“อร่อยอร่อยจริงๆ กินแบบนี้ถึงจะเรียกว่ากิน” อาเหมิ่งต๋าเอากุ้งตัวโตใส่ปากอีกตัวหนึ่งกินอย่างเอร็ดอร่อย
เพราะเื่ที่เกิดขึ้นในค่ายทหารเช้าวันนี้ทำให้อาเหมิ่งต๋าซึ่งรับผิดชอบเื่ป้องกันเมืองรีบรุดมาที่ค่ายทหารในทันทีเมื่อเขารู้ว่าหั่วอี้เพียงมาทำการฝึกนอกกำหนดการเท่านั้น จึงวางความตึงเครียดในใจลงได้
พอสบายใจ อาเหมิ่งต๋าก็ลากหั่วอี้มาที่เหลาสุรา บอกว่าพี่น้องสองคนมิได้หาความสำราญด้วยกันมานานแล้วหั่วอี้ไม่ได้กินน้ำแม้สักหยดั้แ่เมื่อคืนจนยามนี้จึงคล้อยตามอาเหมิ่งต๋าได้อย่างง่ายดาย
มาถึงเหลาสุราอาเหมิ่งต๋าก็สั่งกุ้งเมาสองจานใหญ่ประหนึ่งเป็การแก้แค้นครานี้ไม่มีองค์หญิงคอยแย่งอยู่ข้างๆ เขาจึงตะกรุมตะกรามยกใหญ่อย่างพึงพอใจนัก
แต่อาเหมิ่งต๋าไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาสั่งกุ้งเมาสองจานนี้กลับไปสะกิดความทรงจำของหั่วอี้เข้า ครั้งนั้นหลิ่วจิ้งยิ้มหวานสดใสกินกุ้งที่หั่วอี้แกะเสร็จแล้วจากมือเขาตัวแล้วตัวเล่าเพราะ้าแกล้งอาเหมิ่งต๋า นางกินจนอาเหมิ่งต๋าร่ำร้องอย่างเ็ปอยู่ในใจ
ภาพหวานชื่นนั้นยังคงปรากฏอยู่ในดวงตายามนี้คนดีกลับกลายเป็คู่แค้นแล้วจะไม่ให้หั่วอี้ร้อนรุ่มเป็ไฟสุมทรวงได้อย่างไร
เขาไม่มีแก่ใจกินดื่มต่อไปอีกจึงวางตะเกียบลง
ความผิดปกติของหั่วอี้ล้วนอยู่ในสายตาของอาเหมิ่งต๋าพวกเขามาด้วยกันแต่กลับมีคนกินอยู่คนเดียว จะให้อาเหมิ่งต๋ากินลงได้อย่างไรเขาจึงวางตะเกียบลงด้วย
“พี่ใหญ่ มีความในใจหรือ? บอกมาให้ฟังได้หรือไม่” แม้อาเหมิ่งต๋าจะเป็คนหยาบกระด้างแต่เขาก็ไม่ได้โง่ หั่วอี้ผิดปกติไปจากเดิมชัดเจนขนาดนี้หากเขายังมองไม่ออกก็โง่เต็มทนแล้ว
“เ้าว่าพวกสตรีคิดสิ่งใดอยู่ในใจ มีที่อาศัย ของกินดื่มไม่ขาดเหลือได้สวมอาภรณ์ชั้นเลิศ แต่เหตุใดพวกนางยังมักก่อเื่ราวกับ้าทำให้คนวุ่นวายใจอีกเล่า?” คล้ายว่าหั่วอี้กำลังรำพึงกับตนเองแต่ก็คล้ายว่ากำลังพูดให้อาเหมิ่งต๋าฟังด้วย
“เชอะ พี่ใหญ่ ข้าก็หลงนึกว่าท่านกังวลหนักด้วยเื่บ้านเมืองที่แท้ก็เพราะเื่สตรีหรอกหรือ น้องชายถูกสตรีพวกนี้ทำให้รำคาญแทบตายมานานแล้วเห็นหรือไม่จึงไม่ให้มีสตรีมาอยู่ประจำในจวนอีกต่อไปตั้งหลายปีมานี้ข้ามีชีวิตสุขสบายนัก พี่ใหญ่ไยท่านไม่เอาอย่างน้องชาย สตรีในจวนนั้นเอาไว้ชมเล่นเช่นที่น้องชายทำเป็พอแล้ว อย่าริอาจมีใจให้เด็ดขาดเมื่อเป็ดังนี้ก็ไม่ต้องเดือดร้อนรำคาญใจแล้ว”
อาเหมิ่งต๋าเอ่ยอย่างผ่อนคลาย เขานึกว่าตนออกความคิดดีๆ ให้หั่วอี้แต่กลับได้สายตาที่มีความหมายอื่นจากหั่วอี้กลับมาแทน
“อาเหมิ่งต๋าพี่ใหญ่คิดว่าวันหน้าเ้ามีบุรุษเอาไว้ปรนนิบัติเ้าเป็พอแล้ว” หั่วอี้พูดจบก็ลุกขึ้นจากไปทันที
“ปัดโธ่ ปัดโธ่ พี่ใหญ่ ท่านจะไปไหน?”
“ข้าจะไปหาสตรี เ้าจะมาด้วยหรือไม่”เท้าของหั่วอี้กลับไม่หยุดรั้งรอเขา
อาเหมิ่งต๋าหน้าแดงเถือก ละล่ำละลักว่า “พี่ใหญ่ท่านนับเป็สุภาพชนเสียจริง กลางวันแสกๆ เช่นนี้จะไปหอนางโลมพี่ใหญ่ท่านไปผู้เดียวเถิด ข้าอยู่กินกุ้งที่นี่ดีกว่า”
เสียงดังของอาเหมิ่งต๋าลอยมาแต่ไกลหั่วอี้ได้ยินแล้วใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว อาเหมิ่งต๋าล้อเล่นส่งเดชไม่รู้หรือไรว่าในเหลาสุรานี้มีคนไปมามากมาย?
หั่วอี้รีบเดินจากไป เขาก้าวไปอย่างไร้จุดหมายโดยไม่หันหน้ากลับจนออกไปไกลจากเหลาสุราจึงหยุดเท้าเดิน
เป็อีกหนหนึ่งที่เขาไม่มีที่จะไป หั่วอี้ยืนอยู่บนถนนกลางเมืองมองผู้คนสัญจรไปมาจู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรไปที่ใด เป็ครั้งแรกที่เขาไม่อยากกลับไปที่จวนแม่ทัพของตนเื่นานาที่เกิดในจวน ไม่มีสักเื่ที่ทำให้เขาสบายใจ
“พี่อี้” น้ำเสียงที่ทั้งตื่นเต้นทั้งยินดีดังเข้ามาในหูเขา นี่คือ?
หั่วอี้หันหน้ากลับมา ช้อนตาขึ้นก็เห็นจื่ออิงยืนมองห่างออกไปสิบก้าวท่าทีนางดูซุกซนและตื่นเต้นยินดี
บ้านของหั่วอี้และจื่ออิงติดต่อคบค้ากันมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาทั้งสองเติบโตมาด้วยกันแต่เล็กหั่วอี้นึกว่าเขาจะแต่งจื่ออิงเป็ภรรยาเอกเข้าจวนแต่จนใจที่เมื่อจื่ออิงรู้ว่าเขามีนางจ้าว นางก็ไม่ยอมลดราวาศอกบอกให้เขาไล่นางจ้าวไป นางจึงจะยอมเข้าจวน
หั่วอี้ย่อมไม่อาจตอบรับภายหลังเมื่อสตรีของเขาเข้าจวนมาคนแล้วคนเล่าเขาก็ทะเลาะกับจื่ออิงอยู่ทุกสามวันห้าวัน ยามจื่ออิงอารมณ์ดีก็จะเป็เช่นในยามนี้พวกเขาจะพบปะพูดคุยกันราวกับไม่เคยมีเื่ใดเกิดขึ้นเหมือนสมัยพวกเขายังเด็ก
หั่วอี้ไม่เคยเข้าใจจิตใจของจื่ออิงเลยเขาไม่อาจยอมรับข้อเสนอของจื่ออิงว่าให้ในจวนมีเพียงนางผู้เดียวจื่ออิงย่อมไม่พอใจ แต่นี่ก็หลายปีผ่านไปแล้ว จื่ออิงก็ยังไม่แต่งงานกับผู้ใดแต่พอพบเขาก็จะต้องบีบให้เขาไล่สตรีของเขาออกจากจวน
“จื่ออิงมาั้แ่เมื่อใด” หั่วอี้เก็บความทรงจำของเขากลับไป พลางเดินเข้าไปหาจื่ออิง
“แล้วเหตุใดพี่อี้จึงมาอยู่ที่นี่ผู้เดียว”อย่าบอกว่าหั่วอี้สงสัยดีกว่า เพราะจื่ออิงต่างหากที่ไม่เข้าใจเขาสตรีชอบเดินซื้อของก็เป็นิสัยของสตรีอยู่แล้วแต่หั่วอี้เป็ชายชาตรีผู้หนึ่งมาปรากฏตัวอยู่กลางเมืองแล้วจะไม่ให้นางเกิดความสงสัยได้อย่างไร?
“เมื่อครู่ข้าไปกินข้าวกับอาเหมิ่งต๋าที่เหลาสุรา ข้ากินอิ่มก่อนไม่ชอบเสียงเอะอะในเหลาสุรา จึงออกมาเดินเล่นก่อน”หั่วอี้รู้สึกว่าตนตอบไปอย่างมีเหตุมีผล แต่จื่ออิงกลับฟังแล้วขมวดคิ้ว เท็จเท็จยิ่งนัก ต้องมีเื่ใดแน่ๆ
จื่ออิงตอบไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบเฉย “นี่ก็มิใช่ว่าจวนจะถึงวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าแล้วหรือเ้าคะจื่ออิงยังไม่รู้ว่าควรเลือกของกำนัลใดไปไหว้อวยพรดีจึงลองมาเดินในตลาดไปเรื่อยเปื่อย ดูว่าจะมีแรงบันดาลใจใดขึ้นมาบ้างหรือไม่”
“จื่ออิงมีน้ำใจแล้ว เ้าเพิ่งออกมาหรือว่าเดินดูสักพักแล้วเล่าได้ความคิดใดบ้างหรือไม่” หั่วอี้มองจื่ออิงพลันเกิดความคิดในใจว่าจื่ออิงเป็สตรีที่ฮูหยินผู้เฒ่าชื่นชอบมากที่สุดหากนางสามารถเข้าจวนได้ ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องดีใจมากเป็แน่
“ยังเลย พี่อี้ไปเดินดูเป็เพื่อนอิงเอ๋อร์ได้หรือไม่เ้าคะ”
หั่วอี้กำลังไม่รู้ว่าจะไปที่ใดได้ยินคำของจื่ออิงจึงรีบตอบรับทันที
จื่ออิงยินดีในใจ พลางส่งสายตาเปี่ยมด้วยปรารถนา ปิ่นอุบะทองที่ประดับบนมวยผมงามทอประกายวิบวับแกว่งไกวไปตามจังหวะเยื้องย่างในขณะเดียวกันก็ขยับไปตามไหวพริบความฉลาดเฉลียวของนางด้วยความงามน่ากลืนกินเช่นนี้ หั่วอี้มองจนความว้าวุ่นในใจผ่อนลงไปหลายส่วน
“พี่อี้ ระยะนี่สุขภาพของฮูหยินผู้เฒ่าเป็เช่นใดเ้าคะ อิงเอ๋อร์กำลังคิดว่าอยากไปพักค้างสักวันสองวันเพื่อไปร่วมฉลองวันเกิดกับฮูหยินผู้เฒ่าเ้าค่ะ” จื่ออิงมีท่าทีเปลี่ยนไปจากก่อนนี้ที่เคยปฏิเสธจะไปพักอยู่ในจวนแม่ทัพครานี้กลับเป็ฝ่ายเสนอความคิดเอง หั่วอี้ยินดีนัก คว้ามือจื่ออิงมาเกาะกุมพลางเอ่ยว่า“อิงเอ๋อร์พูดจริงหรือ เรือนอิงเฟยเยี่ยนยังคงปัดกวาดเป็ประจำ รอเ้าเข้าไปอยู่ทุกวี่วัน”
จื่ออิงยิ้มบางๆ นางก้มหน้าลงคล้ายเอียงอายเพื่อหลบสายตาละมุนดั่งธารน้ำของเขาใช้ท่าทีเช่นนี้ปกปิดความรู้สึกทั้งหมดของนาง
หั่วอี้ใคร่ครวญในใจขณะมองนาง ไม่รู้ว่าเมื่อจื่ออิงยอมตกปากรับคำเข้าไปอยู่ในจวนแม่ทัพเช่นนี้แสดงว่านางยอมรับสตรีในจวนเขาได้แล้วหรือไม่
“พี่อี้เล่าเื่ในจวนในระยะนี้ให้อิงเอ๋อร์ฟังสักหน่อยได้หรือไม่เ้าคะยามอิงเอ๋อร์เข้าจวนไปแล้วต้องพบกับโฉมหน้าของจวนแม่ทัพที่ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิงจะได้ไม่รู้สึกว่าปรับตัวลำบากเ้าค่ะ”
จื่ออิงเอ่ยไปด้วยสีหน้าเรียบๆเหมือนสนทนากับหั่วอี้อย่างธรรมดาสามัญ
หั่วอี้แค่นเสียงเย็นในใจคำหนึ่ง“เดิมทีเห็นว่าองค์หญิงต้าเว่ยปราดเปรื่องเปี่ยมคุณธรรม มีการศึกษามีเหตุมีผลจึงมอบตำแหน่งฮูหยินแก่นาง ให้นางช่วยจัดการดูแลจวนแม่ทัพนึกไม่ถึงว่าองค์หญิงก็ทนเห็นนางจ้าวตั้งครรภ์บุตรของข้าไม่ไหว ถึงกับจงใจสร้างความลำบากแก่นางจ้าวเมื่อคืนลงโทษให้นางยืนสนทนาด้วย เห็นหรือไม่เกือบทำให้นางต้องแท้งบุตรเสียแล้ว”
จื่ออิงงงงันพลางเงยหน้าขึ้นมารับกับสายตาของหั่วอี้เหตุใดพี่อี้จึงถูกนางจ้าวควบคุมเล่นในมือได้ นางสะกดความยินดีในใจตนเอาไว้สตรีของหั่วอี้หันมาต่อสู้กันเอง นางก็คอยยืนมองไฟลุกลามอยู่บนฝั่งเป็พอแล้วให้หั่วอี้รำคาญสตรีเหล่านี้ได้เป็ดี ไล่ออกไปเสียให้หมดได้ยิ่งดี
_____________________________
