จ้าวซีเหอพึมพำในลำคอว่าอ่อ ก่อนจะกลืนอาหารในปากลงคอ วางถ้วยลงบนโต๊ะแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าไปหาใต้เท้าเมิ่งมา เขาบอกว่าเื่นี้อยู่ในอำนาจของใต้เท้าไซกรมพิธีการ ทั้งจัดการได้ยากยิ่ง!”
“ใต้เท้าไซ?” ไม่รู้เพราะเหตุใดหนิงมู่ฉือถึงรู้สึกคุ้นกับชื่อนี้นัก ก่อนที่สมองจะปรากฏภาพคนผู้หนึ่งขึ้นมา นางลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว บิดาของไซพานอันใช่หรือไม่!”
จ้าวซีเหอพยักหน้า เห็นหญิงสาวยิ้ม เขารู้สึกไม่สบอารมณ์ยิ่ง แค่นเสียงในลำคอฮึก่อนจะเอ่ย “หนิงมู่ฉือ เ้าจะทรมานข้าหรือไร อาหารเย็นหมดแล้ว ยังไม่ไปอุ่นร้อนให้ข้าอีก!”
หนิงมู่ฉือรับคำ ก่อนจะเอ่ยขออภัย “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“อย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไปนัก เื่ของแม่ทัพหนิงไม่ใช่เื่ธรรมดาๆ เื่นี้ไม่น่าจัดการได้ง่ายอย่างที่คิด” ประโยคนี้ของจ้าวซีเหอทำให้ใจของหนิงมู่ฉือเหี่ยวเฉาลงทันตา
สีหน้าหนิงมู่ฉือเปลี่ยนไปทันควัน นางเองก็รู้สึกเช่นกันว่าเื่นี้ไม่น่าง่าย นางพยักหน้าก่อนจะนำอาหารไปอุ่นร้อนในหม้อ
หลังจากทานอิ่ม จ้าวซีเหอเดินไปที่ห้องหนังสือ นำข้อมูลเกี่ยวกับใต้เท้าไซออกมาอ่าน ก่อนจะพบความลับเื่หนึ่ง “ที่แท้ตอนเเม่ทัพหนิงยังรับราชการ ใต้เท้าไซเคยร่วมมือกับเฉินอวี้ยื่นฎีกาไม่ไว้ใจเเม่ทัพหนิงถึงสามครั้งเชียวหรือนี่!”
เขายิ้มอย่างเ้าเล่ห์ คาดไม่ถึงเลยว่าท่านอัครมหาเสนาบดีจะสร้างเส้นสายในราชสำนักเอาไว้ไม่น้อย ช่างมีจิตใจที่ทะเยอทะยานนัก!
เขาเก็บเอกสารกลับคืนที่เดิมอย่างดิบดี เดินกลับไปที่ห้อง เขาล้มตัวลงนอน ทว่าทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ
ในสมองปรากฏภาพรอยยิ้มทุกรอยยิ้มและการกระทำทุกการกระทำของหนิงมู่ฉือ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้เขายิ่งหลงใหลในตัวนางมากขึ้น
เช้าวันต่อมาที่จวนเสนาบดี เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นได้ปลุกคนในจวนให้ตื่นขึ้นมา เด็กรับใช้ผู้หนึ่งหาวพร้อมกับเดินไปเปิดประตู แล้วก็ต้องพบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคือจ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือ เด็กรับใช้รีบคุกเข่าทำความเคารพทันที “บ่าวคารวะซื่อจื่อขอรับ!”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้วมองเด็กรับใช้พลางเอ่ยว่า “ยังจะยืนนิ่งอยู่อีก รีบไปรายงานท่านเสนาบดีสิ!”
เด็กรับใช้รับคำก่อนจะรีบวิ่งไปที่เรือนของใต้เท้าไซ
เด็กรับใช้รีบวิ่งไปที่เรือนของใต้เท้าไซ ซึ่งภายในเรือน ใต้เท้าไซกำลังนอนลูบแหวนหยกเล่นอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบนำแหวนหยกเก็บไว้ตามเดิมทันที
ทว่าไม่ทันระวังทำแหวนหยกร่วงลงพื้นก่อนจะกลิ้งไปใต้เตียง ใต้เท้าไซตบเตียงเสียงดังด้วยโทสะ ก่อนจะยกมือตบที่หน้าผากไม่แรงนักพร้อมทั้งอุทานออกมาว่า “ไอ้หยา บรรพบุรุษน้อย เหตุใดถึงร่วงได้เล่า!”
“ใต้เท้าขอรับ บ่าวมีเื่จะรายงานขอรับ!” เด็กรับใช้เคาะประตูพลางเอ่ย
ใต้เท้าไซลุกขึ้นยืนอย่างไม่พอใจ ถอนหายใจก่อนจะบ่น “มีเื่ใดกันแต่เช้า รบกวนคนที่กำลังนอนนัก!” ใต้เท้าไซบ่นขณะเดินไปเปิดประตู
“มีเื่ใด!” ครั้นเห็นว่าเป็เด็กรับใช้ ใต้เท้าไซมีสีหน้าไม่สบอารมณ์
เด็กรับใช้คุกเข่าแล้วโขกศีรษะกับพื้น “ใต้เท้า…ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋อง…มาขอรับ!”
ใต้เท้าไซได้ยินเช่นนั้น สีหน้าใระคนตกตะลึง เคราถึงกับกระดิก นึกว่าไซพานอันบุตรชายของตนเองไปล่วงเกินจ้าวซีเหอเข้า “ซื่อจื่อแห่งตำหนักอ๋องหรือ แย่แล้ว หรือว่าอันเอ๋อร์…”
“ใต้เท้า ซื่อจื่อมีสีหน้าไม่พอใจยิ่งนัก บ่าวเห็นแล้วหวาดกลัวยิ่ง”
“รีบพาซื่อจื่อไปยังห้องโถงใหญ่ประเดี๋ยวนี้ เเล้วก็อย่าลืมนำชาอย่างดีไปต้อนรับด้วย อีกเดี๋ยวข้าจะตามไป” สีหน้าใต้เท้าไซเคร่งขรึม ขณะรีบแต่งเนื้อแต่งตัวแล้วเดินไปยังห้องโถงใหญ่
จ้าวซีเหอและหนิงมู่ฉือถูกพามายังห้องโถงใหญ่ภายในจวนเสนาบดี จ้าวซีเหอมองเด็กรับใช้ยกน้ำชามาต้อนรับด้วยเนื้อตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัว เขาตบโต๊ะเสียงดัง จากนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงไม่เบานัก “ข้าไม่ใช่ผีเสียหน่อย จะกลัวอันใด เหตุใดถึงได้ทำหน้าเช่นนั้น!”
เด็กรับใช้รีบคุกเข่าเอาศีรษะโขกพื้น เอ่ยร้องขอชีวิตไม่หยุด “ขอซื่อจื่ออภัยให้บ่าวด้วยขอรับ!”
เวลานี้เองใต้เท้าไซลูบเคราพร้อมกับหัวเราะขณะเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “ฮ่าๆ วันนี้ซื่อจื่อนึกอย่างไรถึงมาที่จวนเสนาบดีของข้าได้”
จ้าวซีเหอยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “อย่างไรหรือ ท่านเสนาบดีไม่ต้อนรับข้าหรือ”
หนิงมู่ฉือที่นั่งอยู่ด้านข้างลุกขึ้นยืนย่อกายทำความเคารพ “ข้าคาราวะท่านเสนาบดีเ้าค่ะ”
ใต้เท้าไซเห็นหนิงมู่ฉือก็ใยิ่งนัก ตาโตพร้อมกับใช้นิ้วชี้มาที่หนิงมู่ฉือ “เ้า…เ้ากลับมาั้แ่เมื่อใด!”
หนิงมู่ฉือยิ้มตอบ “หลายวันแล้วเ้าค่ะ”
ใต้เท้าไซรับคำในลำคอ ก่อนจะเชิญจ้าวซีเหอไปนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ จากนั้นเดินไปรินน้ำชาจนเต็มแก้วแล้วยกไปวางไว้เบื้องหน้า “ในจวนเสนาบดีของข้าไม่มีของดีของแพงใดไว้ต้อนรับ ขอซื่อจื่อได้โปรดรับน้ำชาธรรมดานี้จากข้าด้วย”
จ้าวซีเหอก้มมองน้ำชาที่ถูกรินจนเต็มแก้ว เขายกยิ้มมุมปากขณะยื่นมือไปรับ แววตาที่มองอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความเป็ศัตรู “ใต้เท้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
ใต้เท้ากรมพิธีการมองจ้าวซีเหออย่างงุนงง ขณะชะงักฝีเท้าที่กำลังจะเดินไปนั่ง “ซื่อจื่อพูดเื่ใดหรือ ข้าฟังไม่เข้าใจเลย”
จ้าวซีเหอวางแก้วชาลงบนโต๊ะอย่างแรง “ท่านเสนาบดีกำลังดูถูกข้าอยู่ ชาควรต้องรินเจ็ดส่วนของแก้ว หากรินแปดส่วนจะถือว่าดูถูกกัน แต่นี่ท่านกลับรินจนเต็มแก้ว!”
ใต้เท้าไซมีสีหน้าใขณะรีบกล่าวอธิบาย “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ขอซื่อจื่ออภัยให้ข้าด้วย!”
“ช่างเถิด ที่ข้ามาวันนี้ไม่ได้มาหาท่าน ข้ากับบุตรชายของท่านนับว่าสนิทกันพอสมควร” จ้าวซีเหอหยิบพัดขึ้นมาคลี่แล้วพัดอย่างคุณชายเ้าสำราญ
ไซพานอันเป็คุณชายเพียงคนเดียวในจวนเสนาบดี ใต้เท้าไซจึงทั้งรักและตามใจยิ่ง แทบจะประคองไว้กลางฝ่ามือ ไม่เคยปล่อยให้บุตรชายได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจหรือความยากลำบากแม้เพียงสักนิด
ใต้เท้าไซมองจ้าวซีเหออย่างกล้าๆ กลัวๆ “ข้าไม่ทราบว่าบุตรชายข้าไปล่วงเกินอะไรท่านเข้า แต่ข้าก็อยากจะขออภัยแทนบุตรชายของข้าด้วย!”
ใต้เท้าไซเอ่ยด้วยตัวสั่นเทา หนิงมู่ฉือเห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมา อดสะท้อนใจไม่ได้ว่า นี่สินะคือความรักของคนเป็บิดามารดา
จ้าวซีเหอยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยแผนการ “ใต้เท้าไม่ต้องเป็กังวล เพียงแต่คราวที่แล้วคุณชายไซช่วยเหลือฉือเอ๋อร์เอาไว้ วันนี้ข้าจึงพานางมาขอบคุณคุณชายไซก็เท่านั้นเอง”
ใต้เท้าไซลอบถอนหายใจก่อนจะยกมือตบหน้าอกตัวเองอย่างโล่งอก ส่งยิ้มอย่างอ่อนน้อมให้จ้าวซีเหอพร้อมกับเอ่ยว่า “ข้าก็นึกว่าบุตรชายผู้ไม่รักดีของข้าไปล่วงเกินท่านเข้า เพียงแค่คิดใจข้าก็ร้อนรนยิ่งนัก ในเมื่อได้ยินเช่นนี้ข้าก็วางใจแล้ว”
จ้าวซีเหอยิ้มก่อนจะยกชาขึ้นจิบ
ใต้เท้าไซหันไปมองเด็กรับใช้ผู้ไม่รู้ความที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างไม่พอใจ ตะคอกใส่อีกฝ่ายว่า “ยังไม่รีบไปตามคุณชายมาพบซื่อจื่ออีก มัวแต่ยืนนิ่งอยู่นั่นแหละ!”
เด็กรับใช้โค้งกายขณะเอ่ยรับคำ “ขอรับ…ใต้เท้า” จากนั้นหมุนตัวรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ไซพานอันในตอนนี้กำลังแข่งนกอยู่ นกในกรงส่งเสียงร้องไม่หยุด เห็นนกไม่ยอมเชื่อฟังตัวเองก็โมโหยิ่งนัก ใบหน้าฉายแววขุ่นเคืองก่อนจะหยิบกิ่งไม้กิ่งเล็กๆ จากข้างตัวตีไปที่นกที่อยู่ในกรง “ผู้ใดใช้ให้เ้าไม่ยอมฟังคำสั่งข้า!”