เมื่อบอกกล่าวหลงเทียนอวี้เสร็จแล้วหลินเมิ้งหยาจึงพาสาวใช้ทั้งสี่ออกจากประตูใหญ่แห่งจวนอวี้
โดยสารในรถม้าอันมีตราสัญลักษณ์ของจวนอวี้ องครักษ์สิบกว่าคนห้อมล้อมรถม้าของหลินเมิ้งหยาทั้งสองฝากฝั่งดังนั้นจึงดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก
“นายหญิง เหตุใดวันนี้จึงพาคนมามากมายขนาดนี้หรือเ้าคะ?”
ป๋ายจื่อแหวกผ้าม่านออก มองดูองครักษ์ทางด้านนอกก่อนจะเอ่ยถามเพราะความสงสัย
“เหตุผลก็ไม่ได้ยากอะไรนี่นานายหญิงของพวกเราจะไปเยี่ยมเยียนว่าที่พ่อตาแม่ยายของคุณชายใหญ่ หากพาคนไปน้อยพวกเขาจะดูถูกเอาได้มิใช่หรือ?”
ป๋ายซ่าวเอ่ยตอบแทนหลินเมิ้งหยาอย่างรวดเร็ว
พี่เยว่ถิงเคยแอบบอกใบ้นางเอาไว้ก่อนแล้ว
วันนี้หากมิใช่เพราะอาศัยตำแหน่งชายาของตนเอง บางทีอีกฝ่ายอาจจะปิดประตูจวนมิยอมให้เข้าก็เป็ได้
“คุณหนูเยว่เป็คนงดงาม อีกทั้งยังอ่อนโยนเมื่อก่อนนางดีกับคุณหนูมาก”
ป๋ายจื่อดีใจเป็อย่างมาก นางเล่าเื่เกี่ยวกับเยว่ถิงออกมา
หลินเมิ้งหยาเองก็ตั้งใจฟังยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าพี่สะใภ้ของตนเองช่างเป็คนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีเหลือเกิน
พี่ชายจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน
“แต่นายหญิงเ้าคะ แม้คุณหนูเยว่จะดีมากแต่ฮูหยินเยว่หาใช่คนที่รับมือได้ง่ายๆ ไม่ หากนางเอ่ยวาจากระทบกระทั่งท่านท่านอย่าได้โกรธเชียวนะเ้าคะ”
เมื่อพูดถึงฮูหยินเยว่ ป๋ายจื่อเหลือบมองหลินเมิ้งหยาด้วยความกังวล
แม้คุณหนูจะฉลาดเฉลียว แต่อารมณ์ของคุณหนูกลับขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่นอน
“เื่นี้ข้ารู้ดี”
นางก้มหน้าเป่าชาในแก้ว
นำทหารมาต้านขุนพล นำดินมาต้านน้ำไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนนางก็พร้อมที่จะรับมือ เพื่อพี่ชายและพี่เยว่ถิงแล้วนางพร้อมจะมัดใจว่าที่แม่พี่สะใภ้ผู้นั้น
ไม่นานรถม้าก็แล่นมาถึงหน้าจวนสกุลเยว่สกุลเยว่เป็ตระกูลที่มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามจากรุ่นสู่รุ่นดังนั้นจึงไม่เหมือนสกุลใหญ่โตทั่วไป
แม้จวนจะถูกบูรณะมาหลายชั่วอายุคน ทว่ายังคงความเก่าแก่และงดงามโดยปราศจากความหรูหราให้เห็น
ช่างเป็ตระกูลที่ดีจริงๆ หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ในรถม้าสั่งให้คนนำป้ายขอเข้าพบไปยื่นที่หน้าประตู
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนท่าทางใจดีพาภรรยาและลูกๆรวมถึงสาวใช้ออกมาต้อนรับหลินเมิ้งหยา
“ไม่รู้ว่าพระชายาจะเสด็จมาที่นี่ จึงไม่ได้ทำการต้อนรับพระชายาได้โปรดให้อภัยด้วย”
ป๋ายซูพยุงหลินเมิ้งหยาลงจากรถม้า กิริยามารยาทงดงาม สมสง่าพระชายา
“ท่านลุงเยว่อย่ามากพิธีเลย ข้าควรมาเยี่ยมเยียนท่านลุงนานแล้วแต่เพราะงานที่จวนมีค่อนข้างมาก ดังนั้นวันนี้พอมีเวลาว่างจึงเดินทางมาที่นี่หวังว่าท่านลุงเยว่จะไม่โทษที่ข้าเสียมารยาท”
เยว่ซื่อหลินกระตุกยิ้มอ่อนโยน มองดูพระชายาที่อายุยังน้อยแต่กลับสง่างามสมกับเป็พระชายาอย่างหลินเมิ้งหยา ั์ตาเผยให้เห็นร่องรอยของความปีติยินดี
“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ แค่พระชายาเสด็จมาเยี่ยมเยียนด้วยตัวเองเช่นนี้พวกเราก็มีความสุขแล้ว เชิญด้านในเถิด”
ทุกคนเดินเข้าไปภายในจวน หลินเมิ้งหยาลอบสำรวจเหตุใดในกลุ่มคนเหล่านี้จึงไร้ซึ่งเงาของฮูหยินหลินและพี่เยว่ถิง
จู่ๆ ร่างบางที่คุ้นเคยพลันปรากฏในแนวสายตาเยว่ฉียืนอยู่ด้านหลังคนกลุ่มนั้น อีกทั้งยังกะพริบตาให้นางไม่หยุด
ใบหน้าเรียวเล็กรูปไข่เผยให้เห็นสีหน้ากังวลหัวใจของหลินเมิ้งหยากระตุก หรือเกิดเื่อันใดกับพี่เยว่ถิง?
คนทั้งหมดเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขกหลังจากหลินเมิ้งหยาโน้มน้าวอยู่นาน เยว่ซื่อหลินจึงยอมนั่งลงยังตำแหน่งเ้าบ้าน
สาวใช้ในจวนตระเตรียมชาหอมขึ้นชื่อเอาไว้แล้วหลินเมิ้งหยาจิบเล็กน้อย ความหอมของชาพลันพวยพุ่งเข้าไปในกระพุ้งแก้ม
“ไม่ทราบว่าพระชายาอยู่ที่จวนสุขสบายดีหรือไม่?สหายมู่จื่อยังรักษาการอยู่ที่แถบชายแดนมู่จือจะต้องคิดถึงพระชายาเป็อย่างมากแน่นอน”
เยว่ซื่อหลินและหลินมู่จือเป็สหายที่ดีต่อกันทั้งสองร่วมรบในานับครั้งไม่ถ้วน
ดังนั้นเขาจึงมองหลินเมิ้งหยาเป็เสมือนญาติสนิทคนหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นหลินเมิ้งหยายังเฉลียวฉลาดอีกทั้งยังลักษณะนิสัยคล้ายคลึงกับหลินมู่จือ ดังนั้นเขาจึงคุยได้อย่างถูกคอ
“ข้าสบายดี ข้าทำให้ท่านลุงเยว่ต้องเป็ห่วงแล้วข้าเองไม่ได้รับข่าวคราวจากท่านพ่อและท่านพี่นานมาก ข้าเองก็คิดถึงพวกเขาเช่นกัน”
อันที่จริง ท่านพ่อมักจะส่งคนให้นำจดหมายมาส่งให้ทุกเดือน
แต่จดหมายเ่าั้ล้วนถูกซ่างกวนฉิงริบไป
ของเล่นที่พี่ชายส่งมาให้ ล้วนถูกหลินเมิ้งหวู่แย่งไปทั้งสิ้น
ส่วนของที่พวกนางไม่ชอบ พวกนางมักจะโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี
ดังนั้นหลินเมิ้งหยาจึงเป็ห่วงพี่ชายและพ่อของตนเองมากพวกเขาต้องอยู่ในบ้านกับหมาข้างถนนสองตัวนั้น
“มู่จือเองก็สบายดี เมื่อวันก่อนข้าเพิ่งได้รับจดหมายจากเขาตอนนี้แถบชายแดนกำลังหนาวเหน็บทว่าเหล่าทหารเองก็ทุ่มเทให้กับการสู้รับกับศัตรูอย่างเต็มที่เหตุเพราะชื่อเสียงของพ่อท่าน ดังนั้นพวกศัตรูจึงมิกล้าย่ำกรายเป็ผลทำให้บ้านเมืองสงบสุขเช่นนี้”
ความรู้สึกภาคภูมิใจพลันปรากฏขึ้นในหัวใจ ในภาพความทรงจำท่านพ่อผู้สง่างามน่าเกรงขาม มักปฏิบัติกับตนเองอย่างอ่อนโยนและใจดีเสมอ
เขามิเคยเผยความเ็ปจากการสูญเสียคนรักให้นางได้เห็น
เหตุเพราะได้รับความรักจากท่านพ่อ โลกทั้งใบของนางจึงมีแต่ความสุข
“เช่นนั้นข้าก็วางใจที่เมิ้งหยามาในวันนี้ก็เพราะมีเื่สำคัญอยากขอร้องท่านลุง”
“ข้าน้อยมิบังอาจ พระชายารับสั่งมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยคำขอ
“นี่เป็เสื้อผ้าที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้ท่านพ่อและพี่ชายแถบชายแดนหาได้สุขสบายเหมือนอย่างที่บ้านไม่ข้าได้ยินมาว่าปีที่แล้วเกิดการขาดแคลนเสื้อผ้ากันหนาวดังนั้นท่านพ่อจึงยกเสื้อผ้ากันหนาวของตนเองให้กับพวกทหารท่านสวมใส่เพียงเสื้อกันหนาวบางๆ เท่านั้น ข้าที่เป็ลูกสาวเ็ปใจยิ่งนักข้าอยากขอร้องท่านลุงเยว่ ได้โปรดส่งมอบสิ่งของเหล่านี้ให้ท่านพ่อเพื่อบรรเทาความเ็ปให้กับเมิ้งหยาด้วย”
หลินเมิ้งหยายกกล่องขนาดใหญ่ขึ้นมาเยว่ซื่อหลินมองกล่องใบใหญ่ด้วยความสงสัย
เป็เสื้อกันหนาวแบบใดกันนะ เหตุใดต้องบรรจุลงกล่องเช่นนั้น?
ทว่าเมื่อเขาเปิดออกดูกลับได้เห็นเพียงเสื้อกันหนาวที่ถูกวางเบียดเสียดเต็มกล่อง ของในนี้มิได้มีเพียงชุดสำหรับหลินมู่จือและหลินหนานเซิงเพียงสองคนอย่างแน่นอน
“นี่มัน...”
“ในกล่องนี้มีทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยชุดท่านอ๋องเป็ผู้ตระเตรียมเอาไว้ให้ ที่แถบชายแดนมีทหารหนึ่งแสนคนของเหล่านี้มีเพียงหยิบมือเท่านั้น เมิ้งหยาและท่านอ๋องมีความสามารถไม่มากแต่หวังเหลือเกินว่าจะสามารถทำให้เหล่าทหารมีขวัญกำลังใจ”
แน่นอนว่าหลงเทียนอวี้เป็ผู้ตระเตรียมชุดเหล่านี้
นับั้แ่วันที่เงินเดือนของเหล่าทหารถูกริบไปพวกเขาไม่เพียงต้องอดทนฝ่าฟันอันตราย แต่กลับยังต้องอดทนต่อการขาดแคลนอาหาร
ดังนั้น หลงเทียนอวี้สั่งลูกน้องให้นำเสื้อผ้าเก่าเก็บของตนเองไปมอบให้ทหารเ่าั้
ทว่าเขากระทำการอย่างลับๆ
ทว่าคราวนี้หลินเมิ้งหยา้าขอร้องเยว่ซื่อหลินเพื่อส่งมอบเสื้อผ้ากันหนาวเ่าั้ทั้งหมดที่ทำเพื่อ้าให้ทุกคนได้รับรู้เื่นี้ แต่หาใช่เพื่อโอ้อวดไม่
ถึงอย่างไร ก็มิได้ส่งไปในนามแห่งจวนอวี้ ส่วนจะพูดอย่างไรนั้นก็คงต้องพึ่งเยว่ซื่อหลินแล้ว
“ไอ้หยา ข้าต้องขอขอบพระทัยแทนเหล่าทหารในแถบชายแดนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
แม้เยว่ซื่อหลินจะเป็ขุนนางแต่เขากลับมีความซื่อสัตย์เป็อย่างมาก
โลกใบนี้ช่างโหดร้าย เหล่าขุนนางแสวงหาเพียงผลประโยชน์ยิ่งไปกว่านั้น ไท่จื่อมองเห็นเพียงความสุขส่วนพระองค์ แต่กลับไม่เคยเห็นถึงความลำบากของทหารในแถบชายแดนเ่าั้
การเดินหมากของหลินเมิ้งหยาในคราวนี้สามารถซื้อใจของเยว่ซื่อถิงได้อย่างง่ายดาย
นาง้าแค่เพียงทำให้หลงเทียนอวี้ถือครองอำนาจที่อาจใช้ประโยชน์ได้ไว้ในมือ
“ไม่หรอกท่านลุงเยว่แต่ข้าหวังเหลือเกินว่าเื่นี้จะถูกเก็บไว้เป็ความลับ หากมีคนถามขอให้ท่านลุงเยว่ตอบเพียงว่าข้าและท่านอ๋องเพียงแต่ทำไปเพราะความกตัญญูเท่านั้นท่านเองก็รู้ว่าข้ากับท่านอ๋องมีข้อจำกัดในการจัดการเื่เหล่านี้มากขนาดไหน”
หลินเมิ้งหยาเอ่ยเตือนเยว่ซื่อหลินด้วยท่าทางร้อนใจใบหน้าแสร้งแสดงความรู้สึกขมขื่น
“พระชายาได้โปรดวางใจเื่นั้นได้พ่ะย่ะค่ะ”
เอ่ยวาจาหนักแน่นเพื่อให้สัญญากับหลินเมิ้งหยาอีกฝ่ายพยักหน้าลงเบาๆ
ชุดกันหนาวถูกยกออกไป เ้าของบ้านและแขกสนทนาอย่างออกรสออกชาติหลินเมิ้งหยารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้นมาก
จากนั้นจึงเอ่ยถาม
“จริงสิ พี่เยว่ถิงค่อนข้างสนิทสนมกับข้าแต่เหตุใดวันนี้จึงไม่เห็นนางเลยเล่า?”
หลินเมิ้งหยาแสร้งเอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจสีหน้าของเยว่ซื่อหลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่คิดจะตอบเยว่ฉีที่อดรนทนไม่ไหวรีบชิงตอบคำถามแทน
“พี่หลิน ท่านรีบไปช่วยพี่สาวของข้าเถิดนาง...นางใกล้จะถูกท่านแม่บีบบังคับจนตายแล้ว”
คำพูดของเยว่ฉีทำให้สีหน้าของหลินเมิ้งหยาและเยว่ซื่อหลินเปลี่ยนไป
“ฉีเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท รีบออกไปเดี๋ยวนี้”
แม้เยว่ซื่อหลินจะเอ่ยเช่นนี้ แต่น้ำเสียงกลับเสมือนคนทำอะไรไม่ถูก
หลินเมิ้งหยาพอจะเข้าใจเหตุการณ์ขึ้นมาบ้างแล้วดูท่าฮูหยินเยว่ผู้นั้นคงคิดจะเลียแข้งเลียขาผู้มีอำนาจ
นางแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ นางจะยอมปล่อยให้พี่สะใภ้แสนดีของตนเองถูกพรากไปได้อย่างไร?
นางโบกมือ เรียกเยว่ฉีให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะส่งเสียงอ่อนโยน
“พี่เยว่ถิงเป็อะไรไป เ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
เยว่ฉีสูดน้ำมูก ก่อนจะะเิเสียงร้องไห้ออกมา
“ท่านแม่พยายามบีบบังคับให้ท่านพี่ไปแต่งงาน ท่านพี่ไม่ยอมท่านแม่จึงขังท่านพี่เอาไว้ในห้อง ท่านพี่เองไม่ยอมกินไม่ยอมดื่มฉีเอ๋อร์กลัวว่าหากเป็เช่นนี้ต่อไป ท่านพี่จะต้องแย่แน่ๆ”
หลินเมิ้งหยาแอบขำในใจ เด็กคนนี้แสดงละครเกินจริงไปหรือไม่
ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น คนเราจะหิวตายได้อย่างไร
แต่ในเมื่อเยว่ฉีเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นนางจะรับ่ต่อเอง
“ท่านลุงเยว่ นี่...ตกลงเกิดเื่อะไรขึ้นหรือ? พี่เยว่ถิงหมั้นหมายกับสกุลหลินเอาไว้แล้วเหตุใดจึงจะให้นางแต่งงานกับผู้อื่น?”
เมื่อถูกผู้มีอายุน้อยกว่าถามเช่นนั้นใบหน้าของเยว่ซื่อหลินพลันร้อนผ่าว
เขาไม่เคยเห็นด้วยที่จะให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปไกลบ้านยิ่งไปกว่านั้น เื่การถูกเลือกเมื่อวานก็ผ่านไปแล้ว
เหตุใดวันนี้ฮูหยินของเขาจึงเอาความเป็ความตายมาล้อเล่น
แม้เขาจะไม่มีทางยกเลิกสัญญาหมั้นกับลูกชายของมู่จือ แต่ถึงกระนั้นก็ยากเหลือเกินที่จะบีบบังคับฮูหยินของตนเอง
“คือ...เฮ้อล้วนเป็ความผิดของกระหม่อมที่จัดการเื่ภายในบ้านได้ไม่ดี”
เยว่ซื่อหลินถอนหายใจ เอ่ยออกมา
สีหน้าแสดงให้เห็นถึงความเสียใจ เขาดูแก่ลงหลายปี
หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย
“เื่นี้เป็ปัญหาภายในครอบครัว หากท่านลุงเยว่เชื่อใจข้าข้าขอเข้าไปโน้มน้าวฮูหยินเยว่ได้หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาที่เป็ฝ่ายเสนอตัวก่อนทำให้เยว่ซื่อหลินรู้สึกซาบซึ้งใจ
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะของนางในตอนนี้มากเพียงพอที่จะโน้มน้าวฮูหยินเยว่
“เช่นนั้นกระหม่อมขอรบกวนพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะเื่นี้ไม่ควรเปิดเผยให้คนนอกรู้เลยจริงๆ”
หลินเมิ้งหยากลับเอ่ยปลอบโยน
“คนนอกที่ไหนกัน วันใดพี่เยว่ถิงแต่งงานเข้าบ้านมาพวกเราก็ถือเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว ท่านลุงได้โปรดวางใจเมิ้งหยาเก่งเื่การโน้มน้าวคน ข้าไม่มีทางทำให้ท่านลุงต้องลำบาก”
เยว่ซื่อหลินครุ่นคิด สุดท้ายก็พยักหน้า
“เช่นนั้น ขอรบกวนพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
