“อื้ม! ชุดนี้แหละ น่ารักมากยัยเม”
คนตัวเล็กหมุนตัวไปมาหน้ากระจกผมที่ลอนคลายๆ ไว้ก็สยายไปมาตามทิศทางการหมุน พร้อมกับเอ่ยชมตัวเองไม่ขาดปาก ร่างบางที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีขาวคลุมด้วยเสื้อครอปแขนยาวพอดีตัวสีเขียวอ่อนกับท่อนล่างเป็กระโปรงสั้นอัดกลีบสีเทา ยิ่งขับให้ผิวตัวและใบหน้าดูผ่องเข้าไปกันใหญ่
ติ๊ง ติ๊ง! เสียงข้อความจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น
“งืมมม…ใครส่งอะไรมาน้า”
พี่วิน : พี่เพิ่งเลิกงาน
พี่วิน : นี่เราอยู่ไหนแล้ว?
เมจิ : อยู่ที่พักค่ะ เพิ่งแต่งตัวเสร็จ
Rrrrrrr ~ เมจิไม่ทันได้พิมพ์อะไรต่อพี่วินก็โทรเข้ามาก่อน
(แต่งตัวเสร็จแล้วจะไปไหน)
เสียงทุ้มคุ้นหูพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เธอกดรับสาย
“เมว่าจะไปเดินตลาดนัดกลางคืนหน่อย ไม่ห่างจากที่พักเท่าไหร่ ของกินเยอะด้วยงะ”
(ไปกับเพื่อนเราอะหรอ)
“เปล่านะ เมไปคนเดียว เพื่อนกลับไปทำงานแล่ววว”
(อืม…หิวพอดีเลยงั้นพี่ไปเจอเราที่นู่นนะ ยังไงแชร์โลเคชั่นมาให้ด้วย ติ๊ด!)
มะ เมื่อกี้ คืออะไรนะ น่ะ นี่ อยู่ดีๆ ก็ต้องเจอกะทันหันแบบนี้เลยหรอ เรานัดกับไว้พรุ่งนี้ไม่ใช่หรือไงพี่วิน! โอ้ยตายแล้ว ฉันไม่มีเวลาเตรียมใจเลย…T-T
พอตั้งสติได้เมจิก็รีบเดินไปเช็กหน้าและผมอีกรอบหน้ากระจก ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วรองเท้าที่เข้าชุดกัน
“เอ้อ จริงสิ เกือบลืมแล้วไหมล่ะ”
คนตัวเล็กที่กำลังกึ่งล่กกึ่งลนนิดหน่อยนึกขึ้นได้ว่าทำคุ้กกี้มาฝากเขาด้วยเลยเดินกลับไปหยิบกล่องขนมที่ใส่ถุงผูกโบว์สีชมพูไว้ติดมือมาโดยไม่ลืมแชร์โลเคชั่นให้พี่วินทางข้อความก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ตลาดไนท์มาเก็ต 18:20 น.
“โอเค ใจเย็นๆ ไว้นะ หน้าสวย ผมสวย ชุดสวยแล้ว สบายมาก ฟู่วว”
เมจิที่ยังคงอยู่ในรถหลังจากมาถึงและจอดนิ่งๆ มาได้สักพักเพราะ้าทำใจตัวเองให้สงบก่อน…ตอนนี้ใจเธอเต้นแรงชนิดที่ว่าจังหวะสามช่าก็สู้ไม่ได้
ครืดดด ครืดดด ~ ติ๊ด!
(พี่ถึงแล้ว…ให้พี่รอที่ไหน)
“อ้อ! เมถึงแล้วๆ กำลังไปพี่อยู่ตรงไหน?”
มือเรียวรีบคว้าหยิบกระเป๋าที่วางไว้เบาะข้างๆ แล้วเปิดประตูก้าวลงจากรถมาโดยไม่ลืมหยิบถุงคุกกี้ติดมือมาด้วย ทำให้มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูมีถุงขนมห้อยอยู่ ส่วนอีกข้างก็เอากระเป๋าสะพายขึ้นไหล่พร้อมกับปิดประตูรถแล้วเดินตรงไปตรงทางเข้าหน้าตลาด ร่างแบบบางเดินลัดเลาะผ่านลานจอดรถออกไปแล้วข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง
(อืมมม เมใส่เสื้อสีอะไร?)
“สีเขียวค่ะ กระโปรงเทา ตอนนี้เมอยู่หน้าร้านเอ่อ…พะโล้นายพล”
(หันกลับมาสิ…)
เอาแล้วไง…พล็อตนี้เหมือนในหนังเลย
เมจิค่อยๆ หมุนตัวหันกลับไปทางที่ตัวเองเพิ่งเดินมา ไม่ต้องใช้เวลาหานานสายตาก็ปะทะเข้ากับชายหนุ่มผมดำปรกลงมาที่หน้านิดหน่อยแบบไม่ได้ตั้งใจเซต รูปร่างดีใส่แว่นและน่าจะสูงราวๆ เกือบ 190 ได้นะ เขายืนอยู่คนละฝั่งถนนกับเธอในชุดเสื้อยืดสีดำธรรมดากับกางเกงขาสามส่วนและกำลังส่งยิ้มเป็มิตรให้เธออยู่…แต่ความหล่อนั้นโครตไม่ธรรมดา!
“หึ เป็อะไร ตะลึงความหล่อพี่หรอ”
ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พูดเปล่าเขายกมือโบกไปมาและยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยที่ั์ตาคมก็จ้องหน้าเธอไม่กระพริบ
“…!!!”
เมจิสะดุ้งนิดนึงก่อนสติจะกลับเข้าร่างหลังจากที่มัวแต่พินิจพิจารณาอยู่จนไม่รู้ว่าเขาข้ามฝั่งมาอยู่ตรงหน้าเธอั้แ่เมื่อไหร่
“เอ่อ…” พูดอะไรดีนะ นี่ฉันลืมลิ้นไว้ที่ห้องหรือเปล่า…
“พี่ว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม หิวแล้ว”
คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าเล็กน้อย วินเลยถือวิสาสะจับไหล่เมจิหมุนตัวบังคับให้เดินเข้าไปในตลาด…ด้วยความที่ตลาดค่อนข้างใหญ่มีทั้งโซนเสื้อผ้าแฟชั่น ของใช้ สินค้าวินเทจ และของกินหลากหลายั้แ่ร้านอาหารธรรมดา โซนซุ้มขายอาหารจนไปถึงร้านอาหารกึ่งบาร์และประกอบกับ่เวลาโพล้เพล้ใกล้มืดคนก็ยิ่งหนาตามากกว่าเดิม
“เราอยากกินอะไร?” คนตัวโตที่เดินอยู่ข้างๆ ถามขึ้นหลังจากที่เดินกันมาได้สองสามล็อก
“ข้าวขาหมูนี่ก็ได้…ค่ะ” ตาเรียวสวยเหลือบไปเห็นอะไรใกล้ตัวก็ตอบไปก่อนเพราะสมองน้อยๆ ประมวลผลไม่ทัน
“5555 โอเคๆ”
วินเดินนำเข้าไปก่อนจะให้เมจินั่งรอที่โต๊ะแล้วตัวเองเดินไปสั่งข้าวให้ ไม่นานนักป้าเ้าของร้านก็เอาข้าวขาหมูสองจานมาวางตรงหน้าคนทั้งคู่
“เป็อะไร…ทำไมไม่เห็นเจื้อยแจ้วเหมือนเวลาที่พี่โทรหาเราเลย”
คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มกวนๆ ของคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม…กะล่อนจริงๆ ด้วยตาคนนี้
“ก็เมไม่ชินนี่แล้วนั่นมันในโทรศัพท์ไง…พอปากดีได้อยู่”
คนตัวเล็กกว่าตอบกลับแต่ลดระดับเสียงเบาลงตรง่ท้ายประโยคพร้อมกับสบสายตาไปแปปนึงแล้วรีบดึงสายตากลับมามองจานข้าวตรงหน้าของตัวเองต่อเพราะทนต่อความแพรวพราวเล่นหูเล่นตาของพี่แกไม่ไหวจริงๆ
“โครตจะน่าแกล้งเลย 5555”
ตึก ตึก ตึก เสียงเท้าของคนสองคนที่กำลังเดินเล่นตรงโซนวินเทจอีกมุมนึงของตลาดหลังจากผ่านการกินข้าวด้วยกันเรียบร้อยด้วยอาการเก้ๆ กังๆ ของเมจิที่ยังไม่คุ้นชินกับผู้ชายตรงหน้า
“จริงสิ ลืมให้พี่เลย” เสียงหวานพูดขึ้นก่อนจะหันไปยื่นถุงขนมที่ตั้งใจทำมาฝากส่งให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ
“อะไรหรอ?”
“คุกกี้น่ะ เมทำมาให้พี่”
“หรอ…” เสียงทุ้มเอ่ยแค่นั้นแต่มือหนาล้วงเข้าไปในถุงก่อนจะหยิบคุกกี้ขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วทำท่าจะแกะ
“พี่จะกินเลยหรอ พี่อย่าเพิ่งกินสิ ไว้กินที่บ้านๆ” เมจิรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกับรีบเอานิ้วเรียวจับแขนเสื้อผู้ชายแล้วดึงเบาๆ อยู่อย่างนั้นเป็เชิงบอกว่าอย่าเพิ่งกิน…ก็ถ้ากินตอนนี้แล้วไม่อร่อยฉันจะทำหน้ายังไงเล่าพี่แกยิ่งดูเป็คนพูดจาตรงไปตรงมาอยู่นะ
ั์ตาคมหลุบตามองเมจิที่กำลังทำท่าทางอย่างกับลูกแมวเรียกร้องความสนใจก่อนจะยิ้มออกมาแล้วแกะคุ้กกี้รูปหมีส่งเข้าปากตัวเองไปให้คนตัวเล็กเห็นอย่างจงใจ
“…” กินไปจนหมดแล้วทำไมไม่พูดอะไรเลยนะมัวแต่จ้องหน้ากันอยู่นั่น
“…”
“พี่เงียบทำไม”
“รอดูอาการก่อนไงว่ากินแล้วจะตายเปล่า” วินตอบก่อนจะเอียงหัวเล็กน้อยเพราะอยากแกล้งคนตัวเล็ก
เพี๊ยะ! มือเล็กฟาดเข้าที่แขนแกร่งไปไม่แรงมากอย่างอดทนไม่ไหวแต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะชอบใจซะอย่างงั้น…
นี่จะไม่เกรงใจแล้วนะถ้าจะกวนกันขนาดนี้! ถึงแม้จะคิดในใจแต่สีหน้ากับแววตาของเธอต้องแสดงออกมาแน่ๆ
“อร่อยดี…ขอบคุณครับที่ทำมาให้…จริงๆ”
เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะย้ำท้ายประโยคเพราะดูจากสีหน้าของเมจิตอนนี้ที่ดูเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เขากำลังพูด
“…”
แป๊ก! ฟึ่บ! ใบหน้าสวยหันมองตามเสียงที่ได้ยินมาสักพักหนึ่งก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับสนามไดร์ฟกอล์ฟที่อยู่ติดกับตลาดเพราะเธอเห็นลูกกอล์ฟลอยออกจากฝั่งตัวอาคารลงสนามหญ้าเป็ระยะๆ
“อยากตีกอล์ฟหรอ?” พี่วินเอ่ยถาม
“ไม่หรอกเมไม่เคยเล่น ตีไม่เป็ด้วย”
“ลองไหม? พี่สอน แต่เดี๋ยวไปเอาไม้ที่รถก่อน”
“…” เธอพงกหัวหงึกๆ แทนคำตอบก่อนตาจะเป็ประกายตื่นเต้นออกมาแล้วเดินตามร่างสูงกลับไปยังลานจอดรถ…
“พี่ส่งมาเดี๋ยวเมช่วยถือให้” เมจิเอ่ยขึ้นหลังจากเห็นคนตัวสูงหยิบไม้กอล์ฟออกมาจากหลังรถแค่สามสี่ไม้
“ไม่ต้อง…มาเอานี่ไป” วินเดินไปที่ประตูท้ายก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวโคร่งสีแดงออกมาแล้วส่งให้ร่างบางที่กำลังยืนงงจ้องเขาอยู่
“คือ…?” เสียงหวานเอ่ยถาม
“ใส่คลุมสิ เข้าไปงี้เด่นเกิน เอากางเกงด้วยไหม”
“เอ่อ เมว่าไม่ต้องก็ได้ชุดมันกระชับน่าจะตีได้อยู่นะ”
“ไม่ ใส่เสื้อ”
อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ทำเสียงเข้มขึ้นมาเพื่อแสดงความชัดเจนให้รู้ว่าเขาไม่ยอมถ้าเธอจะไม่ใส่ ซึ่งคนตัวเล็กที่เห็นแบบนั้นก็แอบงงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรเพราะคิดว่าอาจจะดูไม่เหมาะกับสถานที่เลยหยิบเอาเสื้อมาจากเขาแล้วใส่ทับก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าหล่อคมที่ก็กำลังใช้สายตามองลอดผ่านแว่นมาที่เธอเหมือนกัน…
“อืม โอเคอยู่กางเกงไม่ต้องก็ได้ ตามพี่มา”
เมจิเดินตามไปอย่างว่าง่ายโดยไม่พูดอะไรเหมือนเดิมแต่ก็ได้แต่คิดในใจว่า…เธอใส่เสื้อคลุมสีเขียวมาแล้วเขาให้เปลี่ยนเป็สีแดง…แล้วมันเด่นน้อยกว่าเดิมตรงไหน?
พอเดินเลาะทางด้านหลังตลาดมาได้สักพักก็มาถึงหน้าสนามไดร์ฟ พี่วินเดินไปตรงเคาน์เตอร์แล้วชำระเงินหลังจากนั้นก็มีพนักงานเดินนำเราทั้งสองคนพร้อมกับถาดลูกกอล์ฟในมือขึ้นบันไดพาไปที่ชั้นสองก่อนจะเดินต่ออีกหน่อยแล้วหยุดที่โต๊ะตัวหนึ่งที่ยังว่างอยู่
แป๊ก! ฟึ่บ! แป๊ก ฟึ่บ! แป๊ก! ฟึ่บ! คนตัวเล็กที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกหันมองรอบๆ ตัว ส่วนมากที่เห็นจะมีแต่ผู้ชายวัยสามสิบขึ้นไปจนถึงเลขสี่เลขห้าแล้วท่าทางแต่ละคนก็ดูชำนาญจนทำให้เธอเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมา
กลับก่อนดีไหมนะเรา…ดูทรงแล้วเหมือนจะพาตัวเองมาขายหน้าต่อหน้าผู้ชายแน่ๆ
“มายืนตรงนี้สิ…เดี๋ยวพี่สอนจับไม้ก่อน”
ไม่ทันแล้วสินะ…เอาก็เอา! ขาเรียวก้าวลงไปตรงแผ่นหญ้าเทียมตามที่เขาชี้นิ้วบอกแล้วไปยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวสูงกว่าที่ยืนถือไม้รออยู่อีกฝั่งหนึ่ง
เขาย้ายมายืนอยู่ข้างๆ เธอก่อนจะส่งไม้กอล์ฟให้เธอเป็คนถือไว้พร้อมกับจับมือเธอวางบนไม้อีกทีแล้วขยับมันพลิกไปมาซ้ายนิดขวาหน่อยจนได้ท่าทางที่ถูกต้อง
“ถนัดไหม? นิ้วชี้กับนิ้วก้อยต้องเกี่ยวกันแบบนี้แล้วไม่ต้องกำแน่นเกินไป” ตาคมมองผ่านแว่นหันมาหาเธออย่างรอคำตอบ
“ถนัดนะ”
“โอเค งั้น…ยืนเท้าแยกกันอีกนิด ไม่ๆ แบบนี้”
วินไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาหาร่างบางแล้วเอามือจัดท่าทางปรับการยืน หลัง ขา และสะโพกให้อยู่ในท่าที่ถูกต้องเช่นกัน
“พี่แอบแต๊ะอั๋งเมเปล่าเนี่ย คิกคิก” เธอแกล้งพูดหยอกไปเล่นๆ
“หึ ถ้าแต๊ะอั๋งพี่ไม่จับแค่นี้หรอก…ลองยกแขนตีดู “พูดจบก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเมจิตามเดิม
แป๊ก! ฟึ่บ! ว้ายยย! ฉันตีโดนด้วย…ใช่ แค่ตีโดนไม่วืดแต่ท่าไม่ได้สวยอะไรหรอกน่าจะออกเกร็งๆ -.-
“พี่เห็นไหม เมตีโดนด้วย” เธอยิ้มให้เขาอย่างภูมิใจ
“อืม ไหนจัดท่าเองแล้วตีใหม่ซิ” เอาแล้วไง…
ร่างบางที่กำลังนึกและจัดท่าทางของตัวเองอยู่ว่าต้องจับไม้แบบไหนและยืนยังไงแต่อยู่ดีๆ เสียงทุ้มก็พูดอะไรไม่รู้ขึ้นมา
“ผิวขาวเนียนดี ไม่มีขนด้วย”
“…หื้ม?”
“ขาเมไง” ก่อนจะส่งสายตากวนๆ มาให้
“นี่พี่มองไรเนี่ย…” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
“เห็นไหม บอกแล้วว่าต้องใส่เสื้อมาถ้าจะก้มขนาดนี้ป่านนี้นมหกหมดแล้ว”
“โง้ยยย…ช่วยโฟกัสที่การตีหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานบ่นออกมาอย่างอดไม่ได้พร้อมกับใช้น้ำเสียงประชดกลับไป…เขามันกะล่อนตัวพ่อ!
“หึ ครับๆ”
สาวน้อยในเสื้อสีแดงไม่ได้พูดอะไรต่อแต่เลือกที่จะตีไปอีกสองสามทีด้วยท่าทางเกร็งๆ แบบคนเพิ่งเริ่มก่อนจะสลับให้ชายหนุ่มเป็ฝ่ายรับ่ตีต่อส่วนเธอกลับมานั่งที่โต๊ะและมองเขาที่กำลังยืนตั้งท่า
แป๊ก! ฟึ่บ! โหหห ตีสวยมากกกก มากแบบมากๆ ท่าทางที่ดูมั่นคงกับแขนแกร่งๆ ที่มีกล้ามเนื้อแบบผู้ชายไม่บอกก็รู้ว่าออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและคงตีมานานมากแล้วสินะถึงได้เท่ห์ะเิระเบ้อขนาดนี้…
“เท่ห์มาก! สุดยอด!”
เสียงหวานเอ่ยชมพร้อมกับปรบมือรัวๆ และยกนิ้วโป้งให้เขา ทำให้ชายหนุ่มที่พอเห็นแบบนั้นก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
จนกระทั่งผ่านไปสองชั่วโมงทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากสนามไดร์ฟหลังจากตีกันไปหกถาดแบบเหงื่อตก
“ชอบไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับแขนแกร่งที่ถือไม้กอล์ฟแกว่งไปมาข้างลำตัว
“เมชอบนะ…สนุกดีเหมือนได้ออกกำลังกายด้วย แต่เมคงต้องฝึกอีกเยอะเลย”
“งั้นก็ดีสิ มาตีกับพี่บ่อยๆ พี่จะได้มีเพื่อนตีด้วย” เขาบอกกับเธอแล้วหันหน้ามามองอย่างรอคำตอบ
“อืม ก็ถ้ามีโอกาสมาก็จะมาค่ะ” เธอเอ่ยตอบเขาด้วยรอยยิ้มซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าน้อยๆ อย่างรับรู้
สองหนุ่มสาวเดินคุยกันมาเรื่อยๆ ตลอดทางจนไม่นานก็พากันมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถคันสีขาวของเมจิก่อนที่คนตัวเล็กจะหมุนตัวกลับไปหาชายหนุ่มที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังของเธอ
“งั้นเมกลับก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ปากเล็กพูดบอกพร้อมคลี่รอยยิ้มสวยออกมา
“อ้อ! จริงสิ เดี๋ยวเสื้อเมซักแล้วเอามาคืนให้นะ” เธอพูดต่อเพราะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังใส่เสื้อของเขาอยู่
“ครับผม พี่ต้องกอดลาเราหน่อยไหม”
พูดเล่นแต่สายตาไม่เล่นเลยแฮะ…
“ไม่ต้อง!!” หึ่ย ตานี่หนิ!
