จิ้งจอกน้อยะโลงพื้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งหนีหายไป
อิ๋งเฟิงยืนนิ่งเป็หินอยู่ท่ามกลางสายลม
บอกว่าจะสามัคคีปรองดองกันไม่ใช่หรือ?
จิ้งจอกจอมหลอกลวง!
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนบอกว่าจิ้งจอกมีนิสัยเ้าเล่ห์เหลือร้าย
ไม่อยากคิดว่าขาของเขาจะเป็อย่างไร...
ยามดึก
บนยอดเขาที่ไร้ผู้คนในเขตล่าสัตว์ของราชวงศ์
เงาร่างสีดำสายหนึ่งยืนต้านลม ชายเสื้อสีดำถูกสายลมหนาวของราตรีในเหมันตฤดูพัดจนเกิดเสียง
แววตาของเขาดูราวกับอาบยาพิษ เขามองไปยังสถานที่ที่จุดไฟสว่างไสวราวกับประดับประดาไปด้วยดวงดาวในเขตล่าสัตว์
“นางมาแน่หรือ?”
น้ำเสียงของเขาแหบพร่าระคายหูยิ่งกว่าเสียงเคาะทองแดงเสียอีก
“ขอรับ ข้าน้อยไปตรวจสอบด้วยตนเอง”
“ดี คราวนี้ข้าจะทำให้นางมาแล้วไม่ได้กลับไปอีก!”
สายสมอันเย็นะเืไม่สามารถปิดบังไอสังหารเข้มข้นในน้ำเสียงได้ ชวนให้ผู้คนหายใจไม่ออก
แสงรุ่งอรุณมาเยือนแล้ว หมอกจางหายไป
ท้องฟ้าที่ถูกสายฝนปรอยชะล้างมาทั้งคืนดูแจ่มใส กลิ่นดินโคลนเปียกชื้นลอยมากับอากาศ
‘ตึกๆๆ...’
เสียงเคาะสามครั้งเป็สัญญาณของการรวมตัว
โลหิตพลุ่งพล่าน แม้แต่ผืนดินยังสั่นะเื
วันนี้ฮั่วเยี่ยนไหวสวมชุดคลุมยาวปักลายงูหลามสีม่วงเข้ม เส้นผมยาวถูกรวบขึ้นสูง ไข่มุกบูรพาขนาดเท่าไข่ห่านเม็ดหนึ่งประดับอยู่บนกวาน ดูงดงามและเรืองรองภายใต้แสงอาทิตย์
ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายสูงส่งและน่าเกรงขามออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ ราวกับเป็เช่นนี้มาั้แ่เกิด
ด้านหลังของเขาคือโหยวพิงถิงในชุดจิ้นจวงสีเหลืองอ่อนที่ดูสง่างาม
เนื่องจากวันนี้ต้องขี่ม้าจึงไม่เหมาะที่จะสวมกระโปรง สตรีที่จะเข้าร่วมการล่าสัตว์ในวสันตฤดูจึงเปลี่ยนไปสวมชุดจิ้นจวงที่สะดวกสบายกว่า
โหยวพิงถิงสวมเครื่องประดับเล็กน้อย มีเพียงฮวาเตี้ยน[1]สีเหลืองอ่อนอันประณีตตรงหว่างคิ้ว และการประทินโฉมที่วิจิตรงดงาม
นางดูราวกับกระต่ายที่กำลังขลาดกลัว โดยเดินตามหลังฮั่วเยี่ยนไหวติดๆ และไม่สนทนากับสตรีนางอื่นเลย
เห็นได้ชัดว่าท่าทีของนางดูไม่เข้าพวกกับท่าทีอันอบอุ่นและกระตือรือร้นของผู้อื่น
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางยิ่งดูน่าสงสารและปวดใจเมื่อได้มอง
“พี่สะใภ้ ท่านมาแล้ว”
น้ำเสียงอ่อนหวานดังขึ้น ชวนให้รู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ
ภายในลานแห่งนี้ นอกจากฮั่วเยี่ยนไหวที่ทำให้หญิงงามผู้นี้เผยรอยยิ้มได้แล้ว อีกคนก็คงเป็ไป๋เซี่ยเหอ
เมื่อถูกโหยวพิงถิงเรียกขานเช่นนี้ ไป๋เซี่ยเหอที่เดิมทีคิดจะไปยืนหลบมุมก็กลายเป็จุดสนใจของทุกคนขึ้นมาทันที
เด็กสาวสวมชุดจิ้นจวงสีฟ้าน้ำทะเล เรือนผมหนาสีดำขลับถูกถักเป็เปียเล็กๆ แล้วรวบเป็หางม้า ในความงามเพริศพริ้งนั้นมีความกล้าหาญแฝงอยู่เล็กน้อย
ไป๋เซี่ยเหอเดินตรงไปหาทั้งสองคน ก่อนจะกล่าวทักทายด้วยท่าทีเหินห่าง
จากนั้นนางก็ตรงไปนั่งลงที่ข้างกายของฮั่วเยี่ยนไหวทันที
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่เอ่ยวาจาใด คนอื่นๆ ไหนเลยจะกล้าพูดมาก
แม้แต่ฮ่องเต้ยังเข้าข้างเซ่อเจิ้งอ๋องถึงเจ็ดส่วน แล้วพวกเขาคือผู้ใดกัน?
“จิ้งจอกน้อยอยู่กับเ้าหรือไม่?”
หัวใจของไป๋เซี่ยเหอเต้นผิดจังหวะทันที “อืม มันหลับอยู่ในกระโจม”
ฮั่วเยี่ยนไหวไม่เอ่ยอันใดอีก
“ท่านอ๋อง เหตุใดวันนี้อิ๋งเฟิงถึงไม่ได้ตามท่านมาด้วยเ้าคะ?”
จู่ๆ โหยวพิงถิงที่นั่งอยู่ข้างหลังทั้งสองคนก็ถามขึ้นมา
ไป๋เซี่ยเหอหันหน้าไปมอง ก่อนจะพบว่าผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายของฮั่วเยี่ยนไหวในวันนี้ไม่ใช่อิ๋งเฟิง แม้ว่าจะสวมหน้ากากอินทรีสีเงิน ทว่าโครงหน้าดูไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อย
“เขากำลังทำท่าม้าอยู่”
ไป๋เซี่ยเหอนึกขึ้นได้ทันทีว่า เมื่อวานฮั่วเยี่ยนไหวสั่งให้อิ๋งเฟิงคอยดูแลจิ้งจอกน้อย ทว่าตอนนั้นนางกำลังจะคืนร่างเป็มนุษย์ จึงต้องรีบหนีไป
คิดไม่ถึงว่านางจะทำร้ายอิ๋งเฟิงผู้น่าสงสารอีกครา
ตอนนี้บริเวณด้านนอกของกระโจมหลังหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก มีบุรุษในชุดจิ้นจวงสีดำผู้หนึ่งกำลังทำท่าม้าอยู่ ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นเทิ้ม เหงื่อไหลรินลงมาตามขมับราวกับสายฝน
“ฮัดชิ้ว”
อิ๋งเฟิงเอามือถูจมูก เขาแหงนหน้ามองฟ้า แววตาเป็ประกายด้วยความตื่นเต้น “จามเสียแล้ว แสดงว่ามีคนกำลังคิดถึงข้า ใช่ท่านอ๋องหรือไม่? ท่านอ๋องยกโทษให้ข้าแล้วสินะ”
ณ เขตล่าสัตว์
ผู้คนมากันพร้อมหน้า
“เวลาอันเป็มงคลมาถึงแล้ว ฝ่าา โปรดทรงยิงธนูดอกแรกด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ข้าราชบริพารจะปล่อยเหยี่ยวที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ จากนั้นฮ่องเต้จะยิงมันด้วยลูกธนูหนึ่งดอก
ความหมายโดยนัยของธรรมเนียมนี้คือ อวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
นี่คือธรรมเนียมที่มีมานับั้แ่โบราณกาลและไม่อาจทำลายลงได้
“เมื่อวานเราาเ็ที่มือ ให้เซ่อเจิ้งอ๋องยิงแทนก็แล้วกัน”
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
สายตาของพวกเขามองไปที่แขนของฮ่องเต้
ดูแล้วก็ไม่มีอาการผิดปกติแม้แต่น้อย ไหนเลยจะได้รับาเ็?
ทว่าแม้จะรู้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้รับาเ็อันใด ก็ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้ง
“เสด็จพ่อ นี่ไม่ค่อยดีกระมังพ่ะย่ะค่ะ”
ฮั่วิเชินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แม้ว่าเสด็จพ่อจะาเ็ที่มือ ก็ควรให้เขาที่เป็ไท่จื่อยิงธนูแทนสิ ส่วนคนอื่นนับเป็อะไรกัน?
“เ้าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเราหรือ?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำลงอย่างฉับพลันกดดันให้ฮั่วิเชินจำต้องคุกเข่าลง
“ลูกมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋หว่านหนิงที่นั่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนไหนเลยจะไม่โมโห ส้มสีเหลืองทองผลหนึ่งถูกนางบีบจนเละ
นางปรารถนาให้สิ่งที่นางบีบในเวลานี้ไม่ใช่ผลส้ม ทว่าเป็ศีรษะของไป๋เซี่ยเหอ!
อาศัยอะไรนางถึงถูกประทานสมรสแก่เซ่อเจิ้งอ๋องทั้งที่นางกับไท่จื่อถอนหมั้นกันแล้ว?
อาศัยอะไรเซ่อเจิ้งอ๋องที่ไม่ชอบใกล้ชิดกับสตรีถึงได้ปฏิบัติต่อนางเป็อย่างดีปานนั้น?
อาศัยอะไรทุกคนถึงดูเหมือนจะอยู่ฝั่งเดียวกับไป๋เซี่ยเหอและเซ่อเจิ้งอ๋องไปเสียหมด?
ไม่ยุติธรรม!
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
ใบหน้าของไป๋หว่านหนิงที่ประทินโฉมอย่างงดงามแปรเปลี่ยนเป็บิดเบี้ยวและดุร้าย
ทันใดนั้นก็ราวกับคิดอะไรได้ แววตาของนางมีไอสังหารพลุ่งพล่าน มุมปากยกขึ้นอย่างเืเย็น
“ข้าจะให้คู่ชายโฉดหญิงชั่วอย่างพวกเ้าลำพองใจต่อไปจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก็แล้วกัน!”
เดิมทีน้ำเสียงของนางก็ทุ้มต่ำอยู่แล้ว จึงถูกเสียงเอะอะโวยวายของผู้อื่นกลบไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีผู้ใดได้ยินคำกล่าวของนาง
ฮั่วเยี่ยนไหวลุกขึ้นยืน เขาไม่รับคันธนูที่ข้าราชบริพารส่งมาให้
ทว่ากลับหยิบลูกธนูอันแหลมคมขึ้นมาดอกหนึ่ง ก่อนจะขว้างมันออกไป การกระทำนั้นราวกับเมฆาล่องสายน้ำไหล
สิ่งที่น่าใก็คือ เหยี่ยวตัวนั้นบินอยู่บนท้องฟ้าในระยะที่ไกลมาก ทว่าเขากลับขว้างลูกธนูใส่มันด้วยมือเปล่า!
ร่างของเหยี่ยวที่มีลูกธนูปักตรึงไว้ตกลงบนพื้นอย่างแรง
“ยอดเยี่ยม ไม่เสียทีที่เป็เซ่อเจิ้งอ๋อง เทพาของพวกเรา!”
เซ่อเจิ้งอ๋องหรือฮั่วเยี่ยนไหวมีพร์โดยกำเนิด อายุสองปีรู้หนังสือท่องตำราได้ อายุหกปีได้รับการสั่งสอนจากฮ่องเต้องค์ก่อน อายุแปดปีติดตามแม่ทัพโหยวออกไปต่อสู้ อายุสิบสี่ปีนำทัพออกศึก ยึดชายแดนคืน และยุติความไม่สงบ
ความดีความชอบทางการทหารมากมายนับไม่ถ้วย ตอนนั้นทุกคนต่างคิดว่าเขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็ฮ่องเต้
อันที่จริงฮ่องเต้องค์ก่อนก็มีความคิดเช่นนี้จริงๆ
เพียงแต่ตอนเกิดาใหญ่ครั้งนั้น หลังจากสองพี่น้องกลับมาจากการกรำศึก ทั้งสองคนก็ดูแตกต่างกันราวกับน้ำและไฟ ความผูกพันบังเกิด ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ต่อมาเมื่อฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นครองราชย์ ฮั่วเยี่ยนไหวก็ถูกแต่งตั้งเป็เซ่อเจิ้งอ๋อง
ไม่มีผู้ใดทราบว่าเมื่อปีนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ธรรมเนียมการเปิดงานด้วยการขว้างลูกธนูของฮั่วเยี่ยนไหวได้กระตุ้นความตื่นเต้นให้กับผู้คน เสียงเกือกม้าดังกึกก้อง ฝุ่นลอยคละคลุ้ง ทุกคนแย่งกันวิ่งเข้าไปในป่าด้านหลัง
ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลใหญ่อันแสนลึกลับ
ยิ่งลึกลับก็ยิ่งเย้ายวน!
“เ้าไปกับข้า”
จู่ๆ ก็มีเงาดำบดบังไป๋เซี่ยเหอที่กำลังเลือกม้าอย่างสบายอารมณ์
ฮั่วเยี่ยนไหวนั่งอยู่บนหลังม้า ลวดลายงูเหลือมบนอาภรณ์ถูกปักด้วยด้ายสีทอง ดูเป็ประกายเรืองรองภายใต้แสงอาทิตย์
นางไม่ตอบ ผู้คนล้วนทยอยจากไปไกลแล้ว
ฮั่วเยี่ยนไหวเลิกคิ้ว “ยังเหม่ออยู่อีก?”
เมื่อไป๋เซี่ยเหอได้สติกลับมา นางก็ยื่นมือออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางถูกดึงขึ้นมาบนม้าและนั่งอยู่ด้านหน้าในอ้อมแขนของเขา โพรงจมูกของนางอบอวลไปด้วยกลิ่นสะระแหน่เย็นอันคุ้นเคยที่นางชื่นชอบ
------------------------
[1] ฮวาเตี้ยน หมายถึง การเขียนชาดเป็รูปดอกไม้บนหน้าผาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้