ยามเมื่อเย่เฟิงเผชิญหน้ากับหลี่เสวียน เหล่าศิษย์ตำหนักไท่จี๋ต่างเหงื่อตกอยู่ภายใต้การปกป้องของหลี่เสวียน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและใกับท่าทางของเย่เฟิง พวกเขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ ถึงจะอยู่ภายใต้การคุ้มครองของหลี่เสวียน พวกเขาก็อาจตกตายภายใต้กระบี่ปีศาจของเย่เฟิง และไม่สามารถต่อต้านได้อยู่ดี พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่า วิชากระบี่นั้นเป็วิชาอะไรกันแน่ เย่เฟิงสามารถบรรลุมาถึงขั้นนี้ และเขาอายุเพียงยี่สิบปีแต่กลับรับมือหลี่เสวียนที่มีระดับวรยุทธ์ถึงเก้าสิบห้าปีได้
ไม่จำเป็ต้องกล่าวถึงเฉินฮุยของพวกเขาเลย เขาเกิดมาเพื่อเป็จอมยุทธ์ แม้เขาจะเก่งกาจ แต่ไม่สามารถเทียบกับเย่เฟิงเลย ความแข็งแกร่งของเย่เฟิงเก่งกาจด้วยความสามารถของเขาเองโดยปราศจากข้อกังขา ชายหนุ่มแทบจะเป็จอมยุทธ์ที่มีพลังเกือบร้อยปี เรียกได้ว่าพลิกฟ้าะเืดินทีเดียว
“แกไม่มีโอกาสได้ใช้กระบี่นั่นอีกแน่”
ร่างเล็กของหลี่เสวียนตวาดขณะยืนอย่างมั่นคง สายตาคู่นั้นจ้องเย่เฟิงที่อยู่ห่างออกไปมากกว่ายี่สิบเมตรอย่างดุดัน มือเล็กออกกระบวนท่าที่ผิดแปลก กำลังภายในก่อตัวพุ่งขึ้นรอบๆ ในทันที ดูอ่อนและยืดหยุ่นยากจะฟันขาดขวางกั้นเย่เฟิง ทำให้เขารู้สึกเชื่องช้าลงในทันที
จับหางนกกระจอก!
รูปแบบกระบวนท่าประณีตของไท่จี๋ หลี่เสวียนใช้ออกมาอย่างสบายๆ ภายใต้กำลังภายในที่อ่อนหยุ่นมีแรงดึงดูดมากมาย เพียงพริบตาก็ทำให้ร่างเย่เฟิงเสียสมดุล
“แข็งแกร่งมาก!”
ภายในใจเย่เฟิงสั่นสะท้าน เงยหน้ามองหลี่เสวียนในชุดจอมยุทธ์สีขาว ต่อต้านแรงดึงดูดที่อีกฝ่ายส่งมาสุดกำลัง กระบวนท่าไท่จี๋ประณีตอย่างยิ่งโดยไม่เสียเปล่า โดยเฉพาะพื้นที่สองข้างของเย่เฟิงมีแรงดึงรุนแรง เย่เฟิงแทบจะไม่สามารถต้านทานไหว
หรือจะต้องใช้รำกระบี่ไร้ตัวตน?
อากาศรอบๆ เย่เฟิงถูกก่อกวนโดยหลี่เสวียน ขณะนั้นไม่มีโอกาสใช้ได้สะดวก เพียงครึ่งวินาที จับหางนกกระจอกอันน่ากลัวแทบจะดึงร่างเย่เฟิงติดอยู่กับพื้น ระหว่างที่เขากำลังพุ่งไปยังตำแหน่งของหลี่เสวียน ใบไม้รอบๆ ปลิวกระจัดกระจาย สายลมอันรุนแรงพัดมาจากทุกทิศทาง และไปรวมอยู่รอบร่างของหลี่เสวียน
มันขัดขวางเส้นทางอย่างหนักหน่วง!
ท่าทางหลี่เสวียนเคร่งขรึมปราศจากความเมตตา ขณะที่เย่เฟิงซึ่งเหินอยู่ในอากาศถูกดูดไปหาเขา ก่อนที่จะมีหมัดอันรวดเร็วพุ่งออกมา หมัดนี้ั้แ่เย่เฟิงมายังโลกนี้ มันแทบเป็หมัดที่รวดเร็วที่สุด
แม้พลังไท่จี๋จะมีรูปแบบที่อ่อนหยุ่นพิชิตแข็งกร้าว แต่ก็มีวิชารุกเช่นกัน หมัดวายุอันรุนแรง ปรากฏเบื้องหน้าเย่เฟิงอย่างน่าใ
วิชาเซียนโล่ดาวประกายพรึก!
เย่เฟิงขบฟันแน่น บีบเค้นพลังชี่ภายในร่าง แสงสีน้ำเงินของพลังชี่ปรากฏขึ้นเป็โล่ป้องกันทันที มันปรากฏเป็แสงดวงดาราสีน้ำเงินเลือนราง เครื่องรางคุ้มกันกำไลจื่อหลิงะเิพังไปั้แ่ปะทะกับราชันหั่วยวินเยาแล้ว ตอนนี้เขามีเพียงโล่ดาวประกายพรึกที่ใช้ป้องกันเท่านั้น
ความสามารถป้องกันของกำไลจื่อหลิงเทียบเท่ากับโล่ดาวประกายพรึกที่มีระดับวรยุทธ์ห้าสิบปี แต่ตอนนี้เย่เฟิงมีระดับการบ่มเพาะเพียงยี่สิบปีเท่านั้น พลังป้องกันของโล่ดาวประกายพรึกที่ใช้ออกมาเปราะบางมาก
เปรี้ยง!
หมัดของหลี่เสวียนปะทะโล่ดาวประกายพรึกอย่างรุนแรง แรงลมปะทุในทันที ะเิพื้นหญ้ารอบๆ ทั้งหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
ท่าทางของหลี่เสวียนเปลี่ยนไป รู้สึกว่ามีบางอย่างกั้นขวางเย่เฟิงเอาไว้ ยามเห็นลำแสงสีน้ำเงินเลือนรางเมื่อครู่พลันตื่นใ เขารู้สึกว่าตอนนี้เย่เฟิงเกินกว่าคำว่าแปลกประหลาด หากไม่จัดการอย่างรอบคอบ จะเป็ตัวเขาเองที่ต้องถูกฝังอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตามเย่เฟิงไม่ยอมให้เขามีเวลาตอบสนองทัน
แทบจะเวลาเดียวกับที่หมัดวายุปะทะโล่ดาวประกายพรึก เย่เฟิงใช้่เวลาที่อีกฝ่ายใเคลื่อนไหวในทันที!
อากาศรอบๆ ยังคงปั่นป่วน การใช้วิชากระบี่ไร้ตัวตนไม่ปลอดภัยนัก หากเกิดเื่ผิดพลาดภายในมิติ มันจะกลายเป็เื่ร้ายแรง เขาจึงต้องใช้ผลลัพธ์จากการศึกษาตลอดสองเดือนที่ผ่านมาคือเพลงกระบี่สุริยคราส!
แน่นอนว่าด้วยระดับพลังบ่มเพาะยี่สิบปีของเขา สำหรับเพลงกระบี่สุริยคราส หาก้าจัดการหลี่เสวียนยังไม่เพียงพอ เขาไม่ลังเลที่จะใช้เพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราซ้ำเข้าไปอีก
ปราณเพลิงจากเพลงกระบี่สุริยคราสพร้อมกับปราณน้ำแข็งของเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทรา ปราณกระบี่ทั้งสองรวมกันโจมตีหลี่เสวียนทันที เมื่อหลี่เสวียนตั้งสติได้ ปราณกระบี่ทั้งสองก็อยู่ห่างไม่ไกลพร้อมที่จะปะทะเขาแล้ว
ปราณเพลิงและน้ำแข็งตัดผ่านกันทำให้เกิดะเิของปราณกระบี่ทั้งสองอย่างฉับพลัน เปลวเพลิง หิมะ และน้ำแข็งกระจายไปสี่ทิศทางปกคลุมร่างของหลี่เสวียน
ต้นไม้ใหญ่รอบด้านหลายต้นโค่นล้มลงมา ทั่วพื้นที่พังราบเป็หน้ากลอง
“เพลงกระบี่สุริยคราส! เพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทรา!”
หลี่เสวียนพูดโพล่งออกมา จากปราณเพลิงและน้ำแข็งที่ะเิขึ้นมา เขาเห็นสองวิชาที่เย่เฟิงใช้ได้ชัดเจนทำให้จดจำมันได้ในทันที
วิชากระบี่สองชุดนี้เป็วิชาลับของตระกูลเย่และตระกูลหลง ในยุทธจักรนี้ มันเป็สุดยอดวิชากระบี่ทั้งสองชุด แค่ร่ำเรียนหนึ่งในนั้นก็แทบบรรลุเป้าหมายของมือกระบี่แล้ว เนื่องจากในอดีตตระกูลเย่และตระกูลหลงใช้พวกมันจัดการมือกระบี่มามากมายจนไต่เต้าเป็ตระกูลที่มีอิทธิพลในเวลานั้น แต่ตอนนี้ กระบี่ทั้งสองชุดกลับตกอยู่ในมือเย่เฟิง แถมยังผสมผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
เย่เฟิงเป็คนตระกูลเย่ สามารถฝึกวิชาเพลงกระบี่สุริยคราสไม่ถือว่าแปลกประหลาด เช่นเดียวกับฐานะแฟนหนุ่มของหลงหว่านเอ๋อร์ การร่ำเรียนเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราก็ไม่ประหลาดเช่นกัน แต่กลับสามารถใช้เพลงกระบี่ทั้งสองชุดนี้ได้ขนาดนี้ และยังปลดปล่อยกำลังภายในออกมาภายนอก ไม่กลัวว่ากำลังภายในจะทำให้เส้นชีพจรภายในร่างาเ็เลยหรือ มันจะเหลือเชื่อเกินไปหรือไม่?
ท่าทางของหลี่เสวียนยิ่งแตกตื่นขึ้นเรื่อยๆ พร์ของเย่เฟิงน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ถ้ายังปล่อยเขาไปเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าสามารถร่ำเรียนวิทยายุทธ์ได้ทั้งหมดเลยหรือ?
เปลวเพลิงและน้ำแข็งที่กระจายไปทั่วท่ามกลางตัวเขามากมายภายในอากาศ เห็นจื่อเจี้ยนหลานนอนอยู่ไม่ไกลออกไป จำได้ว่าเธอเป็ลูกสาวบุญธรรมของเ้าสำนักอิ่นเซียนฉีหลินจือ หรือว่าเย่เฟิงก็สามารถร่ำเรียนวิชาอาวุธลับด้วยเช่นกัน?
หลี่เสวียนมีลางสังหรณ์รางๆ หากยังปล่อยเย่เฟิงไปเช่นนี้ ยุทธจักจะต้องตกเป็ของเขาแน่ คนอื่นๆ ไม่ว่าเฉินฮุยจากตำหนักไท่จี๋ หรือสำนักกระบี่จือเจิน สหายที่มีชื่อเสียงเท่าเฉินฮุย ก็คงไม่ใช่คู่มือของเย่เฟิง
เขาไม่รู้เลยว่าเย่เฟิงไม่ใช่คนบนโลกนี้ ต่อให้ยุทธจักรแล้วจะเป็อย่างไร? ภายในโลกเทวะต่างห้ำหั่นกันเอง สิ่งสำคัญที่สุดคือพึ่งพากำลังของตนเองเท่านั้น!
เพลงกระบี่สุริยคราสและเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราไม่สามารถทำอะไรหลี่เสวียนได้ ใน่เวลาวิกฤต หลี่เสวียนใช้พลังไท่จี๋ป้องกันอย่างทันท่วงที ปัดป้องเพลงกระบี่ทั้งสองของเย่เฟิงอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงย่อมรู้ว่า กระบี่ทั้งสองไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ เพียงใช้มันปิดหูปิดตาเขาเท่านั้น
ใน่เวลานี้เอง ชายหนุ่มก็ถอยออกมา อากาศรอบๆ คงที่ แววตาส่องประกายเย็นเยียบ มือกำกระบี่สีเขียวมรกตแน่น
วิชากระบี่ไร้ตัวตน!
นี่เป็กระบวนท่าสุดท้ายที่เขาจะใช้ออกไป ั้แ่มายังโลกนี้ มันเป็ครั้งแรกที่เขาทุ่มสุดกำลัง เมื่อเทียบปราณกระบี่สิบสามสายก่อนหน้า ครั้งนี้เขาแสดงมันเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งสามารถเพิ่มพลังความรุนแรงขึ้นเป็สองเท่า!
ขณะที่ร่างเย่เฟิงหายไป เปลวเพลิงและน้ำแข็งที่ท่วมหลี่เสวียนก็คลายตัวลงในที่สุด กลุ่มคนของตำหนักไท่จี๋จ้องเขม็งไปยังจุดที่เย่เฟิงหายไป แอบร้องอุทานในใจ เขาหายไปไหนอีกแล้ว!
พวกเขามองกันด้วยลมหายใจติดขัด ทั้งหมดต่างรู้ว่านี่เป็การต่อสู้ระหว่างผู้แข็งแกร่งที่ยากจะพบเห็น หากหลี่เสวียนถูกกำจัดด้วยน้ำมือของอีกฝ่าย ต่อไปประวัติศาสตร์ในยุทธจักรจะต้องถูกเขียนขึ้นใหม่อย่างแน่นอน...