึงฝีมือของหลินเฟิงดี แล้วจะกล้าต่อสู้กับเขาได้อย่างไร? หากตอบรับการต่อสู้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย
“ข้าหลินเฟิงถึงกับร้องขอความตาย แต่ไม่มีใครตอบ หึ... พวกเ้าก็แค่เศษขยะดีๆ นี่เอง ดีแต่พูดจาโอ้อวด ไหนใครบอกว่ามีพร์และความสามารถที่น่าทึ่ง ข้าล่ะชื่นชมในความไร้ยางอายพวกเ้าจริงๆ”
น้ำเสียงถากถางของหลินเฟิงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนคนตระกูลหลินรู้สึกหน้าร้อนผ่าว หลินเฟิงเป็เศษขยะที่ถูกขับไล่จากตระกูล แต่วันนี้กลับยืนอยู่บนที่สูงและท้าทายคนจากตระกูลหลินอย่างไม่กลัวตาย ทว่าไม่มีใครกล้าต่อสู้ด้วย ต่อให้เป็หลินเชียนที่เป็ถึงอัจฉริยะของตระกูลก็ตาม!
“เ้ามันอวดดียิ่งนัก!” ผู้าุโเก้าคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
“เ้ามันอวดดียิ่งนัก!” เสียงของเขายังคงกังวาน หลินเฟิงเองก็คำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเช่นกัน “ไม่ใช่เ้าหรอกหรือที่บอกว่าข้าเป็เศษขยะ ส่วนพวกเ้าเป็อัจฉริยะ แล้วไหนล่ะอัจฉริยะของพวกเ้า? ข้ายืนอยู่ตรงนี้และร้องขอความตายจากพวกเ้าแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครกล้าต่อสู้กับข้า หากใครพร้อมก็ขึ้นมาบนเวทีซะ ข้าอยากตายจริงๆ แล้วนะ!”
บ้าบิ่น… ช่างบ่าบิ่นอะไรขนาดนี้!
แม้แต่ผู้าุโ หลินเฟิงก็ยังท้าทาย!
ผู้าุโเก้าเหลือบมองหลินเชียนและหลินหง จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างเ็าพลางกล่าวว่า “หลินเฟิง ทั้งหลินเชียนและหลินหงต่างก็เป็อัจฉริยะของตระกูลหลิน ในเมื่อเ้าร้องขอความตาย ข้าก็จะสนองให้”
หลังจากกล่าวจบ ผู้าุโเก้าก็ะโขึ้นไปบนเวทีประลองและประจันหน้ากับหลินเฟิง
“ทักษะการเคลื่อนไหวช่างร้ายกาจนัก คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะกล้าท้าทายผู้าุโ ช่างหยิ่งผยองเกินไปแล้ว เขากำลังรนหาที่ตาย”
“ผู้าุโเก้า สมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 ในท้ายที่สุดหลินเฟิงต้องตายอย่างแน่นอน”
เมื่อฝูงชนเห็นผู้าุโเก้าตอบสนอง ในใจของพวกเขาต่างก็เกิดความคิดมากมาย ในขณะเดียวกันกำปั้นน้ำแข็งที่บ้าคลั่งของผู้าุโเก้าก็เหวี่ยงไปที่หลินเฟิง ราวกับ้าแช่แข็งหลินเฟิง
หลินเฟิงยืนตรงนั้นอย่างสงบขณะมองผู้าุโเก้าที่พุ่งเข้ามา ทันใดนั้น รอยยิ้มเวทนาพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฟิง
“ตายซะเถอะ!” ผู้าุโเก้าะโออกมา แต่ในขณะนั้นหลินเฟิงก็เคลื่อนไหว หรือพูดได้ว่ามีเพียงมือของเขาที่ขยับและฟาดฟันออกไป พลันเกิดแสงเจิดจ้าขึ้น จากนั้นผู้าุโที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงออกมา กลางร่างของเขากลับมีเืไหลทะลักก่อนล้มลงสู่พื้นขณะที่เบิกตาโพลง แต่กลับไม่มีลมหายใจ
“ตึกตัก ตึกตัก...!”
หัวใจของเหล่าผู้คนต่างสั่นสะท้าน ส่วนหลินป้าต้าวผุดกายลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้าุโเก้าตายแล้ว?
ผู้าุโเก้าถูกหลินเฟิงสังหารแล้ว?
ฝูงชนเริ่มตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ตอนนี้เองก็เห็นหลินเฟิงปรายตามองซากศพและกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “เศษขยะ!”
หลินเฟิงเดินไปข้างหน้าและกวาดสายตามองผู้คนอย่างเย่อหยิ่ง
“ข้าหลินเฟิงร้องขอความตาย!”