ณ ูเาไป่หลิง สถานที่ซึ่งเป็ทางเข้าแดนลับ ผู้าุโของทั้งสี่สำนักกำลังสนทนากัน
“ผ่านมาหกวันแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในเป็อย่างไรบ้าง?”
“การาเ็ล้มตายเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คงต้องรอดูว่าจะมากน้อยเพียงใด”
“แดนลับนี้เปิดครั้งแรก ย่อมมีอันตรายเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทว่ายังมีโอกาสมากมายอยู่ด้วย...เอ๊ะ! มีคนออกมาแล้ว!”
พลันผู้าุโทั้งสี่สำนักหันมองไปยังทางเข้าโดยพร้อมเพรียง
มีเวลาถึงครึ่งเดือน เหตุใดถึงมีลูกศิษย์ออกมาในวันที่หก?
“เขาเป็ศิษย์สำนักเชียนเฉ่า”
“เ้ามานี่ เหตุใดถึงออกมาเร็วเช่นนี้?”
ชายผู้นี้อยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ และอยู่ในขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด “ศิษย์คารวะผู้าุโทุกท่าน”
“สถานการณ์ด้านในเป็อย่างไร? เหตุใดเ้าถึงออกมาเร็วเช่นนี้?”
“ด้านในมีผู้าเ็ล้มตายจำนวนมาก มีแม่น้ำไป๋จั้งปิดเส้นทาง คนส่วนใหญ่ไม่อาจข้ามไปได้ ทั้งยังมีคนเสียชีวิตในแม่น้ำ”
ผู้าุโของสำนักเชียนเฉ่าถามด้วยความประหลาดใจ “พวกเ้าตรวจสอบพื้นที่รอบนอกเสร็จเร็วเพียงนี้เชียวหรือ?”
ผู้าุโสำนักั์พฤกษาถามต่อ “มีกี่คนที่ข้ามแม่น้ำได้สำเร็จ?”
“เกือบหนึ่งในสิบของศิษย์ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้าสามารถผ่านไปได้ สำหรับพวกเราที่ขอบเขตต่ำอาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้ ศิษย์จึงออกมาก่อน”
“เ้าอยู่ในขอบเขตใดก่อนเข้าสู่แดนลับ?”
“จิตหยั่งลึกขั้นห้าขอรับ”
“ศิษย์เ้าช่างมีความสามารถ”
“ผู้าุโชมเกินไปแล้ว”
หลังจากศิษย์คนนั้นออกไป ผู้าุโทั้งหมดก็สนทนาเื่ปริศนาภายในแดนลับต่อ
“ศิษย์บางคนบุกเข้าไปในพื้นที่อสูรและไปถึงใจกลางชั้นนอกแล้ว พวกเ้าคิดว่าจะมีผู้ที่บุกเข้าไปถึงพื้นที่ใจกลางชั้นในสุดได้หรือไม่?”
“ยังเหลือเวลาอีกเก้าวัน พื้นที่ใจกลางของแดนลับนั้นอันตรายกว่าพื้นที่รอบนอกหลายเท่า อาจไม่ใช่เื่ง่ายสำหรับศิษย์ของทั้งสี่สำนักที่จะข้ามพื้นที่นี้ได้อย่างปลอดภัย”
“ตามหลักแล้วก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่พื้นที่ใจกลาง และเรายังไม่แน่ใจเกี่ยวกับพื้นที่ใจกลางด้วย ผู้เหลือรอดก็น้อยกว่าหนึ่งส่วน หากมีผู้ที่สามารถเข้าไปได้จริงก็คงเป็เื่ยากที่จะอยู่รอด”
แท้จริงแล้วแดนลับนี้มีสามระดับ แต่เหตุใดเหล่าผู้าุโถึงไม่บอกลูกศิษย์ล่วงหน้า?
...
ภายในถ้ำอัคคีเหมันต์บนูเาสูงตระหง่านในแดนลับมีสถานที่ลับซึ่งซ่อนอยู่บนไหล่เขา ที่แห่งนี้ถูกค้นพบในวันที่ห้า โชคร้ายที่ไม่ว่าผู้ใดที่เข้าไปล้วนถูกเผาทั้งเป็ หรือไม่ก็ต้องถูกเยือกแข็งจนตาย
ยามนี้หนิงเทียนอยู่ในถ้ำ หลังจากได้ขวดศิลาเมื่อวันก่อนเขาก็ดื่มโลหิตบริสุทธิ์ของอสูรร้ายโบราณทันที จากนั้นก็แยกกับโม่ซินเจวี๋ยและอวี๋เฟยเยี่ยน
เมื่อเดินทางมาถึงูเาแห่งนี้ หนิงเทียนก็ดูดซับรอยประทับใจกลางพฤกษาต้นที่ห้า จากนั้นก็รีบมายังถ้ำอัคคีเหมันต์ ซึ่งได้รับการจัดเตรียมเป็พิเศษสำหรับการฝึกฝนกายาสุวรรณะนิรันดร์
“เหตุใดข้าจึงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นที่สองของขอบเขตจิตหยั่งลึกได้? หรือเป็เพราะการปลูกเส้นลมปราณที่สองล้มเหลวในการสร้างแผนที่จิติญญา?” เสาแสงหมุนวนห้าเสาในเส้นลมปราณที่สองของหนิงเทียน มันเชื่อมต่อและหลอมรวมกันเป็แผนที่จิติญญาทว่ายังไม่สมบูรณ์
ตามข้อสันนิษฐาน เขาจำเป็ต้องรวบรวมรอยประทับใจกลางพฤกษาของต้นไม้ทั้งเก้าต้น จึงจะสามารถหลอมรวมเสาแสงทั้งหมดแล้วสร้างแผนที่จิติญญาเพื่อปลูกเส้นลมปราณที่สอง จากนั้นก็จะเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองได้
ยามนี้หนิงเทียนได้บรรลุความสมบูรณ์แบบอันยิ่งใหญ่ของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแรกแล้ว แม้ระดับของเขาจะไม่สามารถพัฒนาได้อีก ทว่ากายาสุวรรณะนิรันดร์ยังคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งบรรเทาเพลิงผลาญเหมันต์ กล้ามเนื้อและกระดูกก็เปรียบเสมือนเหล็กกล้า
รอยประทับใจกลางพฤกษานั้นมาพร้อมกับโอกาสเสมอ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับกายาสุวรรณะนิรันดร์
ตอนนี้หนิงเทียนมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นคือการรวบรวมรอยประทับใจกลางพฤกษาโดยเร็วที่สุดเพื่อทำให้กายาสุวรรณะนิรันดร์สมบูรณ์แบบ และเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสอง
เขามีลางสังหรณ์ว่าเมื่อเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองแล้ว เขาจะกวาดล้างสนามนี้และกลายเป็ผู้อยู่ยงคงกระพันเพียงหนึ่งเดียวได้ ทว่าการผสานของอัคคีเหมันต์นั้นก่อให้เกิดความเ็ปอย่างยิ่ง
หนิงเทียนควบคุมกายาสุวรรณะนิรันดร์จนถึงขีดสุด ิัเปล่งประกายด้วยแสงสีทองคอยดูดซับแกนอัคคีเหมันต์ บางคราวร่างของเขาก็เป็สีแดง บางคราวก็เป็สีขาว อัคคีและเหมันต์แข่งกันโจมตีเขาจนสะบักสะบอม
กายาสุวรรณะนิรันดร์ช่วยเสริมสร้างร่างกายในทุกด้าน เส้นลมปราณที่ถูกห่อหุ้มแข็งแกร่งขึ้นห้าเท่า ทำให้รากฐานพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน่าใ
เมื่อรัตติกาลมาเยือนก็เกิดเสียงดังสนั่น ูเาสั่นะเื ถ้ำอัคคีเหมันต์ะเิพร้อมกับร่างหนึ่งที่พุ่งออกมา ซึ่งก็คือหนิงเทียนนั่นเอง
หลังจากเสริมความแข็งแกร่งครบห้ารอบ เืลมของเขาก็รุนแรงค้ำฟ้า ดวงตาฉายแววความรุ่งโรจน์ แสงสีทองปรากฏขึ้นบนกำปั้น เขาสามารถโค่นล้มต้นไม้ั์ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบจั้งและหนักกว่าห้าหมื่นจินได้ด้วยหมัดเดียว!
อสูรที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างก็หลบหนีความหวาดผวา หนิงเทียนหัวเราะเสียงดังและไล่ตามอสูรร่างสูงสิบจั้ง เพียงเขาโบกมือกระแสอากาศก็ะเิออก ช่างเป็พลังที่น่าสะพรึงอย่างยิ่ง
คืนนั้นบนูเาเกิดเหตุการณ์ไก่บินสุนัขะโ[1] เหล่าอสูรต่างประสบภัย
หนิงเทียนสังหารอสูรเจ็ดตนติดต่อกัน ผนึกพลังของพวกมันมีเืลมอันแข็งแกร่ง ซึ่งเป็สิ่งที่หนิงเทียนชื่นชอบยิ่งนัก
หนิงเทียนไปถึงูเาอีกลูกก่อนรุ่งสาง จำนวนยอดเขาในเขตใจกลางของแดนลับน้อยกว่ารอบนอก ทว่ายอดเขาแต่ละแห่งล้วนมีขนาดใหญ่กว่ารอบนอกหลายสิบเท่า และมีอสูรอาศัยอยู่มากมาย
หนิงเทียนััได้จากระยะไกลว่ามีต้นไม้แห้งเหี่ยวต้นที่หกอยู่ที่นี่ ใจของเขาจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง ทว่าหลังจากเข้าสูู่เาแล้ว เขาก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
บนูเาลูกนี้มีอสูรมากมายและทุกตนล้วนน่าพรั่นพรึง โดยเฉพาะเสือดาวเกล็ดหิมะซึ่งยาวถึงยี่สิบจั้ง เพียงหนิงเทียนเห็นมัน หนังศีรษะของเขาก็ชา พร้อมหันหลังหนีทันที
เสือดาวเกล็ดหิมะว่องไวมาก มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
หนิงเทียนนำหอกนาคามรกตออกมาแล้วล่าถอยขณะต่อสู้ เขาตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งและสุดท้ายก็หนีพ้นหลังจากใช้เวลาไปกว่าสองชั่วยาม
“สถานที่บ้าๆ นี่ไม่ใช่ที่ที่มนุษย์ควรอาศัยอยู่!” เขาอารมณ์เสีย และตระหนักรู้ถึงความสำคัญของขอบเขตอย่างลึกซึ้ง
หนิงเทียนวางแผนหลีกเลี่ยงเสือดาวเกล็ดหิมะโดยการเดินอ้อมไป แต่เขากลับพบอสูรที่ทรงพลังกว่าโดยไม่คาดคิด
มันคืออินทรีทมิฬ ปีกของมันยามกางออกจะแผ่กว้างกว่าสิบจั้ง มันบินโฉบลงมาอย่างรวดเร็วราวปานสายฟ้า สามารถล้มต้นไม้ใหญ่หลายต้นได้ด้วยการสะบัดกรงเล็บเพียงครั้งเดียว จนเกิดกระแสลมพัดร่างหนิงเทียนลอยออกไปหลายร้อยจั้ง
หนิงเทียนสบถสาปแช่ง นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับผู้บำเพ็ญขอบเขตจิตหยั่งลึกเลยสักนิด หลอกลวงกันเกินไปแล้ว!
ขณะที่อินทรีั์กำลังบินวน หนิงเทียนก็ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในป่าและใช้โอกาสนี้วิ่งขึ้นไปบนูเา
ต้นไม้แห้งเหี่ยวอยู่ใกล้ยอดเขา บริเวณโดยรอบไร้ต้นหญ้า แม้กระทั่งอสูรก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งยังถือว่ามันเป็ลางร้าย
กระบวนการรับรอยประทับใจกลางพฤกษาของหนิงเทียนดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อมองหาโอกาสบนูเาลูกนี้ เขาก็พบกับปัญหา
บนไหล่เขามีป่าหินซึ่งมีก้อนหินแปลกประหลาดกระจายอยู่อย่างกว้างขวาง
เสือดาวเกล็ดหิมะตัวใหญ่ยืนตระหง่านอยู่บนก้อนหิน มันจ้องมองอินทรีทมิฬที่เกาะบนหินฝั่งตรงข้ามอย่างไม่พอใจ ทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความโกรธแค้นอย่างไม่มีใครยอมใคร
ระหว่างอสูรทั้งสองมีสระน้ำที่เต็มไปด้วยหมอกสีขาว ซึ่งรวบรวมน้ำนมหินิญญาธรณีไว้ มันเป็แก่นธรณีและไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่พันปีจึงจะตั้งครรภ์
หนิงเทียนซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล และบ่อน้ำนมหินนั้นก็เป็สถานที่ที่เขาต้องผ่าน ทว่าหากออกไปตอนนี้เขาก็จะตกเป็เป้าหมายของอสูรสองตัว
เขาจะลอบเข้าไปโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นได้อย่างไร?
หนิงเทียนครุ่นคิดอย่างหนักและรอคอยเกือบทั้งวัน จนกระทั่งมีเสียงคำรามประหลาดดังมาจากเชิงเขา และความหวังอันริบหรี่ก็ปรากฏ
“โหราจารย์มาถึงที่นี่แล้ว!”
หนิงเทียนแอบมีความสุขอย่างเงียบๆ แม้ขอบเขตของหูเถี่ยซินจะไม่สูงนัก แต่คันธนูของเขาเป็อาวุธิญญาสำหรับการโจมตีระยะไกล และพลังของมันก็ค่อนข้างน่าเกรงขาม
เสือดาวเกล็ดหิมะและอินทรีทมิฬต่างััได้ถึงความผันผวนของอาวุธิญญาจื๋อซิว หนิงเทียนจึงอาศัยโอกาสนี้ย่องเข้าหาบ่อน้ำนมหิน
หมอกสีขาวปกคลุมอากาศ ซ่อนเร้นกลิ่นอายสังหาร เดิมทีหนิงเทียนไม่ทราบถึงอันตราย ทว่าเมื่อเขาเข้าไปใกล้เรื่อยๆ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ตื่นขึ้นมาและออกคำเตือน
มีอสูรสองตนคอยดูแลสถานที่แห่งนี้ โดยปกติแล้วบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปได้ ทว่าในวันธรรมดาอสูรทั้งสองตนจะไม่อยู่แถวนี้ ทั้งยังไม่มีิญญาพฤกษาหรืออสูรอื่นเข้ามากล้ำกราย ซึ่งก็หมายความว่าที่แห่งนี้ไร้ซึ่งอันตรายนั่นเอง
หลังจากััได้ถึงกลิ่นอายของบ่อน้ำนมหิน เสาแสงทั้งหกที่หมุนวนในเส้นลมปราณก็โผล่ออกมาจากฝ่าเท้า นำทางหนิงเทียนให้แสวงหาโชคลาภและหลีกเลี่ยงโชคร้ายจนเข้ามาถึงริมบ่อน้ำสีขาวขุ่น
ณ ตีนเขา มีผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาและกำลังต่อสู้กับอสูร
หนิงเทียนถอดเสื้อผ้าแล้วแช่ตัวในบ่อน้ำนมหินิญญาธรณีอย่างเงียบๆ พร้อมเปิดใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์และยุทธศาสตร์ครอง์อย่างบ้าคลั่ง
ทันใดนั้นอินทรีทมิฬก็สังเกตเห็นความผิดปกติจึงส่งกรงเล็บไปสำรวจบริเวณหมอกขาว ค่ายกลข้างบ่อน้ำทำงานทันที มันฉายแสงสีเงินออกมาราวปราณกระบี่ บังคับให้อินทรีทมิฬต้องล่าถอย
พลันเสือดาวเกล็ดหิมะร้องคำราม เหล่าอสูรในูเาก็ตอบสนอง พวกมันได้รับคำสั่งให้รีบมุ่งมาที่เชิงเขา
มีศิษย์จากสำนักั์พฤกษาแปดคน ผู้เดินนำหน้าสวมใส่ชุดเกราะต้นไม้ รอบกายปรากฏเงาไม้ใหญ่เก้าต้น และพลังิญญาก็เปล่งรัศมีอันน่าสะพรึงกลัว
ใต้เงาต้นไม้ใหญ่ด้านหลังคนผู้นี้มีเสาลมควบแน่นปรากฏ มันแผ่พลังแห่งวาโยที่สามารถฉีกกระชากิญญาพฤกษาและอสูรออกเป็ชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โหราจารย์หูเถี่ยซินยืนถือธนูอยู่ไม่ไกล เขากำลังยิงอสูรพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์พี่เหลียน! อสูรบนเขาแห่งนี้ค่อนข้างดุร้าย ถ้าเรายังสู้อย่างหนักหน่วงเช่นนี้ต่อไป เราต้องประสบความสูญเสียเป็แน่!”
เหลียนจิ้นผู้สวมชุดเกราะต้นไม้มองขึ้นไปบนไหล่เขาแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้สึกได้ถึงความผันผวนของพลังิญญาที่รุนแรงตรงจุดนั่น มันช่วยในการบ่มเพาะของข้าได้ เราต้องไปที่นั่น”
ในบรรดาคนทั้งแปด หากไม่นับหูเถี่ยซินและเหลียนจิ้นแล้ว หกคนที่เหลือล้วนอยู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเก้า ซึ่งถือเป็กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักั์พฤกษา
ยามนี้หูเถี่ยซินอยู่ใน่ปลายของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นแปดแล้ว คันธนูไม้ในมือมีพลังการยิงที่น่าทึ่ง และช่วยให้เขาพ้นจากอันตรายมาได้หลายครั้งหลายครา
“เช่นนี้เราก็เสี่ยงโชคด้วยการพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดกันเถอะ!”
ในป่ามีอสูรปรากฏตัวบ่อยครั้ง พวกมันพยายามขัดขวางผู้มาเยือนอย่างเต็มที่ด้วยการเข้าสู้กับยอดฝีมือจากสำนักั์พฤกษา
บนไหล่เขา บ่อน้ำนมหินถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาวซึ่งลอยขึ้นสู่ท้องนภาราวปราณกระบี่ ทั้งยังพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆ
เสือดาวเกล็ดหิมะแผดเสียงคำราม อินทรีทมิฬกรีดร้องโหยหวน อสูรทั้งสองรีบเร่งไปยังบริเวณหมอกขาว ทว่าถูกขวางไว้ด้วยค่ายกล
หนิงเทียนขะมักเขม้นกับการขัดเกลาโดยปราศจากความคิดอื่นใด กายาสุวรรณะนิรันดร์ผ่านการบำเพ็ญรอบที่หกแล้ว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างจากห้าครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็ถ้ำิญญา บ่อน้ำทิพย์ โลหิตบริสุทธิ์ของอสูรร้ายโบราณ หรือการบรรเทาเพลิงผลาญเหมันต์ ล้วนมีผลสืบเนื่องไม่มากก็น้อย แต่น้ำนมหินิญญาธรณีในยามนี้สามารถกำจัดผลสืบเนื่องเ่าั้ออกไปได้
หมอกขาวพลิ้วไหว สองอสูรคำรามลั่น หนิงเทียนบำเพ็ญอยู่นานถึงสามชั่วยาม ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น บ่อน้ำนมหินิญญาธรณีก็ถูกดูดจนแห้งเหือด ค่ายกละเิเป็เสี่ยงๆ เสือดาวเกล็ดหิมะและอินทรีทมิฬก็ถอยไปอย่างรวดเร็วด้วยความใ
เขาดีดตัวออกมาราวกับควันแล้ววิ่งหนีไปโดยที่ก้นยังคงเปลือยเปล่า
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสือดาวเกล็ดหิมะก็พุ่งไปยังบ่อน้ำนมหินิญญาธรณี แต่เมื่อพบว่าบ่อน้ำแห้งเหือดแล้ว มันเปล่งเสียงคำรามที่สั่นะเืห้วงนภาทันที
ััที่ส่งมาจากระยะไกล ทำให้หูเถี่ยซินและเหลียนจิ้นที่ตีนเขาตื่นใไปตามกัน
“อสูรระดับสามขั้นสูง!”
“หนีเร็ว!” เหลียนจิ้นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพียงอสูรระดับสองขั้นสูงตรงหน้าก็ยังยากที่จะรับมือ หากต้องเผชิญกับอสูรระดับสามขั้นสูงนั้นก็ย่อมไม่ต่างจากการส่งแกะเข้าปากเสือ[2]
หนิงเทียนเปิดกำไลหยกหยวนแล้วออกวิ่งพร้อมแต่งตัว อินทรีทมิฬบนฟากฟ้าก็จับจ้องมาที่เขา
“ผู้เฒ่าดำ ก้นเปลือยของข้าไม่น่ามองหรอก ท่านไปหาพวกเขาจะดีกว่า”
อินทรีทมิฬส่งเสียงคำรามพร้อมบินโฉบลงมา หนิงเทียนเห็นดังนั้นจึงร้องเสียงหลงก่อนหอกนาคามรกตจะปรากฏขึ้นในมือ เขาครุ่นคิดในใจว่าใช้เพียงแค่หอกนี้จะสังหารมันได้หรือ?
หลังจากเกิดความคิดนี้ หนิงเทียนก็รู้สึกไม่มั่นใจและล้มเลิกการใช้หอกต่อกรกับมัน
ขณะที่หลบหนี หนิงเทียนก็พบกับหูเถี่ยซินและนึกอิจฉาธนูในมือของเขา
“นั่นคือ?”
ทว่าทันทีที่เห็นเหลียนจิ้น เขาก็ใและรู้สึกถึงวิกฤตที่อธิบายไม่ได้จากร่างของชายผู้นี้
มันเป็สัญชาตญาณจากขอบเขตของเขา ดูเหมือนว่าเหลียนจิ้นจะบรรลุขอบเขตจิตหยั่งลึกเข้าสู่ขอบเขตถัดไปแล้ว
---------------------------------------
[1] ไก่บินสุนัขะโ (鸡飞狗跳) หมายถึง ถูกข่มขู่จนตื่นตระหนก
[2] ส่งแกะเข้าปากเสือ (羊入虎口) หมายถึง เมื่อบุคคลหรือสิ่งของตกอยู่ในมือของบุคคลอันตรายหรือมีปัญญามากกว่าก็ยากที่จะพ้นภัยหรือได้กลับคืนมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้