ณ สวนกว้างกลางจวนของเป่ยอ๋อง ขณะที่หานหยางเดินผ่านไปพร้อมกับจินเป่ยบ่าวรับใช้อีกคนหนึ่ง เสียงซุบซิบของบ่าวรับใช้ที่ผ่านไปมาทำให้หานหยางต้องชะงัก
พวกนางพูดถึงสตรีที่ท่านอ๋องรับเข้ามาใหม่ซึ่งเป็ถึงบุตรสาวของเ้าเมืองหนานซาน เห็นว่าเลื่องลือในความงดงามและสง่างามอย่างยิ่ง เสียงเ่าั้กระตุ้นความคิดแสนว้าวุ่นในใจของหานหยางได้ดี
ในจังหวะนั้น แม่นมอิงฮวาก็เดินมาทางนี้พอดี ดวงตาของนางจับจ้องไปยังหานหยางด้วยความเ็า ริมฝีปากขยับเปล่งคำพูดที่แฝงความดูถูกอย่างเปิดเผย ราวกับจะบดขยี้หัวใจของอีกฝ่าย
"นางคณิกาอย่างเ้าจะมาเทียบกับบุตรสาวเ้าเมืองได้อย่างไร? ดูเอาเถิด คนสูงส่งที่ท่านอ๋องเชื้อเชิญด้วยตัวเองเช่นนั้นหากเทียบกับนางโลมคนหนึ่งที่ถูกซื้อตัวมา ดูแล้วช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเสียจริง"
คำพูดของแม่นมราวกับมีดกรีดลงกลางใจหานหยาง แม้จะพยายามเก็บสีหน้าให้สงบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความเ็ปและความรู้สึกต่ำต้อยที่กัดกินหัวใจ นางรู้ดีว่าในจวนนี้ ตำแหน่งของตนต่ำต้อยเพียงใด
ข้าก็คงเป็ได้แค่…นางบำเรอปลายแถวในจวนอ๋องเท่านั้น
หานหยางคิดในใจ ความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ค่อยๆ บั่นทอนความหวังของนาง นางคิดถึงอิสระที่เคยมี อยากกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่าย ออกเดินทางและวาดภาพดังเดิมมากกว่าถูกกักขังอยู่ในจวนนี้ พลางคิดถึง่เวลาที่นางเคยแอบตามคณบดีหานผู้เป็บิดาไปยังหุบเขาต่างๆ นางเคยนั่งวาดภาพท่ามกลางความสงบและความงามเ่าั้
ภาพความทรงจำยังคงแจ่มชัด ความสุขและอิสระที่นางเคยมี ช่างแตกต่างจากชีวิตในจวนอ๋องราวกับอยู่คนละโลก
แต่หากมองในแง่ดี ชีวิตในจวนแห่งนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก หากนางออกไปข้างนอกในตอนนี้ ก็มีแต่จะถูกจับกุมหรืออาจถึงขั้นถูกสังหารอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น หานหยางยังเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับองค์หญิงหลี่เฟย ผู้ซึ่งมักเรียกให้นางช่วยสอนวาดภาพ และใช้เวลาร่วมกันอย่างเพลิดเพลิน ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายจากความกดดันในแต่ละวัน
และแน่นอนว่าทุกอย่างไม่อาจรอดพ้นสายตาของหลี่เจ๋อไปได้ ดวงตาสีน้ำตาลทองของเขามักเฝ้ามองทุกการกระทำของหานหยางมาโดยตลอด
แม้จะไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ในส่วนลึก เขารับรู้ถึงความสนิทที่ก่อตัวขึ้นระหว่างหานหยางและหลี่เฟย พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เขาเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้...
ในสวนดอกไม้นั้นหานหยางกำลังนั่งข้างหลี่เฟย มือเรียวของนางจับมือขององค์หญิงอย่างแ่เบา ช่วยปรับองศาของพู่กันให้พอดีกับการลากเส้นบนผืนผ้าใบ
“องค์หญิงต้องจับให้มั่นคงกว่านี้ แต่ไม่ต้องจับแน่นจนเกินไปนะเพคะ” หานหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมกับสาธิตการจับพู่กันลงสีที่ถูกวิธี
“เช่นนี้ใช่หรือไม่ หานหยาง?” หลี่เฟยถามขณะพยายามลากเส้นที่ดูยังไม่ค่อยมั่นคงนัก แต่ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ หากฝึกอีกสักนิด ท่านองค์หญิงจะต้องเขียนได้สวยงามกว่านี้แน่นอน” หานหยางเอ่ยปากชมพร้อมกับยิ้มอ่อนพลางให้กำลังใจหลี่เฟย
ในระยะไกล หลี่เจ๋อยืนอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไปยังภาพเบื้องหน้าอย่างไม่อาจละสายตาได้ ความรู้สึกอุ่นวาบในอกผสมปนเปกับความอิจฉาที่แทรกซึมลึกอยู่ในใจ
เขาอยากเป็คนที่ได้นั่งข้างหานหยาง อยากััถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นจากนางสักครั้งเหมือนกัน
หลี่เฟยที่กำลังเขียนพู่กันอยู่เหลือบตาขึ้นอย่างบังเอิญ นางเห็นพี่ชายของตนยืนแอบซ่อนตัวอยู่ ใบหน้าที่ไม่เคยเห็นแสดงอารมณ์ใดๆ กลับเปี่ยมไปด้วยความคิดถึงและห่วงหาเมื่อมองไปยังหานหยาง
“พี่ใหญ่...” หลี่เฟยกระซิบกับตัวเอง พลางลอบยิ้มบางๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“พี่ใหญ่ แอบมองนางด้วยสายตาเช่นนี้ ดูท่าคงตกหลุมรักเสียแล้วกระมัง”
หลี่เฟยพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจพู่กันในมือของตน
“องค์หญิงเ้าคะ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?” หานหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เปล่าหนิ ข้าก็แค่...นึกอะไรเพลินๆ เท่านั้นเอง” หลี่เฟยตอบพร้อมยิ้มเล็กน้อย
แต่แล้วหลี่เจ๋อต้องหัวเสียเมื่อเขาถูกขัดจังหวะ เมื่อมู่หรงเฟยบุตรสาวของเ้าเมืองหนานซานเดินปรี่เข้ามาและหยุดยืนตรงหน้าเขา
ทันทีที่เมื่อมู่หรงเฟยเห็นหลี่เจ๋อ นางก็เดินตรงเข้าไปหาพร้อมคล้องแขนเขาอย่างถือดี หลี่เจ๋อชะงักก่อนจะดึงแขนกลับทันที
“อย่าได้คิดหวังไปไกล เ้าอยากเป็พระชายาของข้างั้นหรือ?” เสียงของเขาเย็นเยียบและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ข้าจะไม่แต่งเ้าเป็พระชายาอย่างที่เ้าคิดหรอก การที่เ้าได้มาอยู่ในจวนนี้ก็แค่เพราะคำข้อตกลงของเ้าเมืองเท่านั้น อย่าได้ฉวยโอกาสเช่นนี้อีก ครั้งหน้าข้าอาจจะไม่ใจดีกับเ้า”
คำพูดของเขาทำให้บุตรสาวของเ้าเมืองหน้าชา นางกัดริมฝีปากแน่น ความโกรธฉายชัดในดวงตา นางหวังจะใช้ความงดงามและเสน่ห์ของตนยั่วยวนหลี่เจ๋อให้หลงใหล แต่กลับได้รับการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“ท่านอ๋อง…” นางเอ่ยเรียกชื่อเขา แต่หลี่เจ๋อหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจ ทิ้งให้นางยืนกำมือแน่นด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว
ยามค่ำคืนอันเงียบสงัด หานหยางกำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง ความคิดวนเวียนเกี่ยวกับเื่ที่ได้ยินจากบ่าวรับใช้เมื่อตอนกลางวันยังคงติดค้างในใจ คำพูดที่ว่าท่านอ๋องรับสตรีคนใหม่เข้ามาอยู่ในจวนด้วยนั้นทำให้นางรู้สึกอึดอัดและว้าวุ่นจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้
หานหยางจึงลุกขึ้นมาและตัดสินใจเดินทอดน่องไปในสวนกว้างใหญ่ อากาศหนาวเย็นของเหมันต์ฤดูชวนให้ลมหายใจของนางแปรเปลี่ยนเป็ไอขาวบางๆ
ขณะนั้นเองหิมะแรกของปีก็โปรยปรายลงมา ละอองสีขาวนวลร่วงหล่นแตะแก้มนางเบาๆ ราวกับคำอวยพรจาก์ หานหยางหลับตาลงแนบมือเข้าหากัน ก่อนอธิษฐานด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีคนที่รักนางและพร้อมจะมีนางเพียงแค่คนเดียว
"บุรุษคนแรกที่ข้าได้พบในยามหิมะแรกตก... ขอให้ข้าได้อยู่เคียงข้างเขาไปชั่วชีวิต"
แม้ไม่รู้ว่าคำอธิษฐานนั้นจะเป็จริงหรือไม่ก็ตาม เพียงแค่ได้แอบหวังก็ทำให้นางยิ้มออกมาได้
เมื่อหานหยางลืมตาขึ้น ภาพแรกที่ปรากฏตรงหน้าทำให้นางตกละลึงเป็อย่างมาก ร่างสูงสง่าของหลี่เจ๋อยืนอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะที่โปรยปราย ดวงตาสีน้ำตาลทองของเขาจับจ้องมาที่หานหยาง
หานหยางอึ้งไปชั่วขณะด้วยนางไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง
“เ้าจะยืนอยู่ในความหนาวอีกนานแค่ไหน?” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นขณะเดินเข้ามาใกล้
หลี่เจ๋อคลี่ผ้าคลุมขนสัตว์ออก ก่อนจะคลุมมันลงบนไหล่ของนางอย่างแ่เบา ความอบอุ่นจากผ้าคลุมทำให้หานหยางรู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่เขามีให้ แม้จะแฝงไปด้วยท่าทีที่ดูเ็าและออกจะเผด็จการนิดๆ
หลังจากนั้น...หลี่เจ๋อเอนตัวเล็กน้อย โน้มหน้าเข้ามาใกล้ พลางกระซิบด้วยน้ำเสียงแ่เบา
“อย่าลืมล่ะ... สัญญานั้น เ้าต้องอยู่กับข้าไปชั่วชีวิต”
หานหยางได้แต่ยืนนิ่ง ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความเขินอายจนลืมไปว่าครั้งแรกที่พบเขา นางเคยเกลียดชังในสิ่งที่เขากระทำ แต่ในชั่ววินาทีนี้ ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา และน้ำเสียงที่ฟังราวกับคำมั่นสัญญา กลับทำให้นางรู้สึกปลอดภัยและหวั่นไหว
ก่อนที่นางจะทันได้ตั้งสติ หลี่เจ๋ออุ้มนางขึ้นอย่างง่ายดาย ราวกับนางไม่มีน้ำหนัก หานหยางพยายามดิ้นเล็กน้อย แต่กลับหยุดลงเมื่อััได้ถึงแววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแรงปรารถนา
“อย่าขัดขืนเลย เ้าสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ?” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้นางรู้สึกวาบหวาม
เมื่อถึงห้องของเขา หลี่เจ๋อวางนางลงอย่างนุ่มนวล และทันใดนั้นความปรารถนาที่เก็บกดของเขาก็ปะทุออกมาอีกครั้ง มือใหญ่ของเขาััไปทั่วร่างของนาง พร้อมเสียงกระซิบอันร้อนแรงที่สะกดจิตใจนางจนไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
และในค่ำคืนนั้นเอง หานหยางก็ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง ความหนาวเย็นของหิมะแรกถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นที่ลุกโชนราวกับเปลวไฟ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้