สีหน้าของต้วนเทียนหลางดูมืดมนเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเ็าว่า “เมืองหลวง ถือว่าเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรเสวี่ยเยว่ แล้วเ้าจะนำกองกำลังเข้ามาโดยพลการได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเขายังล้อมเมืองหลวง และสังหารผู้บัญชาการเิกู่เฟิงกับเิชงเพื่อเข้าสู่เมืองหลวง การกระทำแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าเป็ฏ แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?”
“ระหว่างทางที่ข้าและองค์หญิงเดินทางกลับมาเมืองหลวง พวกเราถูกทหารของอาณาจักรเสวี่ยเยว่บางกลุ่มลอบสังหาร ทั้งๆ ที่พวกมันก็รู้ว่าองค์หญิงอยู่ที่นั้นด้วย แต่พวกมันก็ยังพยายามสังหารพวกเรา ข้าอยากถามว่าทหารเ่าั้เป็คนของเ้าใช่หรือไม่?”
“ไร้สาระ พวกมันจะเป็ทหารของข้าได้อย่างไร?” ต้วนเทียนหลางรีบปฏิเสธเสียงแข็ง
“หากไม่ใช่ทหารของท่านอ๋องก็ดีไป ทีนี้เพื่อความปลอดภัยขององค์หญิง ข้าจึงสั่งให้กองกำลังทหารม้าโลหิตคุ้มกันองค์หญิงและพามาเมืองหลวง แต่ดูเหมือนว่าท่านอ๋องคงอยากเห็นข้าตายใจจะขาด ถึงได้กล่าวหาว่าข้า หลินเฟิงผู้นี้เป็ฏ ทั้งยังเรียกกองกำลังนี้ว่ากองทัพฏ แสดงว่าในความคิดของท่านอ๋องนั้น การที่ข้าและกองกำลังทหารม้าโลหิตคุ้มครององค์หญิง นับว่าเป็เื่สมควรถูกปะาใช่หรือไม่?”
คำพูดของหลินเฟิงทำให้สีหน้าของต้วนเทียนหลางกลายเป็แข็งทื่อ หลินเฟิง เ้าช่างปากดีเสียจริง!!! ประโยคที่กล่าวออกมาทำให้เขากลายเป็คนผิด นอกจากนี้คำถามที่หลินเฟิงย้อนถามกลับมา ก็ยิ่งร้ายแรงมากอีกด้วย
“การคุ้มกันองค์หญิงไม่ใช่เื่ผิด แต่เื่ที่ผู้บัญชาการเิกู่เฟิงและบุตรชายของเขาเสียชีวิต เ้าจะอธิบายอย่างไร?”
ต้วนเทียนหลางกล่าว
“ตอนที่ข้าอยู่นอกเมืองหลวง ทั้งๆ ที่เิชงก็รู้ว่าองค์หญิงอยู่กับพวกเรา แต่มันก็ยังสั่งให้ทหารโจมตี แสดงว่ามันคิดจะลอบสังหารองค์หญิง! ท่านอ๋อง ข้าอยากถามท่านว่าคนคนนั้นสมควรตายหรือไม่?”
ดวงตาของต้วนเทียนหลางทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมา ก่อนตอบกลับไปว่า “สมควรตาย”
“งั้นข้าขอถามท่านอีกสักข้อ ในฐานะที่เิกู่เฟิงเป็ผู้บัญชาการทหารเมืองหลวง แต่กลับปล่อยให้บุตรชายของตัวเองออกคำสั่งที่อาจเป็การสังหารองค์หญิงได้ ทั้งยังไม่สำนึกผิดต่อการกระทำของบุตรชาย และยังขัดขวางมิให้องค์หญิงเข้าเมืองหลวง เิกู่เฟิงสมควรตายหรือไม่?”
น้ำเสียงของหลินเฟิงฟังดูเ็ายิ่งขึ้น
“สมควร” ต้วนเทียนหลางไม่มีทางเลือก ได้แต่กล่าวเห็นพ้องกับหลินเฟิง
“ท่านอ๋อง ในเมื่อท่านยังคิดว่าพวกมันสมควรตาย ดังนั้นข้าขอถามหน่อยว่า ข้า หลินเฟิง ยังมีความผิดอยู่หรือไม่? และกองกำลังที่คุ้มกันองค์หญิงเข้ามาในเมืองหลวง ยังคงเป็กองทัพฏอยู่หรือเปล่า?
หลินเฟิงแสยะยิ้มอย่างเ็าขณะจ้องมองต้วนเทียนหลางนิ่งๆ ที่หลินเฟิงห้ามไม่ให้กองกำลังทหารม้าโลหิตโจมตีก็เพราะเหตุนี้ ด้วยกองกำลังทหารเพียงไม่กี่หมื่นคงไม่สามารถพลิกสถานการณ์ใดๆ ได้ และถ้าในตอนนั้นพวกเขากล้าลงมือจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาคงถูกกล่าวหาว่าเป็กองทัพฏและถูกกวาดล้างไปในทันที
“เหอะ เ้าพูดถูก พวกเขาคุ้มครององค์หญิงเข้าเมือง ดังนั้นพวกเขาไม่มีความผิด... แต่เมื่อครู่นี้เ้าได้สังหารทหารบางส่วนและยังปลดปล่อยนักโทษอย่างหลิ่วชั่งหลันไป อย่าบอกนะว่าเื่นี้เ้าไม่ผิด?”
“แน่นอน มันไม่ถือว่าเป็ความผิด” หลินเฟิงจ้องมองไปที่ต้วนเทียนหลางแล้วกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพหลิ่วชั่งหลันเป็วีรบุรุษผู้กล้า เขาต่อสู้เพื่ออาณาจักรเสวี่ยเยว่ของพวกเรา แต่กลับถูกทหารหนีทัพอย่างเ้าใส่ร้าย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ข้าช่วยเขาได้อย่างไร?”
ทหารหนีทัพ!
ใบหน้าของต้วนเทียนหลางบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด หลินเฟิงทำให้เขาต้องอับอายต่อหน้าผู้คนอีกครั้ง
“ต้วนเทียนหลาง เ้าไม่จำเป็ต้องรีบร้อนแก้ตัวก็ได้ ข้าตอบคำถามเ้าไปมากมายแล้ว แต่เ้าล่ะ… แม้แต่คำถามเดียวของข้า เ้าก็ยังตอบไม่ได้เลย”
หลินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้วนเทียนหลาง ข้าและกองกำลังทหารม้าโลหิตได้คุ้มครององค์หญิงเข้าเมือง แต่ทำไมเ้าถึงไม่สามารถแยกแยะถูกผิดได้ และยังกล่าวหาข้ากับกองกำลังทหารม้าโลหิตว่าเป็ฏอีก? ทำไมเ้าถึงต้องรีบร้อนกล่าวหาพวกเราด้วยความผิดต่างๆ? ต้วนเทียนหลางท่านไม่ชอบใจข้าตรงไหนกัน? ถึงได้พยายามใส่ร้ายป้ายสีข้าอยู่เรื่อย ยังมีอีก… ตอนที่พวกข้ามาถึงที่นี่ ทำไมท่านถึงรีบร้อนสังหารแม่ทัพหลิ่ว? และทำไมคนที่พยายามจะสังหารข้ากับองค์หญิงตลอดทาง ถึงเป็ทหารของอาณาจักร ตามที่ข้ารู้มานั้นเ้าก็เป็แม่ทัพของอาณาจักรเสวี่ยเยว่คนหนึ่ง ดังนั้นทหารเหล่านี้จะฟังคำสั่งใครถ้าไม่ใช่เ้า?”
คำถามของหลินเฟิงทำให้หัวใจของฝูงชนสั่นไหว ดูเหมือนว่าเื้ัของาจะไม่ได้เป็อย่างที่พวกเขาคิดไว้
“เห็นได้ชัดว่าคำถามของเ้าทั้งหมดล้วนพุ่งเป้ามาที่ข้า ดังนั้นข้าจะไม่ตอบคำถามพวกนั้น”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเ็า ถ้าเขาไม่ตอบเสียอย่าง แล้วหลินเฟิงจะทำอะไรได้?
“เ้ามีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบ แต่ข้ายังอยากถามเ้าบางอย่าง ความผิดของแม่ทัพหลิ่วคืออะไร?”
ดวงตาของต้วนเทียนหลางฉายแววเกรี้ยวกราดขึ้นมา ในใจของเขาอยากจะสังหารหลินเฟิงพอๆ กับหลิ่วชั่งหลัน เป็เพราะมันทำให้ทุกคนที่นี่รู้เื่ของเขาหมดแล้ว
“หลิ่วชั่งหลันสร้างความวุ่นวายในกองทัพ ทำให้พวกเราต้องพบกับความสูญเสียในขณะที่ทำา และยังเป็ต้นเหตุที่ทำให้องค์หญิงถูกลักพาตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ความผิดนี้เ้าว่าสมควรตายหรือไม่?”
“นั่นคือความผิดของท่านแม่ทัพหลิ่ว?” หลินเฟิงยิ้มอย่างไม่แยแส หลังจากนั้นเขาก็หันไปที่ต้วนหวู่หยาและกล่าวว่า “องค์ชายรองโปรดเป็พยาน ข้าหวังว่าต้วนเทียนหลางจะไม่กล้าโกหกต่อหน้าพระองค์”
“ได้” ต้วนเทียนหลางลอบกัดฟันแน่น
“ฮ่าๆๆ สุนัขไร้ยางอาย แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่แปลกใจ” หลินเฟิงยิ้ม น้ำเสียงของเขาสร้างความอัปยศให้กับต้วนเทียนหลางอย่างมาก
“ข้าก็แค่อยากถามเ้า ต้วนเทียนหลาง เ้าบอกว่าองค์หญิงถูกลักพาตัวไป แล้วนางถูกลักพาตัวไปจากที่ไหน? นางอยู่ในค่ายของแม่ทัพหลิ่วหรืออยู่ในค่ายของเ้า?”
หลินเฟิงยิ้มและกล่าวอย่างสงบ “องค์หญิงอยู่ที่นี่กับพวกเรา ข้าหวังว่าเ้าคงไม่คิดจะโกหกหรอกนะ”
ต้วนเทียนหลางจ้องมองหลินเฟิงอย่างไม่เต็มใจ เขาลังเลเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นต้วนหวู่หยาก็กล่าวขึ้น “ท่านลุง เพื่อความยุติธรรม โปรดตอบคำถามของหลินเฟิง ข้าจะเป็คนตัดสินเอง”
นี่เป็สถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับต้วนเทียนหลางอย่างมาก จากนั้นเขาก็พูดด้วยโทนเสียงต่ำว่า “องค์หญิงอยู่ในค่ายของข้า”
เมื่อฝูงชนได้ยินคำตอบของต้วนเทียนหลาง พวกเขาต่างตื่นตระหนกเป็อย่างมาก นี่มันเหมือนกับที่หลินเฟิงได้กล่าวเอาไว้
“ถึงจะเป็เช่นนั้นจริงๆ แต่ยังมีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ หากองค์หญิงถูกลักพาตัวไปในค่ายของเ้า แล้วทำไมแม่ทัพหลิ่วถึงต้องรับผิดชอบด้วย? เขาทำผิดอะไร? นอกจากนี้เ้ายังมีหน้ามาตัดสินโทษแม่ทัพหลิ่วได้ด้วยเหรอ? ข้าอยากฟังคำอธิบายจากเ้า”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน
“อธิบายออกมา!”
กองทหารโลหิตที่รายล้อมเวทีปะาได้ะโออกมา ในตอนนี้การแสดงออกทางสีหน้าของต้วนเทียนหลางกลับกลายเป็น่าเกลียดถึงที่สุด
หากหลินเฟิงและต้วนซินเยี่ยไม่ได้กลับมา หลิ่วชั่งหลันคงจะถูกปะาไปแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“หลิ่วชั่งหลันเป็ถึงแม่ทัพ เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยในที่ตั้งของค่าย จึงทำให้อาณาจักรโม่เยว่มีโอกาสเข้ามาลักพาตัวองค์หญิงไป นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเป็ความผิด”
ต้วนเทียนหลางกล่าว เห็นได้ชัดว่ามันเป็เพียงถ้อยคำไร้สาระ และไม่อาจชักจูงใครได้อีกต่อไป
“ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง” หลินเฟิงกล่าวขณะยิ้ม “ดี ข้าก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน ในตอนนั้นข้าพยายามไล่ตามผู้ที่ลักพาตัวองค์หญิงไป แต่ทหารของเ้าก็มาขัดขวางข้าไว้และยังกล่าวหาว่าข้าเป็คนทำร้ายองค์หญิง แต่เมื่อเ้ามาถึง เ้าก็เป็คนเดียวที่อยากให้ข้าตายในทันที หลังจากที่องค์หญิงถูกลักพาตัวไป เ้ายังคงอยู่ที่นั่นเพื่อจัดการกับข้า แต่เ้ากลับไม่สนใจที่จะไล่ล่าพวกที่ลักพาตัวองค์หญิงเลยแม้แต่น้อย?”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวจบ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ต้วนเทียนหลางอย่างคาดหวังว่าจะได้คำตอบ
พวกเขาอยากรู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นที่สนามรบซึ่งนำไปสู่ความตายของทหารนับแสน
ต้วนเทียนหลางยังเงียบอยู่เช่นนั้น
“ในเมื่อต้วนเทียนหลางไม่ตอบ ข้าก็จะตอบแทนเ้าก็แล้วกัน ต้วนเทียนหลาง้าชำระแค้นกับข้า แต่หลังจากที่แม่ทัพหลิ่วทราบถึงความอยุติธรรมที่ข้าได้รับ เขาก็นำกองทัพมาขัดขวาง ซึ่งทำให้ต้วนเทียนหลางผู้เกรียงไกรตัดสินใจก่อความขัดแย้งภายในขึ้นและสังหารคนในกองทัพ ซึ่งเป็เวลาเดียวกันกับที่กองทัพของอาณาจักรโม่เยว่เข้าโจมตีพอดี และนั่นเป็สาเหตุที่ทำให้ทหารนับแสนต้องตกตายอย่างน่าเสียดาย”
น้ำเสียงของหลินเฟิงทั้งสงบและเคร่งขรึม เขาเหลือบมองต้วนเทียนหลางแล้วกล่าวต่อไปว่า “ต้วนเทียนหลาง เื่ที่ข้าพูดไปเป็ความจริงหรือไม่?”
“ตูม!”
หัวใจของฝูงชนต่างสั่นสะท้านขึ้นมา ที่แท้ต้วนเทียนหลางก็เป็ต้นเหตุที่ทำให้ต้องสูญเสียทหารไป ทว่าคนที่ถูกปะากลับเป็หลิ่วชั่งหลันแทน!
“ไร้สาระ!” ต้วนเทียนหลางคำรามด้วยความโกรธ
หลินเฟิงเพียงยิ้มรับ “ข้ายังพูดไม่จบเลยนะ ต้วนเทียนหลาง เ้าไม่จำเป็ต้องรีบร้อนแก้ตัวไป”
“หลังจากความวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป ทหารนับแสนต้องตกตายไปอย่างน่าเสียดาย กองทัพของเสวี่ยเยว่ก็พากันถอนตัวออกจากเมืองต้วนเริ่น ต่อมาหลักฐานทุกอย่างที่บ่งบอกว่า ผู้ที่ลักพาตัวองค์หญิงไปก็คือคนของอาณาจักรโม่เยว่ ในค่ายของท่านมีคนทรยศ พอข้าจะตามไปช่วยองค์หญิง เ้าคนทรยศนั่นก็มาขวางทางข้า ส่วนท่านที่มาทีหลังก็ไม่ฟังคำอธิบายใดๆ และใช้อำนาจในฐานะแม่ทัพในทางที่ไม่ชอบมาใส่ร้ายข้า เื่นี้ไม่มีใครที่ไม่รู้ ต้วนเทียนหลางท่านจะแก้ตัวยังไง?”
ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง คนที่ขัดขวางหลินเฟิงก็คือคนทรยศคนนั้น แต่ต้วนเทียนหลางกลับใช้อำนาจในฐานะแม่ทัพมาสังหารหลินเฟิง
นี่ถือเป็ข่าวที่น่าตกตะลึงอย่างมาก!
“หลังจากนั้นข้ากับแม่ทัพหลิ่วก็คิดหาวิธีกอบกู้สถานการณ์ ด้วยวางเพลิงเมืองต้วนเริ่นที่ถูกศัตรูยึดไว้ในขณะนั้น ซึ่งตอนนั้นต้วนเทียนหลางก็คงกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว ส่วนเื่ราวหลังจากนี้ ทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้ว ต้วนเทียนหลางเป็ฝ่ายละทิ้งกองทัพ ทั้งยังบิดเบือนความจริงและโยนความผิดให้กับท่านแม่ทัพหลิ่ว เ้า้าสังหารท่านแม่ทัพหลิ่ว และเพื่อการนั้นข้ากับองค์หญิงจึงต้องเป็บุคคลที่สาบสูญ เพื่อไม่ให้มีพยานบุคคลมาขัดขวางการปะา ‘นักโทษ’ หลิ่วชั่งหลัน ถ้าหากข้ากับองค์หญิงกลับมาที่เมืองหลวงล่ะก็ ทุกอย่างคงถูกเปิดโปงเป็แน่และนั่นคงไม่ใช่เื่ดีสำหรับเ้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่า ผู้ที่อยู่เื้ัในการส่งคนมาลอบสังหารองค์หญิงกับข้าในระหว่างทางก็คือ...”
เมื่อหลินเฟิงพูดถึงตรงนี้ก็หยุดไป ทว่าฝูงชนก็พากันคาดเดาออกว่าคนที่อยู่เื้ัเื่ราวทั้งหมดก็คือ ต้วนเทียนหลาง!