“ขอโทษ ข้า...”
ยิ่งเป็คนใกล้ตัว หลินเมิ้งหยายิ่งไม่รู้จะพูดอะไร
อาเสวี่ยที่อยู่ในอ้อมกอดตื่นแล้ว ลิ้นสากเล็กๆเลียนิ้วมือของหลินเมิ้งหยา ท่าทางเชื่อฟัง ไม่เหมือนหมาป่าเลยแม้แต่น้อย
“เ้าเด็กน้อย เหตุใดต้องพูดขอโทษกันเล่าระหว่างพวกเราไม่จำเป็ต้องเอ่ยคำนั้น”
ชิงหูยังคงส่งยิ้มตาหยี ลูบไล้เส้นผมของหลินเมิ้งหยา
พิงแขนของชิงหู สำหรับนางแล้ว ชิงหูเปรียบเสมือนพี่ชายที่สนิทสนมที่สุดคนหนึ่ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะลงมือได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ อีกทั้งวิธีการยังน่ารังเกียจมากอีกด้วย”
นางที่มาจากยุคปัจจุบันรู้สึกว่าวิธีที่คนพวกนั้นใช้ต่ำทรามจนเกินไป
ทั้งที่เป็ราชวงศ์แห่งซีฟานแต่กลับทำเื่น่ารังเกียจเช่นนี้ขึ้นมาได้ หัวใจของหลินเมิ้งหยาเย็นะเืบนหนทางข้างหน้ายังมีเื่อะไรรอนางอยู่อีกอย่างนั้นหรือ?
“ข้าเคยบอกแล้วว่าคนแบบนี้โหดร้ายเสียยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานหัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก เ้าเด็กน้อยหัวใจของเ้าบริสุทธิ์เกินไป”
าในวังหลวงมีกลอุบายมากมายถูกวางเอาไว้คิดหรือว่าพวกเขาจะเปิดเผยตัว?
ความรุ่งเรืองที่เป็ฉากหน้ามีไว้เพื่อปกปิดความดำมืดที่อยู่ด้านหลัง
“ข้าอยากปกป้องทุกคน ชิงหู ข้าควรทำเช่นไร?”
หัวใจของหลินเมิ้งหยากระวนกระวายตลอดเวลาอีกทั้งยังรู้สึกขมขื่นเกินกว่าจะพรรณนาได้
ชิงหูลูบไล้เส้นผมของนาง ร่องรอยของความมิอยากแยกจากปรากฏขึ้นในดวงตาทว่าเขากลับทำเพียงเอ่ยเสียงเรียบ
“แม้เ้าจะไม่ทำร้ายผู้อื่น แต่ใช่ว่าผู้อื่นจะไม่ทำร้ายเ้าหากอยากปกป้องทุกคน เ้าจะเอาแต่รอไม่ได้ เ้าเด็กน้อยเ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเถาฮวาอู๋จึงกลายเป็กลุ่มนักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งเจียงหู?”
ชิงหูส่ายหน้าพลางพูดเื่ของเถาฮวาอู๋น้อยมาก
“นั่นก็เพราะตอนที่ก่อตั้งเถาฮวาอู๋ยอดฝีมือที่สามารถเทียบชั้นกับเถาฮวาอู๋ได้ถูกฆ่าไม่หมดแล้ว”
ชิงหูเล่าเื่ราวในอดีตโดยมิแสดงอารมณ์ใดๆ
“ก่อนการต่อสู้ในครั้งนั้น ความลับของเถาฮวาอู๋มิเคยถูกเปิดเผยดังนั้นพวกยอดฝีมือเ่าั้จึงมิได้เตรียมใจเอาไว้ต่อมาไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งกับเถาฮวาอู๋อีก”
สายตาของหลินเมิ้งหยาเลื่อนมองทางูเาที่อยู่ไกลๆ ั์ตาเผยให้เห็นแสงประกายประหลาดบางอย่าง
นางอยากปกป้องคนของนางทุกคน ดังนั้นนางจำเป็ต้องกำจัดคนเ่าั้ให้หมด
ทั้งไท่จื่อ ทั้งฮองเฮา นางจะต้องแย่งเอาอำนาจของคนเ่าั้มาเหตุเพราะพวกเขาใช้อำนาจในทางมิชอบ ข่มเหงรังแกผู้อื่นโดยไม่หวั่นเกรงเทวดาฟ้าดิน
ถ้าหากนาง่ชิงอำนาจในมือของพวกเขาไปจนหมดเช่นนั้นคงไม่มีใครทำร้ายคนของนางได้อีก
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจเ้ามากนะชิงหู”
ส่งเสียงชัดแจ๋ว ไร้ซึ่งอาการสั่นเทิ้มหรือลังเลอีกต่อไปชิงหูหันหน้ามองเส้นผมของนาง
“เ้าเด็กน้อย ข้าจะอยู่ข้างกายเ้าตลอดไป ข้าจะปกป้องเ้าเอง”
ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาหมดไปกับเื่ชั่วร้าย อีกสามปีที่เหลืออยู่ เขาจะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปกป้องดูแลนาง
“ไม่หากหลบซ่อนอยู่ด้านหลังผู้อื่นแล้วจะกลายเป็ผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร?”
นางส่ายหน้า รอยยิ้มอ่อนโยนพลันปรากฏบนใบหน้านวล
ถ้าหากมิใช่เพราะได้เห็นความเ็ปบนใบหน้าของนางเมื่อคืนเกรงว่ารอยยิ้มคงหลอกคนทั้งโลกได้แล้ว
“ไปเถอะ นับจากวันนี้เป็ต้นไป เมืองหลวงคงไม่สงบสุขอีกแล้ว”
น้ำเสียงไร้ซึ่งความกระวนกระวาย เกรงว่านางจะรู้แล้วว่าสิ่งที่ตนเองกำลังจะพบเจอคือคลื่นพายุแบบไหน
หลินเมิ้งหยาวางอาเสวี่ยลงบนพื้นหมาป่าตัวน้อยจ้องมองหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาประหลาดใจ
“ใช่แล้ว พายุจะเข้าแล้วล่ะ”
ชิงหูเงยหน้า มองดูผืนฟ้ากว้างใหญ่ มองดูรอยยิ้มที่มุมปากซึ่งเห็นได้ไม่บ่อยนัก
กลับมายังที่พัก พบว่าบรรยากาศกำลังตึงเครียด
ไม่ว่าอย่างไรหูลู่หนานก็เป็ถึงองค์ชายรองแห่งซีฟานเมื่อถูกทำร้ายจนได้รับาเ็เจียนตาย ฮ่องเต้ิไม่มีทางปล่อยตัวคนร้ายไปเด็ดขาด
ทันทีที่ปรากฏตัว ทหารองครักษ์พลันพุ่งเข้ามา ชิงหูอำพรางร่างกายก่อนหน้านั้นแล้วเขาคอยปกป้องหลินเมิ้งหยาอยู่ในมุมมืด
หัวหน้าทหารองครักษ์อายุราวสามสิบปีกำหมัดพลางเอ่ย
“ทูลพระชายา ไท่จื่อเชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
มาเร็วเสียจริง
หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงเดินตามหลังหัวหน้าองครักษ์ไปยังกระโจมของไท่จื่อ
อาเสวี่ยเองก็รักษาหน้าของหลินเมิ้งหยาแสดงท่าทางน่ารักเชื่อฟังตลอดเวลา
แม้จะยังตัวไม่โต แต่มันกลับมีท่าทางของเ้าแห่งหมาป่าเงยหน้าแล้ววิ่งตามหลังของหลินเมิ้งหยา
กระโจมของไท่จื่อ แน่นอนว่าเป็กระโจมที่ใหญ่และหรูหราที่สุด
ยังไม่ทันจะเดินเข้าไป หูก็ได้ยินเสียงโต้เถียงกันดังออกมาถึงด้านนอก
“ขอให้อ๋องอวี้มอบตัวพระชายามาให้กับพวกเราจะดีกว่าทุกคนล้วนเห็นว่ามีเพียงพระชายาเท่านั้นที่เข้าไปในกระโจมขององค์ชายรองตอนนี้องค์ชายร้องาเ็ถึงเพียงนี้แล้ว ชายาอวี้ต้องรับผิดชอบ”
ขันทีแหวกผ้าม่านออกนานแล้ว หลินเมิ้งหยาก้าวเข้าไป ขณะเดียวกันสายตาของทุกคนหันมามองนาง
“ถวายคำนับไท่จื่อ ฮ่องเต้ิ”
ถวายคำนับตามขนบธรรมเนียม กิริยามารยาทอ่อนน้อมไร้ซึ่งท่าทางกระวนกระวาย
ใบหน้านวลดั่งดอกฝูหรงหยักยิ้มอ่อนโยน มิได้มีอาการผิดปกติใดๆ
ภายในกระโจม ฮ่องเต้ิและไท่จื่อนั่งอยู่คนละฝั่ง
สีหน้าของทั้งคู่เคร่งขรึมเป็ปกติ นับั้แ่ตอนที่นางเดินเข้ามาสายตาของพวกเขาจับจ้องมองทางนางตาไม่กะพริบ
“ชายาอวี้ ข้าขอถามเ้า เ้าเป็ผู้ลงมือทำร้ายองค์ชายรองใช่หรือไม่?”
เปลวเพลิงขนาดย่อมฉายชัดในดวงตาของไท่จื่อ ทว่าสีหน้ายังคงเ็า
ครุ่นคิด เมื่อครู่เขาถกเถียงกับฮ่องเต้ิไปแล้วรอบหนึ่ง
ดังนั้น สีหน้าจึงไม่น่ามองเช่นนี้
หลินเมิ้งหยากะพริบตา พร้อมผายมือออก สบตานิ่งก่อนจะเอ่ย
“หม่อมฉันเองก็รู้สึกเสียใจกับเื่ราวที่เกิดขึ้นกับองค์ชายรองแต่หม่อมฉันไม่รู้เื่นี้จริงๆ เพคะ”
แววตาของฮ่องเต้ิโกรธเกรี้ยวอย่างเห็นได้ชัด
แต่น่าเสียดาย ตอนที่เกิดเื่ขึ้นกับหูลู่หนานไม่มีองครักษ์คนไหนอยู่ข้างกาย แม้แต่นางบำเรอที่หูลู่หนานพามาด้วยก็มิได้อยู่ด้วย
หมอหลวงตรวจร่างกายขององค์ชายรองแล้วเกรงว่าเขาจะต้องเป็อัมพาตไปตลอดชีวิต
มือกำแน่น อยากจะเข้าไปบีบคอสตรีคนนี้ให้ตายเสียให้ได้
“ฮึ ชายาอวี้ ข้าจะพูดกับเ้าตรงๆเปิ่นหวังรู้ว่าเ้ากับอาหนานมีเื่บาดหมางกันแต่ถึงขั้นทำร้ายลงมือจนได้รับาเ็ปางตายเช่นนี้จะไม่รุนแรงเกินไปหรือ”
ลูกชายคนรองของเขาดุทุกอย่างยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือความเ้าชู้ประตูดิน
ไม่เพียงแค่นางบำเรอหรือนางกำนัลในเรือน กระทั่งมายังต้าจิ้นเขายังพานางบำเรอของจวนตัวเองมาด้วย
แต่ถึงเขาจะเป็อย่างไร สุดท้ายเขาก็คือลูกชายของตน
เมื่อเขาได้รับาเ็มากขนาดนี้ แล้วเขาจะทำใจได้อย่างไร
“หม่อมฉันมีเื่บาดหมางกับองค์ชายรอง? หม่อมฉันไม่เข้าใจจริงๆ เพคะ ในวันงานเลี้ยงเลือกคู่องค์ชายรองเลือกคู่โดยไม่รู้เื่รู้ราว ดังนั้นจึงเลือกพี่เยว่ถิงแต่ความเข้าใจผิดในครั้งนี้ถูกแก้ไขแล้วมิใช่หรือเพคะ?”
แสดงท่าทีไม่รู้และไม่เข้าใจ กอปรกับใบหน้าใสซื่อของหลินเมิ้งหยาฉะนั้นทุกคนจึงไม่นึกสงสัย
ราวกับมิได้กำลังถูกไต่สวน หลินเมิ้งหยานั่งลงที่ด้านข้างสีหน้าใสซื่อ อีกทั้งยังแสดงออกให้เห็นถึงความเป็ห่วงเป็ใย
“เ้า...”
ฮ่องเต้ิรู้สึกเสียหน้าเป็อย่างมากใช่ว่าเขาจะไม่รู้เื่ที่หูลู่หนานเคยลักพาตัวชายาอวี้
เ้าลูกไม่รักดีคนนี้ เพื่อสตรีเพียงคนเดียว เขาถึงขั้นทำลายคุณธรรมที่เคยได้รับการสั่งสอนมาหลายปีไปจนหมดสิ้น
หากมิใช่เพราะเขาล้มเลิกใช้ที่มั่นในที่แห่งนั้นเกรงว่าพวกเขาจะต้องถูกขุดความลับขึ้นมามากกว่านี้อย่างแน่นอน
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในเมื่อเื่ราวเป็เช่นนี้แล้ว ชายาอวี้ไม่มีทางปฏิเสธข้อกล่าวหาในคราวนี้ได้หรอกเช่นนั้นเ้าจะต้องอธิบายให้ข้าได้ฟัง”
คำพูดของฮ่องเต้ิแฝงไว้ซึ่งการข่มขู่ทว่ากลับไม่ทำให้หลินเมิ้งหยากลัว
หยักยิ้มใสซื่อ ทว่าแววตากลับเ็าลง
“คำอธิบาย? หม่อมฉันเองก็้าคำอธิบายจากฮ่องเต้ิเช่นเดียวกัน”
เสียงของหลินเมิ้งหยาเปี่ยมไปด้วยความโกรธ เพียงพริบตาเดียวหัวข้อสนทนาพลันเปลี่ยนไป
ทุกคนรู้เื่ที่เกิดขึ้นกับเยว่ถิง เมื่อมองอย่างผิวเผินคนที่ลงมือคือองครักษ์ของซีฟาน
ทว่าหูลู่หนานที่เพิ่งจะปรากฏตัวอยู่กับนางบำเรอก็มิอาจพูดได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้
บรรยากาศเปลี่ยนเป็เย็นะเื หายใจติดขัดทุกคนมองดูสถานการณ์ตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ฮ่องเต้ิขี่หลังเสือและมิอาจลงได้แต่ใครบอกให้ลูกชายของเขาเป็คนไม่เอาอ่าวเช่นนี้เล่า
ทุกคนคงไม่รู้ว่า เขารู้จักอำนาจของสกุลหลินดี ตลอดหลายปีที่ผ่านมาสกุลหลินอยู่ภายในใจการชี้นำของหลินมู่จื่อดังนั้นจึงมิอาจมีใครกล้าต่อกรกับสกุลหลิน
หากใครกล้าทำให้สกุลหลินขุ่นเคือง พวกเขาเ่าั้จะต้องเสียใจ
แม้ชายาอวี้จะอายุยังน้อยแต่ถึงกระนั้นฝีปากของนางกลับมิเป็สองรองใคร
เกรงว่าเื่นี้จะยุ่งยากกว่าเดิมเสียแล้ว
“เื่นั้น...ยังไม่มีข้อสรุป บางที...”
ไท่จื่อครุ่นคิดตอนแรกเขาคิดว่าหลินเมิ้งหยาจะเหยียบเื่น่าอายเช่นนั้นเอาไว้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลินเมิ้งหยาจะนำมันมาเป็ข้อต่อรอง
“ยังไม่มีข้อสรุป? แต่เื่ขององค์ชายรองแห่งซีฟานกลับมีข้อสรุปแล้ว? ทั้งที่หลักฐานมีครบมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดพวกท่านทั้งสองจึงแสดงท่าทีประหนึ่งทำการสรุปการพิจารณาคดีแล้วอย่างไรอย่างนั้นอีกทั้งยังใส่ร้ายพระญาติของกษัตริย์อีก หรือนี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาของไท่จื่อและฮ่องเต้ิ?”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงกดดัน ทั้งที่เป็เพียงหญิงสาวตัวเล็กๆทว่าความน่าเกรงขามมิได้ด้อยไปกว่าชายทั้งสองเลย
เสียงภายในกระโจมเงียบลง ไม่มีใครคาดคิดว่าชายาอวี้ผู้งดงามจะมีความกล้ามากมายถึงเพียงนี้
แม้ไท่จื่อจะทำหน้าที่ดูแลบ้านเมือง ทว่าเขายังไม่ใช่ฮ่องเต้เมื่ออ้างอิงจากกฎหมายบ้านเมืองของต้าจิ้นแล้ว เขายังไม่มีสิทธิ์ลงโทษนาง
ดังนั้น ท่าทางแสดงความเหนือกว่าที่ลดลงของเขาจึงเป็โอกาสของหลินเมิ้งหยา
“ที่ข้าเชิญเ้ามาในวันนี้ก็เพื่อถามไถ่เื่ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนชายาอวี้คิดมากเกินไปแล้ว”
ในเมื่อเื่ราวพลิกผันเป็เช่นนี้แล้วไท่จื่อทำได้เพียงแสดงความอ่อนโยนมากขึ้น
หากยังแสดงท่าทีแข็งกร้าวเกรงว่าพวกเหล่าขุนนางที่กำลังจับตามองเขาอยู่จะต้องปล่อยข่าวลือเสียๆ หายๆออกไปเป็แน่
หากถูกเล่าลือไปว่าเขากำลังเข้าข้างคนนอกเกรงว่าเื่นี้จะส่งผลกระทบกับเขามากพอตัว
นี่มัน...อันตรายมากจริงๆ
