พวกเขาไม่สนใจว่างานเลี้ยงดำเนินไปถึงไหนหลงเทียนอวี้อุ้มหลินเมิ้งหยาเดินออกไปทางประตูหลังจวน
ชายหนุ่มวางร่างของหลินเมิ้งหยาลงด้วยความระมัดระวังมองดูใบหน้าด้านข้างอันแสนงดงาม หัวใจรู้สึกไม่อยากยินยอมที่จะต้องแยกห่าง
น่าเสียดายตอนนี้เขายังไม่อาจกลับไปได้
“ดูแลพระชายาให้ดีเดินช้าๆ หน่อย หลินขุ๋ย เ้ากลับไปกับพวกเขาเถิดจงพาทุกคนตรงกลับจวนและระวังอย่าทำให้นางใตื่น”
จัดแจงเสร็จเรียบร้อยหลงเทียนอวี้ยืนอยู่ที่เดิม มองดูเกี้ยวของหลินเมิ้งหยาหายลับตาไป
เมื่อเห็นว่านางกลับไปอย่างปลอดภัยหลงเทียนอวี้จึงเบาใจ
ร่างสูงใหญ่หมุนตัวกลับเข้าไปในจวนของไท่จื่อ
หลายวันมานี้หากมิใช่เพราะต้องเข้ามาฟังราชการในวังพระสนมเต๋อเฟยก็มักจะตามตัวเขาไปสนทนาพูดคุย
ทุกครั้งเขาทำได้เพียงแอบเข้าไปมองหน้าของหลินเมิ้งหยาตอนนอนกลางดึกเท่านั้น
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไหร่ที่ชีวิตเขาเต็มไปด้วยเงาของหญิงสาวคนนี้
แม้ว่าในวังหลวงจะมีหญิงงามมากมายทว่า ไม่มีสตรีนางใดที่ทำให้เขาเหลียวแลได้เช่นนาง
ตกลงนี่มันเพราะอะไรกันนะ?
แม้ว่าทุกคนจะแสดงออกว่าเกรงกลัวไท่จื่อ
อีกทั้งเหตุการณ์เมื่อครู่ยังเป็เื่ที่น่าถกเถียงกันอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นก็มิมีใครกล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของพวกเขาก็ยังมิวายชำเลืองมองทางไท่จื่อด้วยแววตาขำขัน
การลอบมีความสัมพันธ์ระว่างเ้านายและคนรับใช้ในเรือนมิใช่เื่แปลกใหม่
แทบจะทุกจวนล้วนมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
แต่มิมีใครเหมือนไท่จื่อเหตุเพราะทุกคนล้วนเห็นว่าเขาถูกสวมเขากันหมด
ฉากนั้นสนุกสนานเสียยิ่งกว่าดูละครเสียอีก
“เ้าบอกว่าจัดการเรียบร้อยหมดแล้วมิใช่หรือ?เหตุใดสถานการณ์จึงพลิกผันเช่นนี้ได้? ”
ไท่จื่อพยายามระงับความโกรธแต่ถึงกระนั้น สายตาของเขายังคงอำมหิตประหนึ่งงูพิษ
ชายารองตู๋กูคิดไม่ถึงเลยว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้
ใบหน้างดงามก้มลงหน้าผากสีขาวนวลเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ไท่จื่อโปรดลงโทษหม่อมฉันด้วยเพคะเฉินเซี่ยไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุการณ์จะพลิกผันเช่นนี้เฉินเซี่ยสั่งให้คนนำตัวอ๋องอวี้ไปไว้ในห้องนั้นแล้วอีกทั้งเฉินเซี่ยยังสั่งให้ลงกลอนห้องนั้นเอาไว้เพื่อมิให้เสียเื่”
ชายารองตู๋กูสบถพึมพำในใจ
มีเพียงขนมยู่ลู่เกิงของหลงเทียนอวี้เท่านั้นที่ถูกใส่ยาสลบเอาไว้
แม้จะมีคนช่วยเขาออกไปได้แต่ฤทธิ์ของยาก็ใช่จะหายไปได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
เหตุใดฮูหยินอันจึงปรากฏตัวที่นั่น?ตกลงเกิดข้อผิดพลาดั้แ่ตรงไหน?
ดวงตางดงามกวาดสายตาไปทั่วทั้งห้องโถงงานเลี้ยง
สายตาหยุดลงบริเวณตำแหน่งที่ว่างเพียงหนึ่งเดียวไม่ว่าจะมองอย่างไร ชายาอวี้ก็น่าสงสัยที่สุด
"เอาล่ะข้าไม่้าคำอธิบายจากเ้า เื่นี้พอแค่นี้ก่อนข้าอยากให้เ้าไปตรวจสอบดูว่ามีใครในจวนได้ติดต่อกับคนน่าสงสัยภายนอกบ้าง”
เขาพยักหน้าลงชายารองตู๋กูก็ปิดปากสนิท
แม้ชายาอวี้จะเป็ผู้แก้ไขสถานการณ์จริงแต่เชื่อว่าจวนแห่งนี้จะต้องมีหนอนบ่อนไส้อยู่อย่างแน่นอน
หากนางไม่อยากสูญเสียความรักและเอ็นดูของไท่จื่อนางจะต้องลากคอคนผู้นั้นออกมาให้จงได้
หลงเทียนอวี้กลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตนเองเพิกเฉยต่อสายตาทิ่มแทงที่มองมาของไท่จื่อ
หากวันนี้เขากลายเป็ผู้แพ้และคนที่นอนอยู่บนเตียงคือตนเองขึ้นมาเื่การถูกบีบให้แต่งงานกับิเยว่นับว่าเป็เพียงเื่เล็กเท่านั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาจะต้องมีรอยด่างพร้อยไปตลอดชีวิต
คิดจะใช้วิธีนี้จัดการเขาไท่จื่อใจร้อนเกินไป
“น้องสามเ้าหายจากอาการเมาแล้วใช่หรือไม่? ”
ไท่จื่อแสร้งเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วงทั้งที่ในใจอยากจะกำจัดเขาคนนี้แทบตาย
“ทูลไท่จื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
หากหลงเทียนอวี้ยังไม่รู้ว่ายาสลบถูกใส่ไว้ในยู่ลู่เกิงนั่นแสดงว่าเขาโง่เกินเยียวยา
“เช่นนั้นก็ดีต่อจากนี้ไปอย่าได้ทำอะไรเกินกำลัง”
ดวงหน้าหล่อเหลากัดฟันเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ไท่จื่อชำเลืองสายตาเ็าไปทางหลงเทียนอวี้ ก่อนจะหันหน้ากลับไม่พูดสิ่งใดอีก
“พ่ะย่ะค่ะเฉินตี้น้อมรับคำชี้แนะจากไท่จื่อ”
ถูกต้องต่อจากนี้ไปเขาจะเลิกใจกว้างและติดกับของไท่จื่ออีกต่อไปแล้ว
บรรยากาศในงานเลี้ยงเป็ไปอย่างน่าอึดอัดไม่นาน ไท่จื่อก็อ้างว่าเหนื่อย ก่อนจะกลับไป
ชายารองตู๋กูอยู่รับแขกเพียงผู้เดียวใบหน้ายิ้มแย้ม ไร้ซึ่งพิษสงใดๆ
ยากกว่างานเลี้ยงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ยังไม่ทันที่ชายารองตู๋กูจะส่งแขกจนหมด นางก็รีบกลับไปยังด้านหลังจวนทันที
ทว่าระหว่างทางที่หลงเทียนอวี้กลับจวนเขาได้ยินแขกที่เพิ่งตื่นจากอาการเมาและออกมาพร้อมกับคนรับใช้ที่ห้องพักหลังจวนเล่าว่าพวกเขาได้เห็นองค์หญิงิเยว่ที่เพิ่งฟื้นจากอาการเมาเหล้าเดินออกมาจากห้องของไท่จื่อ
แววตาชื่นชมปรากฏขึ้นในดวงตาของหลงเทียนอวี้
ดูซิพระชายาของเขายอดเยี่ยมมากขนาดไหน แม้แต่การเอาคืน ก็ทำให้เขาแล้ว
ิเยว่ไท่จื่อ ไม่ว่าจะมีเสียงเล่าลือมากมายขนาดไหนแต่ดูเหมือนทุกเื่เล่าก็ยังไม่ชัดเจน
ผู้ร่วมงานเลี้ยงของไท่จื่อในจวนอวี้มีเพียงสามคนแต่ทว่าคนที่กลับมามีเพียงสองคนเท่านั้น
เวลายามค่ำคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไปรุ่งสางของวันถัดมา ข่าวซุบซิบนินทาเื่ในจวนของไท่จื่อกระฉ่อนไปทั่วทั้งเมือง
หลินเมิ้งหยาที่นอนหลับสนิทตลอดคืนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็อย่างมากนางลุกขึ้นมานั่งกินอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร
“ดูจากรอยยิ้มของท่านหรือว่าท่านเก็บทองได้? ”
หลินเมิ้งหยากัดเสี่ยวหลงเปาหยักยิ้มซุกซนขณะมองหน้าเปื้อนยิ้มของป๋ายจื่อ
“ข้ามิได้เก็บทองได้หรอกแต่ข้าได้ยินมาว่าเมื่อคืนองค์หญิงิเยว่ผู้จิตใจงดงามมิได้กลับจวนทั้งคืน”
ป๋ายจื่อมิรู้เื่ใดๆ ทั้งสิ้น แต่เื่ซุบซิบนินทาในจวน มิเคยเล็ดลอดจากหูของนางไปได้
สบตากับป๋ายจื่อหลินเมิ้งหยาหัวเราะ
นางสั่งให้เอาตัวองค์หญิงิเยว่ไปไว้ในห้องของไท่จื่ออีกทั้งยังจัดแจงเื่ผู้เห็นเหตุการณ์เองกับมือด้วย
ชิงหูมีความสามารถโดดเด่นดังนั้นเขาจึงวางกับดักเล็ก ๆ น้อย ๆให้คนอื่นได้เห็นว่าองค์หญิงิเยว่ออกจากห้องของไท่จื่อทั้งที่เสื้อผ้ายังใส่ไม่เรียบร้อย
ทั้งที่เพิ่งจะถูกนางสนมสวมเขาแต่ไท่จื่อกลับมาเสพสังวาสกับองค์หญิงิเยว่
คราวนี้ไท่จื่อจะได้กลายเป็คนดังแห่งต้าจิ้นของจริง!
“จริงสิ ทางฝั่งพระสนมเต๋อเฟยรู้เื่นี้หรือยัง? ”
หลินเมิ้งหยาหันไปทางป๋ายจีหลังจากกลับจวนมา น้าจิ่นเยว่มักนำข่าวภายในมาบอกผ่านทางป๋ายจีเสมอ จากนั้นป๋ายจีจะส่งข่าวให้นางฟังอีกที
ป๋ายจีรีบพยักหน้าลงหยักยิ้มก่อนจะเอ่ย
“แน่นอนเ้าค่ะพระสนมเต๋อเฟยที่ตื่นแต่เช้าตรู่ได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของพวกสาวใช้โดยบังเอิญ”
น้าจิ่นเยว่เป็คนระมัดระวังนางรู้ว่าเื่ไหนควรพูดเื่ไหนมิควรพูด
ดังนั้นพระสนมเต๋อเฟยจึง “บังเอิญ” ได้ยินเื่นี้เข้า
พระสนมเต๋อเฟยเป็คนรักษากฎระเบียบและธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัดหญิงสาวยังมิออกเรือนแต่ไม่กลับบ้านทั้งคืน อีกทั้งยังเดินดุ่มๆออกจากห้องนอนของชายที่ไม่รู้จัก
เกรงว่าเื่ที่อยากให้องค์หญิงิเยว่เข้ามาเป็ชายารองของหลงเทียนอวี้คงถูกหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้แล้ว
“ดีข้าไม่ได้เข้าไปถวายคำนับหมู่เฟยนานแล้ว ไปกันเถิด พวกเราไปที่ตำหนักหยาเสวียนกัน”
พาสาวใช้ทั้งสี่ออกเดินนานแล้วที่หลินเมิ้งหยามิได้หยักยิ้มมีชัยเช่นนี้
นางเก็บซ่อนความเสียใจเอาไว้ภายในความแค้นของพี่เยว่ถิงจะต้องถูกชำระ
ทาสในจวนล้วนมองทางพระชายาด้วยแววตาสงสัย
มิใช่ว่าพระชายาเสียใจจนหมดอาลัยตายอยากกระนั้นหรือแต่เห็ตุใดจึงออกจากตำหนักหลิวซิน?
ทว่านอกจากรูปร่างที่ผอมลง ร่างกายของพระชายาน่าจะหายดีเป็ปกติแล้ว
ตำหนักหยาเสวียนถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้านทันทีที่หลินเมิ้งหยาเดินผ่านประตูเข้าไป น้าจิ่นเยว่ก็รีบเข้ามาต้อนรับ
“หนู่ปี้ถวายคำนับพระชายา”
แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมิเหมือนเ้านายและสาวใช้ธรรมดา
แต่ถึงกระนั้นจิ่นเยว่ยังคงเจียมตัวอยู่เสมอ
“น้าจิ่นเยว่รีบลุกขึ้นเถิดก่อนหน้านี้ร่างกายของข้าไม่แข็งแรง ดังนั้นจึงมิได้มาถวายคำนับหมู่เฟยเกรงว่าหมู่เฟยคงจะกริ้วข้าแล้ว”
หลินเมิ้งหยาแสดงเพียงความสนิทสนมเล็กน้อยกับจิ่นเยว่
ทั้งสองมิได้แสดงออกมากมายนักอีกทั้งบทสนทนายังปกติธรรมดา
จิ่นเยว่รีบส่ายหน้าส่งเสียงเบา
“เหนียงเหนียงไม่โกรธหรอกเพคะเพียงแค่มีอาการไอเท่านั้นในตอนเช้า”
กว่าพระสนมเต๋อเฟยจะหาชายารองที่เหมาะสมมาได้มิใช่เื่ง่ายเลยทว่าจู่ ๆ ก็เกิดเื่ไม่น่ายินดีเช่นนี้เข้า
เกรงว่าพระสนมเต๋อเฟยจะต้องโกรธแทบตายอย่างแน่นอน
“เมื่อหลายวันก่อนป๋ายจีทำยาแก้ไอด้วยตนเองยาตัวนี้แก้อาการไอได้ชะงัดนัก ป๋ายจี รีบกลับไปนำยานี้มาถวายเถิด”
“เ้าค่ะ”
หลินเมิ้งหยากับจิ่นเยว่สบตากันทั้งคู่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่าย้าจะสื่อ
นี่เป็โอกาสอันดีในการกำจัดองค์หญิงิเยว่
คิดจะเข้ามาแทนที่นางเช่นนั้นนางจะตัดหนทางเดินของิเยว่เอง
กระถางกำยานทองสัมฤทธิ์ทรงกลมมีควันลอยออกมาเล็กน้อย
กลิ่นหอมอ่อนๆ ฟุ้งกระจาย เหมาะกับบรรยากาศเงียบสงบในตำหนักยิ่งนัก
ด้านหลังผ้าม่านรอบเตียงพระสนมเต๋อเฟยบรรทมอยู่บนเตียง
ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะอาการปวดศีรษะ
นางกำนัลที่อยู่ข้างกายนวดท่อนขาเรียวสวยของนางแต่ถึงกระนั้นนางกลับมิรู้สึกผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย
กลิ่นหอมของไม้จันทน์ค่อยๆ หายไป แต่กลับมีกลิ่นหอมเย็นสบายเข้ามาแทนที่
ตอนแรกที่ได้กลิ่นแทบจะไม่รู้สึกอันใดแต่เมื่อยิ่งสูดดม สติสัมปชัญญะกลับยิ่งชัดเจนมากขึ้น
“ออกไปเถิดข้าจะดูแลเหนียงเหนียงเอง”
เสียงอ่อนโยนอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นพระสนมเต๋อเฟยตั้งใจปิดตาสนิท
ฝ่ามือนุ่มนิ่มส่งความรู้สึกอบอุ่นออกมานวดคลึงบริเวณหน้าผากและท้ายทอย
นวดคลึงแก้อาการบริเวณที่เ็ปไม่นานความเ็ปก็จางหายไป
กอปรกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่นานพระสนมเต๋อเฟยก็หลับสนิท
กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็เวลากลางวัน
ลืมตามองไปรอบห้องนอกจากจิ่นเยว่และพวกนางกำนัลแล้ว นางไม่เห็นร่างของหลินเมิ้งหยา
“เหนียงเหนียงตื่นแล้วหรือเพคะ พวกเ้ารีบเข้ามา พยุงเหนียงเหนียงลุกขึ้น”
จิ่นเยว่รีบออกคำสั่งพระสนมเต๋อเฟยมิได้หลับสนิทเช่นนี้นานมากแล้ว ดังนั้นอารมณ์ของนางจึงดีขึ้นมาก
“หย๋าเอ๋อร์เล่า? ”
แม้ิเยว่จะดีขนาดไหนแต่นางก็มิมีความเอาใจใส่ดั่งเช่นหย๋าเอ๋อร์
ทุกครั้งที่เจ็บป่วยหย๋าเอ๋อร์สามารถแก้อาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ของนางได้เสมอ
