ขณะที่หนิวต้าลี่จับมือเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่ เขายังคงรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง นี่คือคนที่เขาจะต้องร่วมงานด้วย? อายุน้อยเกินไปแล้วนะ เด็กตัวแค่นี้จะสามารถยืนหยัดเปิดร้านขายเสื้อผ้าได้ด้วยตัวเองอย่างนั้นเหรอ? เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
ขนาดร้านค้าใหญ่โตที่เขาเปิดอยู่ตอนนี้ ยังต้องสั่งสินค้าจากภายนอกอยู่เลย ยังไม่กล้าที่จะเปิดโรงงานของตัวเอง เพราะการบริหารโรงงานนั้นมันยุ่งยากกว่าการบริหารร้านค้ามากโข ั้แ่การออกแบบเสื้อผ้า ฝีมือช่าง การจัดซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์ต่างๆ ไปจนถึงการประชาสัมพันธ์สินค้า เรียกได้ว่าซับซ้อนวุ่นวายสุดๆ
"สวัสดีค่ะคุณลุง เชิญด้านในก่อนนะคะ ฉันชื่อหมี่หลันเยว่ ที่นี่คือร้านขายสินค้าของเรา ไม่ว่าจะเป็การขายส่งหรือขายปลีก ทุกท่านสามารถชมสินค้าของเราได้ที่นี่ หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบสินค้าของเรา และหวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันอย่างราบรื่นนะคะ"
หมี่หลันเยว่ต้อนรับแขกด้วยท่าทีสุภาพ ไม่ประจบประแจง พาทุกคนเข้าไปในร้านก่อน
"เชิญคุณลุงทุกท่านนั่งพักก่อนนะคะ ค่อยชมสินค้าของเราต่อ ร้านของเราค่อนข้างเล็ก ต้องขออภัยคุณลุงทุกท่านด้วยนะคะ หลังจากปีใหม่ จะมีสาขาเปิดใหม่ หวังว่าครั้งหน้าที่คุณลุงมา จะมีห้องจัดแสงสินค้าที่กว้างขวางให้ทุกท่านได้ชมกันค่ะ"
บริเวณริมหน้าต่างของร้านได้จัดเตรียมเก้าอี้ไว้เป็แถว สำหรับรองรับแขกที่มาเยือน เนื่องจากพื้นที่ของร้านไม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ ยังต้องจัดวางเสื้อผ้า จึงไม่มีโต๊ะวางเครื่องดื่ม แม้แต่พื้นที่สำหรับวางเก้าอี้แถวนั้นก็ยังต้องเบียดเสียดกันออกมา
นี่ก็ช่วยไม่ได้ พื้นที่ร้านมีจำกัด จะให้แขกนั่งคุยกันในสวนก็คงไม่เหมาะ ในเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นลง แถมลมในฤดูใบไม้ร่วงก็พัดแรง ถ้านั่งคุยกันในสวน เดี๋ยวบนหัวก็คงเต็มไปด้วยใบไม้สีเหลือง
"หมี่หลันเยว่ เธอก็นั่งด้วยสิ อายุยังน้อย ทำได้ขนาดนี้ เก่งจริงๆ"
ท่าทีการต้อนรับแขกของหมี่หลันเยว่ ทำให้หนิวต้าลี่ให้ความสำคัญกับเด็กสาวคนนี้ขึ้นมาทันที ในฐานะที่เป็ผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่เริ่มธุรกิจส่วนตัว สายตาของหนิวต้าลี่ไม่ใช่ของที่เอาไว้ประดับ
"ฉันชื่อหนิวต้าลี่ เป็ผู้จัดการร้านเสื้อผ้าหลงเย่ในเมืองชิงไถ เถียจู้คงจะบอกเธอแล้วว่า ฉันเห็นเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้ว ฉันถูกใจในแบบและฝีมือการตัดเย็บของพวกเธอ ก็เลยอยากจะร่วมงานด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ทำให้ฉันประหลาดใจเป็อย่างแรกก็คืออายุของเธอ"
หนิวต้าลี่เป็ชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบสี่สามสิบห้าปี น้ำเสียงทุ้มต่ำ ฟังแล้วทำให้รู้สึกอึดอัด เหมือนถูกกดดันให้ด้อยกว่าโดยไม่รู้ตัว อาจเป็เพราะน้ำเสียงของเขามีอำนาจที่ทำให้คนคล้อยตาม แม้เสียงจะไม่ดัง แต่ก็แฝงไปด้วยความฮึกเหิม
"คุณลุงหนิวคะ ฉันดีใจมากที่คุณลุงเห็นแวว แค่เห็นเสื้อผ้าชุดเดียวที่พี่เถียจู้ใส่ ก็มองเห็นศักยภาพของห้องเสื้อหลันเยว่ของเรา"
ขณะที่พูด เฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยก็ยกโต๊ะสี่เหลี่ยมเล็กๆ เข้ามา นี่คือสิ่งที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เมื่อมีแขกมาก็จะยกเข้ามา พอแขกกลับก็จะยกออกไป เพื่อประหยัดพื้นที่ในร้าน
หมี่หลันหยางและหนิวเถียจู้เดินตามหลังทั้งสองคนมา โดยแต่ละคนถือเครื่องดื่มมาคนละสองสามแก้ว เมื่อเห็นว่าเฉียนหย่งจิ้นและหลินเผิงเฟยวางโต๊ะเสร็จแล้ว พวกเขาก็เอาเครื่องดื่มวางลงบนโต๊ะ
"เชิญคุณลุงทุกท่านดื่มเครื่องดื่มแก้ร้อนก่อนนะคะ แล้วค่อยชมเสื้อผ้าในร้านของเราตามสบายค่ะ"
หมี่หลันเยว่หยิบเครื่องดื่มแก้วหนึ่งส่งให้หนิวต้าลี่ก่อน
"เชิญคุณลุงก่อนค่ะ"
นี่คือเด็กสาวอายุสิบกว่าปีจริงๆ เหรอ หนิวต้าลี่ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ก็ยังรับเครื่องดื่มที่เธอยื่นมาด้วยสองมือ
ขณะที่ดื่มเครื่องดื่ม เขาก็สังเกตไปรอบๆ ร้านที่ไม่ใหญ่โตแห่งนี้ พบว่าการจัดแสดงสินค้าของที่นี่มีความโดดเด่นเป็เอกลักษณ์ ไม่เหมือนร้านของเขา ที่เสื้อผ้าแขวนเรียงกันเป็แถว กางเกงแขวนเรียงกันเป็แถว มองไม่เห็นความแตกต่าง มองไม่ออกว่าเสื้อผ้ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร
แต่สินค้าในร้านเล็กๆ แห่งนี้ กลับได้รับการจับคู่ที่ลงตัวที่สุด เสื้อตัวไหนควรใส่กับกางเกงตัวไหน กระเป๋าเป้แบบไหนที่เข้ากัน ทั้งสีสันและรูปแบบ ล้วนแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าได้อย่างเต็มที่ ทำให้เมื่อมองเห็นแล้ว รู้สึกใจสั่น อยากได้จนแทบทนไม่ไหว
"เสี่ยวลี่ มีเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ ไหม ช่วยแนะนำให้หน่อยสิ บ่ายนี้ฉันจะต้องไปบ้านแฟน ต้องแต่งตัวให้สวยๆ หน่อย"
ขณะที่หนิวต้าลี่กำลังสังเกตอยู่นั้น ก็มีลูกค้าสาวอายุประมาณยี่สิบกว่าปีเดินเข้ามาในร้าน
"ว้าว วันนี้คนเยอะจังเลยนะคะ"
เธอเดินเข้ามาก็เห็นคนยืนอออยู่ริมหน้าต่าง ข้างๆ ก็ยังมีคนยืนอยู่อีกสองสามคน ทำให้ในร้านดูแคบลงไปถนัดตา
"อ๋อ พวกเราเลือกกันเสร็จแล้ว กำลังจะออกไปพอดี เชิญพี่สาวเข้ามาเลือกได้เลยครับ"
เฉียนหย่งจิ้นรีบตอบรับอย่างเป็ธรรมชาติ
"พี่สาวสายตาดีนะครับ ผมเองก็ชอบเสื้อผ้าของร้านนี้เหมือนกัน งานดี แถมแบบก็ทันสมัย"
เมื่อถูกชมว่าสายตาดี ใครๆ ก็ย่อมดีใจ ลูกค้าสาวคนนั้นก็ยิ้มจนตาหยี
"น้องชายคนนี้พูดจาดีจังเลย นายก็สายตาดีเหมือนกันนะ"
เฉียนหย่งจิ้นก็จูงมือหมี่หลันหยางและพวกอีกสามคนออกไป ทำให้ในร้านดูกว้างขึ้นมาทันที
"พี่ฉิงอวี่คะ ลองดูชุดนี้เป็ยังไงคะ แบบใหม่ล่าสุดเลยค่ะ สีและแบบเหมาะกับพี่มาก"
หลิวลี่เดินเข้าไปต้อนรับลูกค้าอย่างกระตือรือร้น พาเธอไปยังชุดเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวแขวนเสื้อ นี่คือชุดที่จับคู่กันเป็สามชิ้น เสื้อแจ็กเก็ตสีชมพูอ่อนเข้าชุดกับกางเกงขาม้าเล็กน้อยสีอ่อน ด้านในเสื้อแจ็กเก็ตเป็เสื้อยืดคอกลมผ้าฝ้ายสีชมพูและเทา
"เสี่ยวลี่ เธอนี่สายตาดีจริงๆ ชุดนี้เข้ากันได้สวยมากเลย"
ปรากฏว่าลูกค้าที่ถูกเรียกว่าพี่ฉิงอวี่ พอเห็นชุดนี้แล้วก็แทบจะขยับไปไหนไม่ได้ ชอบอกชอบใจจนเริ่มทาบไปมา
แต่เสื้อผ้าสวยก็จริง แต่เธอก็ยังลังเลอยู่บ้าง
"เสี่ยวลี่ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันก็เพิ่งมาซื้อไปชุดหนึ่ง ฉันแค่อยากจะหาเสื้อผ้ามาใส่เพิ่ม เพราะชุดนั้นฉันใส่ไปเจอครอบครัวเขาแล้ว แต่ถ้าจะซื้อทั้งชุดอีก ก็จะดูฟุ่มเฟือยเกินไปไหม เสื้อผ้าที่นี่ก็ไม่ได้ถูกๆ นะ"
"พี่ฉิงอวี่ พี่ก็บอกเองว่าใส่ไปเจอครอบครัวเขาแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนชุดใหม่สิคะ ชุดนี้สีสดใส ใส่แล้วทำให้หน้าพี่ดูสดใสขึ้นเยอะเลยค่ะ"
หลิวลี่ยื่นเสื้อแจ็กเก็ตสีชมพูไปทาบที่คางของฉิงอวี่
"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าชุดนี้เหมาะกับพี่ที่สุด แต่ถ้าพี่จะซื้อแยกชิ้นก็ได้นะคะ"
พาเธอไปยืนหน้ากระจกยาวที่ติดอยู่บนผนัง ไม่ได้รีบร้อนที่จะยุให้ซื้อทั้งชุด แต่ช่วยเธอเลือกเหมือนกับเป็เพื่อนสนิท
"ถ้าพี่ซื้อแค่เสื้อแจ็กเก็ตสีชมพูตัวนี้ ก็เหมาะเหมือนกันนะคะ ใส่กับกางเกงขาม้าเล็กน้อยสีน้ำตาลอ่อนที่พี่ซื้อไปคราวก่อน ก็จะสวยมาก หรือถ้า่นี้ขัดสนจริงๆ ก็ซื้อแค่ตัวนี้ไปก่อนก็ได้ค่ะ รอให้มีเงินเหลือๆ ค่อยมาซื้ออีกสองตัวก็ได้"
"พี่ฉิงอวี่ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะยุให้พี่ซื้อทั้งชุดนะคะ แต่ชุดนี้มันสวยจริงๆ ค่ะ เมื่อวานตอนที่เพิ่งแขวนชุดตัวอย่าง ฉันก็นึกถึงพี่แล้ว คิดว่าถ้าพี่ใส่ชุดนี้ออกไป จะสวยขนาดไหน ถ้าไม่ซื้อให้ครบชุดก็น่าเสียดายแย่เลย"
เธอวางเสื้อแจ็กเก็ตสีชมพูในมือลง หลิวลี่ก็ไม่ได้คะยั้นคะยออะไรอีก ราวกับว่าสิ่งที่พูดไปเมื่อกี้ เสียดายอย่างนั้น เสียดายอย่างนี้ เป็แค่การพูดคุยเล่นๆ
"พี่ฉิงอวี่ จะเอาเสื้อแจ็กเก็ตตัวใหญ่กว่าเดิมหนึ่งขนาดไหมคะ อากาศจะเริ่มหนาวแล้ว พี่จะได้ใส่เสื้อข้างในได้"
ขณะที่พูด เธอก็หยิบปากกาขึ้นมา
"หรือว่าฉันจะหยิบตัวใหญ่กว่าเดิมมาให้พี่ลองใส่ดูก่อน ถ้าพี่รู้สึกว่าไม่พอดี เราก็เอาขนาดเดิมค่ะ"
หลิวลี่ไม่รอช้ารีบไปหยิบเสื้อแจ็กเก็ตมาตัวหนึ่ง คลี่ออกแล้วให้ฉิงอวี่ลองสวม
"เป็ยังไงคะ จะเอาขนาดนี้ หรือว่าเอาขนาดเดิมคะ มองไม่เห็นผลลัพธ์ใช่ไหมคะ งั้นลองเอาเสื้อตัวนี้ใส่ไว้ข้างในดูก่อน จะได้รู้ว่าใส่เสื้อเพิ่มแล้วเป็ยังไง"
หลิวลี่จัดการหยิบเสื้อยืดคอกลมสีชมพูเทาออกมาอีกตัวอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งก็เป็เสื้อที่เข้าชุดกันนั่นเอง
ช่วยฉิงอวี่สวมเสื้อยืด แล้วสวมเสื้อแจ็กเก็ตทับ
"แบบนี้เห็นแล้วใช่ไหมคะ สรุปว่าเอาเสื้อตัวใหญ่กว่าเดิมหนึ่งขนาดไว้ใส่ในฤดูนี้ดีกว่าใช่ไหมคะ ตัดสินใจเอาเองเลยนะคะ ฉันแค่แนะนำ"
เสื้อผ้าใส่เรียบร้อยแล้ว แต่หลิวลี่ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะช่วยถอดออก แต่กลับไปยังที่ที่เธอออกใบเสร็จ
"พี่ฉิงอวี่ ฉันจะออกใบเสร็จแล้วนะคะ พี่ช่วยยืนยันหน่อยว่าจะเอาขนาดเดิม หรือจะเอาตัวใหญ่กว่าเดิมหนึ่งขนาดคะ"
ในเวลานี้ฉิงอวี่ยืนอยู่หน้ากระจก ชื่นชมตัวเองอยู่พักใหญ่ แล้วจึงหันกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว
"เสี่ยวลี่ เอาชุดนี้ทั้งหมดเลยละกัน แจ็กเก็ตก็เอาตัวใหญ่กว่าเดิมตามที่เธอว่า"
หนิวต้าลี่เห็นว่าหลิวลี่ไม่ได้คะยั้นคะยอลูกค้า แต่ลูกค้ากลับเต็มใจซื้อเสื้อผ้าไปทั้งชุด เขารู้สึกตกตะลึง
รอจนกระทั่งลูกค้าออกจากร้านไปแล้ว หนิวต้าลี่จึงละสายตาจากหลิวลี่มาที่หมี่หลันเยว่ แล้วก็อุทานออกมาว่า
"หลันเยว่ เธอทำให้ฉันเปิดหูเปิดตาจริงๆ"
เมื่อเห็นว่าหมี่หลันเยว่ไม่ได้แสดงท่าทีใออกมาเลย ก็รู้ว่าเธอคุ้นเคยกับวิธีการแบบนี้เป็อย่างดี
"เห็นได้ชัดว่าลูกค้าคนนั้นแค่้าซื้อเสื้อคลุมตัวนอกเท่านั้น แต่พนักงานขายของคุณ กลับสามารถขายเสื้อผ้าได้ทั้งชุดอย่างง่ายดาย วิธีการแบบนี้ ทำให้ฉันเปิดหูเปิดตาจริงๆ"
หมี่หลันเยว่ก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็เทคนิคการตลาดในยุคหลังของเธอ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดเลยว่าหลิวลี่ เด็กสาวคนนี้จะฉลาดเป็พิเศษ สามารถนำไปใช้อย่างคล่องแคล่วได้อย่างรวดเร็ว หมี่หลันเยว่แอบสังเกตอยู่หลายครั้ง จนผู้เป็อาจารย์อย่างเธอต้องยอมแพ้
"มันไม่ได้มีวิธีการอะไรหรอกค่ะ แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้นเอง การช่วยเหลือผู้อื่น ก็คือการช่วยเหลือตัวเอง หลักการง่ายๆ แค่นี้ แต่กลับมีคนที่ไม่เข้าใจมากมาย"
ก็ด้วยหลักการนี้ เมื่อคุณยืนอยู่ในมุมมองของลูกค้าแล้วช่วยเขาคิด เขาก็จะยอมรับคำแนะนำของคุณโดยธรรมชาติ
"หลันเยว่ เธอยังอายุน้อย แต่กลับมีความคิดความอ่านแบบนี้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ฉันเกือบจะประเมินพวกเธอต่ำไปแล้ว เธอทำลายความเชื่อของฉันเกี่ยวกับคนหนุ่มสาวไปแล้ว ฉันคิดมาตลอดว่าอายุน้อยเกินไปก็จะขาดประสบการณ์ หลายๆ เื่ก็จะแยกแยะไม่ออก แต่เธอทำให้ฉันเปลี่ยนความคิด"
เมื่อกี้ตอนที่เห็นพวกเด็กหนุ่มที่ทำหน้าที่เป็ผู้ช่วยของหมี่หลันเยว่ ก็เป็เด็กหนุ่มวัยรุ่นทั้งนั้น หนิวต้าลี่เกือบจะเสียใจที่มาที่นี่แล้ว แต่สุดท้ายแล้ว แค่การซื้อขายสั้นๆ ก็ทำให้เขาพบว่าประสบการณ์ที่เขามีอยู่ ได้รับผลกระทบไม่น้อย
"คุณลุงหนิวคะ อย่าดูถูกคนแก่ อย่าประมาทคนหนุ่ม เพราะคนหนุ่มสาวนั่นแหละที่มีศักยภาพมากที่สุด เพราะพื้นที่สำหรับการพัฒนาของพวกเขานั้น กว้างใหญ่จนคุณคาดไม่ถึง ดังนั้นการให้เกียรติคนหนุ่มสาว ก็คือการเปิดทางให้ตัวเอง ฉันเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้คุณลุงเปิดหูเปิดตา จะต้องไม่ได้มีแค่สิ่งที่เพิ่งเห็นไปเมื่อกี้นี้แน่นอนค่ะ"
