ยามเช้าตรู่ เหยาเชียนเชียนถูกรบกวนด้วยเสียงดังจากข้างนอกจนตื่น ในอ้อมกอดไร้เงาร่างเล็กๆ ร่างนั้นแล้ว นางลงจากเตียงด้วยความกังวล เมื่อค้นหาจนทั่วแล้วไม่เจอตัวจึงตั้งใจจะออกไปหาข้างนอก
“ถวายบังคมเพคะหวังเฟย” ภายในเรือนมีคนยืนเรียงกันสองแถวอย่างเป็ระเบียบ ในมือถือสิ่งของไว้ มีั้แ่เสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับ ไปจนถึงอาหารและข้าวของเครื่องใช้ มีครบทุกอย่าง
“นี่มันอะไรกัน?”
เหยาเชียนเชียนมองไปที่ทุกคนอย่างสงสัย ไม่รอให้นางถามอย่างละเอียด สาวใช้ก็นำสิ่งของมาจัดเรียงในห้องของนางตามลำดับอย่างเป็ระเบียบ สาวใช้าุโซึ่งเป็ผู้ดูแลแย้มยิ้มจนเผยให้เห็นริ้วรอย
“หวังเฟย ของเหล่านี้เป็สิ่งที่ท่านอ๋องพระราชทานให้พระองค์ เป็ของดีๆ ทั้งนั้นเลยนะเพคะ”สาวใช้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “บางทีท่านอ๋องอาจจะทรงโปรดปรานหวังเฟย จึงได้พระราชทานสิ่งของเหล่านี้ให้เพื่อเอาใจหวังเฟยเพคะ”
ไม่ใช่เป็เพียงการเอาใจเฉยๆ หรอก เมื่อลองดูสิ่งของในนั้นแล้ว มีทั้งเครื่องลายครามเคลือบทองและหยก และยังมีลูกตะกร้อแพรปัก [1] พันด้ายทองอีกด้วย ท่านอ๋องกำลังโอ๋หวังเฟยราวกับเด็กเสียด้วยซ้ำ
คืนอภิเษกสมรสยังเกือบจะไม่มีชีวิตรอด ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะสามารถทำให้ท่านอ๋องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อนางได้ หวังเฟยผู้นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้วพลางพินิจมองสิ่งของเ่าั้ นางคือคนที่มึนงงที่สุดในเวลานี้
เมื่อวานนางถูกชิงผิงอ๋องจับได้ว่าลอบพบกับองค์ชายสาม เขาไม่ฆ่านางอีกทั้งยังไม่เดือดดาล วันต่อมาก็ยังให้คนนำสิ่งของมากมายเหล่านี้มาให้นางอีก
หรือว่าเขาชอบการถูกสวมเขาหรือ?
เอ๊ะ...
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้าอย่างนึกรังเกียจ นางขยับสิ่งของเ่าั้เล็กน้อย บางชิ้นละเอียดงดงาม บางชิ้นก็เรียบง่ายตามรูปแบบสมัยโบราณ ทว่าทุกชิ้นล้วนมีมูลค่าไม่ธรรมดา หากนำไปแลกเป็ธนบัตร มันจะได้ปึกหนาขนาดไหนกันเชียว!
“รับมา รับมาให้หมด” นางสั่งเหล่าบ่าวไพร่ “ท่านอ๋องเล่า ข้าจะไปกล่าวขอบคุณด้วยตัวเอง”
ในเมื่อรับของมากมายมาจากเขาด้วยอารมณ์และเหตุผลแล้ว หรือหลังจากเกือบจะไปสวมเขาให้อีกฝ่ายเข้า เหยาเชียนเชียนคิดว่านางต้องไปเอาอกเอาใจท่านเทพผู้นี้อย่างดีสักหน่อย
หญิงสาวไปที่ห้องเครื่องและขลุกตัวอยู่ในนั้นครึ่งวัน นางงัดฝีมือที่มีทั้งหมดออกมาเพื่อทำอาหารสองจาน ช่วยไม่ได้ ชาติก่อนนางก็อาศัยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประทังชีวิตเช่นกัน
เหยาเชียนเชียนยกอาหารไปยังห้องหนังสืออย่างระมัดระวัง นางมององครักษ์ที่อยู่หน้าห้องหนังสือเล็กน้อย พลางสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างอดไม่ได้ การประจบครั้งนี้ต้องทำให้ดี มิเช่นนั้นต้องถูกม้าเตะตกรางน้ำแน่
“อ้าว ข้าก็คิดว่าผู้ใดมาทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ที่นี่ ที่แท้ก็เป็หวังเฟยนี่เอง”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์เดินนวยนาดเข้ามา สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังถือสิ่งของอย่างหนึ่ง ดูท่าคงจะนำมามอบให้ชิงผิงอ๋องเช่นกัน
“ครั้งก่อนข้าก็สอนกฎระเบียบให้เ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ?” เหยาเชียนเชียนยกยิ้มมุมปาก “พบหวังเฟยแล้วยังไม่ทำความเคารพอีก แค่ข้าเอ่ยปากก็สามารถจัดการพวกเ้าได้แล้ว”
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ขบกราม ก่อนจะยอบกายลงเป็การแสดงความเคารพต่อนาง
ไม่รู้ว่าสองสามวันมานี้นางทำมนตร์ใดใส่ท่านอ๋อง ถึงทำให้ท่านอ๋องรับสั่งข้าหลวงั้แ่เช้าตรู่ ทรงคัดเลือกสมบัติล้ำค่าในคลังส่วนพระองค์อย่างพิถีพิถัน และให้คนนำไปมอบที่เรือนของนาง
หลิ่วเหมยเอ๋อร์ประเมินเหยาเชียนเชียนผิดไป นางหยัดกายขึ้นอย่างไม่พอใจ และเหลือบมองอาหารในมือเหยาเชียนเชียนพลางยิ้มเย็นในใจ
ไม่ปล่อยโอกาสประจบไปสักครั้งเลยจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่นางสามารถโน้มน้าวท่านอ๋องให้วอนขอฮ่องเต้ให้พระราชทานสมรสได้ และใน่เวลาสั้นๆ ก็สามารถทำให้เสี่ยวซื่อจื่อพึ่งพานางได้ สตรีผู้นี้ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน [2] จริงๆ
“ั้แ่เช้ามาก็ได้ยินว่าท่านอ๋องพระราชทานสิ่งของให้หวังเฟยไม่น้อย นึกย้อนไปถึงยามที่หวังเฟยถูกทิ้งในคืนอภิเษกสมรส ราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน” หลิ่วเหมยเอ๋อร์เดินรอบตัวเหยาเชียนเชียนสองรอบ และส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
“หวังเฟยช่างเ้าแผนการนัก สามารถทำให้ท่านอ๋องไม่นึกรังเกียจได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ข้าขอเตือนหวังเฟยสักประโยค ท่านอ๋องเป็ผู้ที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญมากที่สุด หากฝ่าาทรงรู้ว่าท่านอ๋องหมกมุ่นในสตรี เกรงว่าจะคาดโทษท่านอ๋องเอาได้ และยิ่งจะกล่าวโทษหวังเฟยอีกด้วย จิ้งจอกเ้าเล่ห์!”
เหยาเชียนเชียนขมวดคิ้ว น้ำลายของสตรีผู้นี้เกือบจะกระเด็นใส่ใบหน้าของนางอยู่แล้ว เห็นของขวัญที่ชิงผิงอ๋องมอบให้นางก็ราวกับไก่ตาดำ [3] รีบกุลีกุจอมาโวยวายถึงที่นี่
หากฮ่องเต้กลัวว่านางจะส่งผลกระทบต่อชิงผิงอ๋องจริงก็คงไม่ทรงเห็นด้วยกับการอภิเษกสมรสครั้งนี้ั้แ่แรก ยิ่งไปกว่านั้น จวนแห่งนี้แข็งแกร่งราวกับถังเหล็ก ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นมทรยศเช่นนั้น ข่าวที่นางถูกลงโทษคงไม่แพร่ออกไป
ฮ่องเต้ผู้ซึ่งประทับในพระราชวังอันห่างไกลมีพระชนมายุมากแล้ว อาจจะไม่ทรงทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของนางภายในจวนแห่งนี้ เช่นนั้นแล้วพระองค์จะทรงไม่พอพระทัยนางได้อย่างไร
เหยาเชียนเชียนขยับกำไลบนข้อมือที่ตั้งใจเลือกมาเบาๆ นั่นเพื่อทำให้ชิงผิงอ๋องดีใจ นางจึงตั้งใจสวมมันมาโดยเฉพาะ เป็กำไลหยกที่สวยที่สุดในบรรดาของขวัญที่เขาพระราชทานมาให้ทั้งหมด
“แม้จะบอกว่าปรนนิบัติท่านอ๋องเหมือนกัน แต่บางครั้งก็จำเป็ต้องยอมรับในชะตากรรมเสียบ้าง” นางป้องปากหัวเราะเบาๆ “ั้แ่ข้าเข้าจวนมาก็ได้เป็หวังเฟยแล้ว แต่บางคนอยู่ข้างกายท่านอ๋องมานานเหลือเกิน แต่ยังเป็ได้เพียงอี๋เหนียง เกรงว่าต่อให้รอจนแก่ตัวเป็ไข่มุกเหลือง [4] ก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
เหยาเชียนเชียนจัดเครื่องประดับไข่มุกบนศีรษะเล็กน้อย แม้ว่าจะไม่อยากใช้วิธีหยาบคายเช่นนี้มาโอ้อวดตนเอง แต่สำหรับหลิ่วเหมยเอ๋อร์ผู้นี้ วิธีนี้กลับเห็นผลมากที่สุด
“อัญมณีที่ประดับบนร่างกายนั้นไม่ใช่ของที่ผู้ใดก็สามารถมีได้หรือ จิ้งจอกเ้าเล่ห์เอ๋ย นั่นก็ต้องดูสักหน่อยว่าตนมีสิทธิ์นั้นหรือไม่”
หญิงสาวยืดอก พลางก้าวย่างอย่างสุภาพเรียบร้อยและเกาะประตูห้องหนังสืออย่างหนักแน่น นางหันไปมองหน้าเขียวปั้ดของหลิ่วเหมยเอ๋อร์พลางยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
“เ้ากลับไปเถิด ถ้าท่านอ๋องเสวยเสร็จแล้ว ข้าจะทูลพระองค์ให้ว่าเ้ามาที่นี่”
พูดจบก็ใช้เท้าเตะประตูให้ปิดลง เหลือเพียงหลิ่วเหมยเอ๋อร์ที่ยืนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ข้างนอก นางหันกลับไปตบหน้าสาวใช้ฉาดหนึ่ง ก่อนจะฟึดฟัดจากไป
เหยาเชียนเชียนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไปจากข้างนอกแล้วจึงยิ้มเย้ยหยัน เื่การวางท่าใช้อำนาจข่มเหงรังแกผู้อื่นเช่นนี้ นางไม่เคยแพ้ผู้ใดแม้แต่ครั้งเดียว
เป่ยเหลียนโม่ที่ฟังเหตุการณ์อย่างเงียบๆ อยู่ข้างในรู้สึกจนใจไม่น้อย เหตุใดยามนั้นเขาจึงได้มอบของขวัญให้นางมากถึงเพียงนั้น เป็เพราะหนูผ้าน่าเกลียดตัวนั้นหรือ?
แม้เพียงครึ่งเหรียญทองแดงก็ไม่คู่ควร แต่กลับได้แลกกับสมบัติมากมายในคลังของเขา
“ท่านอ๋อง?”
เหยาเชียนเชียนโผล่ศีรษะเล็กๆ ออกไป และยกอาหารเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เช้านี้คาดว่าท่านอ๋องคงยังไม่ได้เสวยสำรับเช้าใช่หรือไม่เพคะ หม่อมฉันทำอาหารมาสองอย่าง อยากให้ท่านอ๋องลองชิมดู”
เป่ยเหลียนโม่พับเก็บตำราตรงหน้า ก่อนจะเปิดอีกเล่มหนึ่ง
“หวังเฟยนอนหลับจนตะวันโด่งฟ้าทุกวัน เปิ่นหวังเสวยสำรับเช้าไปั้แ่หนึ่งชั่วยามที่แล้ว”
รอยยิ้มของเหยาเชียนเชียนค้างอยู่ตรงมุมปาก วันๆ นางไม่มีอะไรทำ ไม่ง่ายเลยที่นางจะรู้สึกว่าชีวิตน้อยๆ ของนางปลอดภัยขึ้นมาสักนิด นอนเยอะหน่อยก็ต้องถูกเขาเหน็บแนม
“เมื่อครู่หลิ่วอี๋เหนียงเพิ่งนำอาหารมาถวายแด่ท่านอ๋องเช่นกันเพคะ” นางพึมพำ “ท่านอ๋องคงไม่อยากเสวยอาหารที่หม่อมฉันทำ ก็เลยจงใจหาข้ออ้างกระมัง”
เป่ยเหลียนโม่ลุกขึ้นยืนและก้าวช้าๆ เข้าไปหยุดข้างๆ นางแล้วโน้มตัวเล็กน้อย เขานึกถึงเหตุการณ์ที่นางทั้งจูบทั้งกอดแมวดำแล้วก็อดรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาไม่ได้
“ที่นางนำมาถวายคือน้ำแกงหวาน และนางนำมาถวายทุกวัน แต่วันนี้หวังเฟยบังเอิญพบนาง อีกทั้งยังให้นางนำน้ำแกงหวานของเปิ่นหวังกลับไป”
กินน้ำแกงหวานั้แ่เช้าไม่เลี่ยนหรืออย่างไร?
เหยาเชียนเชียนเม้มปาก พอถูกเขามองด้วยสายตากดดันเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกผิดไม่น้อย นางจึงยกกับข้าวของตนขึ้นมาช้าๆ พยายามบังจากสายตาของอีกฝ่าย
“เมื่อวานท่านอ๋องได้รับาเ็ ที่หม่อมฉันทำมาล้วนเป็อาหารเสริมบำรุงเื แต่หากท่านอ๋องทรงโปรดน้ำแกงหวานชามนั้น หม่อมฉันก็สามารถต้มให้ท่านอ๋องทุกวันได้เพคะ”
นางโผล่ศีรษะเล็กออกมาจากหลังถาดครึ่งหนึ่งพลางยิ้มประจบ
“ท่านอ๋องคิดเห็นอย่างไรเพคะ”
“ไม่อย่างไร”
เป่ยเหลียนโม่หมุนตัวกลับไปหลังโต๊ะทรงอักษร สายตาเหลือบมองไปยังแผ่นภาพม้วนหนึ่งบนโต๊ะ เขาคลี่มันออกอย่างสบายๆ และวางมันบนโต๊ะ ซึ่งเป็ตำแหน่งที่เหยาเชียนเชียนมองเห็นได้พอดีเมื่อก้มหน้าลง
“เปิ่นหวังไม่ชอบเสวยน้ำแกงหวาน นางอยากถวายก็ปล่อยให้ถวายไป แต่หากหวังเฟยอยากตอบแทนเปิ่นหวัง เช่นนั้นก็เวียนมาเข้าเฝ้าและปรนนิบัติตอนเช้ากับตอนพลบค่ำทุกวันเป็พอ อาเหยียนตื่นมาก็จะได้ไม่ต้องร้องหาแม่ทุกวัน”
เช่นนั้นก็ให้ลูกมาอยู่กับนางสิ แต่ทำเช่นนั้นเขาก็ไม่พอใจอีก
เหยาเชียนเชียนตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าต่อไปนางจะตื่นแต่เช้าตรู่ และเวียนมาเข้าเฝ้าท่านอ๋องทุกวัน
หญิงสาวพินิจมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเงาร่างเล็กที่คุ้นเคย จึงรู้สึกกังวลและถามอย่างระวังว่า “ท่านอ๋อง วันนี้ไม่เห็นสัตว์เลี้ยงของพระองค์เลยหรือเพคะ?”
เป่ยเหลียนโม่ยืนนิ่งไม่ตอบสนองอยู่ชั่วครู่ เขามีสัตว์เลี้ยงั้แ่เมื่อใด
“หม่อมฉันเห็นมันอยู่กับอาเหยียนเมื่อวาน เป็แมวดำที่สวยงามมากเลยเพคะ” เหยาเชียนเชียนชมเชยจากใจจริง “สีขนและรูปร่างเช่นนั้น เกรงว่าทั่วทั้งเป่ยจิ้งก็คงหาแมวเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว สมกับเป็สัตว์เลี้ยงของท่านอ๋อง ช่างพิเศษจริงๆ เพคะ”
สายตาซับซ้อนของเป่ยเหลียนโม่มองนางยกนิ้วโป้งขึ้นมา เื่เมื่อวานไม่ต้องพูดถึงก็ได้ แต่ในเมื่อนางพูดขึ้นมาเองเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็ขอคิดดอกเบี้ยก่อนแล้วกัน
“ในเมื่อหวังเฟยเคยเห็นแมวดำตัวนั้นแล้ว มิสู้เย็บรังแมวให้มันสักชิ้นสิ”
ให้นางเย็บ...เย็บอะไรนะ?
เหยาเชียนเชียนเบิกตากว้าง นางในยามเด็กก็เคยเย็บกระสอบทรายอยู่บ้าง เมื่อโยนไปโยนมาก็ไม่มีคนสนใจว่ามันจะสวยหรือน่าเกลียด แต่นี่จะให้นางเย็บรังแมว ระดับความยากไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?
“ได้ยินมานานแล้วว่าฝีมือเย็บปักของหวังเฟยดีที่สุดในนครหลวง” เป่ยเหลียนโม่กระตุกมุมปาก “แมวดำตัวนั้นของเปิ่นหวังช่างเลือกเหลือเกิน ดังนั้นจึงไม่ค่อยพบเห็นมันได้บ่อยนัก เพราะมันไม่ชอบรังเล็กในยามนี้ แต่หากเพิ่มงานฝีมือของหวังเฟยเข้าไป บางทีมันอาจจะไม่ออกไปวิ่งพล่านแล้ว”
หวังเฟยผู้สูงส่งเย็บรังให้แมว หากข่าวนี้แพร่ออกไปก็เพียงพอให้เ้าตัวชนกำแพงสองครั้ง
ทว่าเดิมทีเหยาเชียนเชียนก็ไม่ได้สนใจเจตนาที่ตั้งใจจะมอบความลำบากใจแก่นางของเป่ยเหลียนโม่อยู่แล้ว นางไม่ใช่คุณหนูทองพันชั่งที่ถูกตามใจั้แ่ยังเล็ก เพราะฉะนั้นทำงานฝีมือเล็กน้อยให้สัตว์เลี้ยงนั้นจึงเป็เื่ที่ปกติมาก
เพียงแต่ฝีมือเย็บปักของนาง...
“ท่านอ๋องเสวยอาหารก่อนเถิดเพคะ” หญิงสาวแย้มยิ้มและกวาดสายตาไปยังภาพที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็วางอาหารในมือลงไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แผนที่จัดวางกำลังป้องกันนครหลวงอันเป็ของรักและทะนุถนอมที่ทำจากหนังถูกนางใช้เป็ผ้าปูรองเพื่อกันไม่ให้น้ำแกงหกเลอะโต๊ะไปเสียแล้ว
“เ้า” เป่ยเหลียนโม่อ้าปาก หลังจากเห็นแววตาสงสัยของนางจึงกลืนคำพูดที่ติดอยู่ที่ปากลงไป “ไม่มีอะไร ออกไปเถิด”
นางเตรียมคำพูดมงคลไว้มากมาย ผลคือยังไม่ทันอ้าปากก็ถูกไล่ออกมาเสียแล้ว เหยาเชียนเชียนเบ้ปาก เอาอกเอาใจยากเสียจริง ไปหาอาเหยียนดีกว่า จะได้ถือโอกาสถามเขาด้วยว่าเห็นแมวดำตัวนั้นหรือไม่
แล้วก็ลองถามด้วยว่ารังแมวนั้นสามารถเล่นแง่ได้หรือไม่
กลางห้องหนังสืออันเงียบวิเวก องครักษ์เงายืนอยู่ฝั่งซ้ายของโต๊ะทรงอักษร เป่ยเหลียนโม่ม้วนเก็บแผนที่จัดวางกำลังป้องกันนครหลวงและเก็บมันกลับไปในช่องลับอีกครั้ง
“นางไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ แม้แต่น้อย”
“นายท่าน หวังเฟยอาจจะไม่รู้เื่นักฆ่าเมื่อวานก็ได้ขอรับ” องครักษ์เงาเอ่ยอย่างลังเล “แผนที่จัดวางกำลังป้องกันนครหลวงผืนนี้ไม่มีร่องรอยการถูกเคลื่อนย้าย เื่เมื่อวานอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับหวังเฟย”
มีนักฆ่าลักลอบเข้ามาในเขตจัดวางกำลังป้องกันนครหลวง หากเป่ยเหลียนโม่ไม่ได้ไปพบได้ทันเวลา เกรงว่าดาบนั้นคงปลิดชีวิตของฮ่องเต้ไปแล้ว เขาควบตำแหน่งองครักษ์ป้องกันนครหลวง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ตำแหน่งฉู่จวิน [5] ยังรอการสืบทอด โชคดีที่ฮ่องเต้ยังแข็งแรงดี ไม่เช่นนั้นต่อให้เขามีร้อยปากก็คงไม่สามารถอธิบายได้
“หวังว่าเื่นี้จะไม่เกี่ยวพันกับนาง หากสืบพบเบาะแสแม้เพียงเล็กน้อย เปิ่นหวังไม่ปล่อยไปแน่”
เชิงอรรถ
[1] ลูกตะกร้อแพรปัก หรือ ลูกบอลแพรปัก หมายถึง ลูกกลมที่ทำมาจากผ้าไหมประเภทหนึ่ง จัดเป็สัญลักษณ์มงคลชนิดหนึ่งของจีน
[2] ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน เป็สำนวนเปรียบเทียบกับคนที่เื่มาก และมักสร้างความวุ่นวายให้คนอื่นเสมอ
[3] ไก่ตาดำ เป็สำนวนเปรียบเทียบถึงคนที่เกลียดกัน
[4] แก่ตัวเป็ไข่มุกเหลือง เป็สำนวนสื่อว่าสตรีเมื่อแก่ตัวไปก็เหมือนกับไข่มุกที่เริ่มเหลือง ไม่งดงาม ไม่มีค่าเช่นแต่ก่อน
[5] ฉู่จวิน หมายถึง มกุฎราชกุมาร หรือ ว่าที่กษัตริย์
