แม้ว่าในหุบเขาแห่งนี้จะเต็มไปด้วยสมุนไพรมากมาย แต่สมุนไพรระดับสูงนั้นกลับมีให้เห็นน้อยมาก ในทุกๆ สิบปีวังโบราณจิ่วซานจะเปิดให้เข้าเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ดังนั้นสมุนไพรภายในหุบเขาแห่งนี้จึงจะถูกเก็บออกไปในทุกๆ สิบปี ส่วนสมุนไพรล้ำค่าระดับสูงล้วนถูกเก็บออกไปโดยคนที่เข้ามาในครั้งก่อนแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงสมุนไพรที่ยังเติบโตไม่เต็มที่และรอการเก็บเกี่ยวในครั้งถัดไป
มู่เฟิงค้นพบสมุนไพรขั้นสามมากกว่าสิบชนิด นอกจากนี้เขายังโชคดีค้นพบสมุนไพรระดับสูงอย่างหญ้ากระดูกเหล็ก ซึ่งเป็สมุนไพรขั้นสี่อีกหนึ่งต้น
หญ้ากระดูกเหล็กมีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกและรักษาอาการาเ็ของกระดูก บางทีอาจเป็เพราะมู่เฟิงมีกลุ่มทหารรับจ้างคอยหนุนหลัง ดังนั้นยอดฝีมือระดับหนิงกังที่ค้นพบหญ้ากระดูกเหล็กพร้อมกับเขาจึงไม่ได้เข้าไปฉกฉวยหรือแย่งชิงไปเสียก่อน คงเพราะอีกฝ่ายยังมีความยำเกรงต่อกลุ่มทหารรับจ้างที่อยู่เื้ัเด็กหนุ่ม
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ในที่สุดบรรดาสมุนไพรที่เติบโตเต็มที่ก็ถูกเก็บไปจนหมด นั่นหมายความว่าทุกคนได้มาถึงจุดสิ้นสุดของหุบเขาสมุนไพรแล้ว
จุดสิ้นสุดของหุบเขาสมุนไพรคือผาหิน เบื้องหน้าเป็ประตูอันโอ่อ่าขนาดใหญ่บานหนึ่ง และนี่คือทางเข้าสู่ชั้นสามของวังโบราณจิ่วซาน
ประตูขนาดใหญ่บานนี้มีความสูงหลายเมตร โดยมันถูกสร้างขึ้นจากเหล็กนิลกาฬสีดำสนิท แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของมันย่อมไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหนิงกังก็ยากที่จะใช้กำลังเปิดมันได้ นอกจากนี้บนบานประตูยังมีลายเส้นลายมัจฉาขนาดเล็กสลักเอาไว้
ยามนี้ผู้คนจำนวนมากกว่าสองร้อยคนกำลังมารวมตัวกันที่ด้านหน้าของประตู พวกเขามองไปยังบานประตูเหล็กสีดำขนาดใหญ่พร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น
“น้องเฟิงเย่ เ้าเองก็้าเข้าไปยังชั้นสามด้วยหรือ?”
เมื่อหูเถี่ยหนิ่วสังเกตเห็นเด็กหนุ่ม เขาก็เข้าไปถามทันที
“อืม ถึงอย่างไรข้าก็มาแล้ว ข้าจึงอยากจะเข้าไปดูเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะค้นพบเคล็ดวิชาบางอย่างเข้าก็ได้”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขามองไปทางข่งย่วนซึ่งอยู่อีกกลุ่ม
“ข้าต้องขอเตือนเ้าเอาไว้ก่อนว่าบริเวณพื้นที่ในชั้นสามนั้นอันตรายมาก กล่าวกันว่าแม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานยังต้องจบชีวิตลงที่นั่น ดังนั้นเ้าต้องพิจารณาให้รอบคอบ แม้ว่าเคล็ดวิชาจะเป็สิ่งที่น่าสนใจ แต่การรักษาชีวิตของตนนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน”
หูเถี่ยหนิ่วพยายามเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่ม ส่วนตัวเขานั้น้าเข้าไปยังชั้นสามเพื่อตามหาสมุนไพรควบหยวนตาน ในความคิดของเขา วรยุทธ์และความแข็งแกร่งของมู่เฟิงในตอนนี้ยังไม่เหมาะที่จะเข้าไปเสี่ยงอันตรายในนั้น
ในบรรดากลุ่มคนมากกว่าสองร้อยคน คนส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ไปต่อ เพราะแค่สมุนไพรที่ได้รับมาจากหุบเขาสมุนไพรก็เพียงพอสำหรับนักผจญภัยอย่างพวกเขาแล้ว เพียงเท่านี้พวกเขาก็สามารถอยู่อย่างอู้ฟู่ไปได้อีกหลายปี คนที่กล้าเข้าไปยังชั้นสาม ส่วนใหญ่ล้วนเป็ยอดฝีมือระดับหนิงกังทั้งนั้น
“ข้าเข้าใจในความหวังดีของท่าน แต่ข้ายังอยากจะเข้าไปดูเสียหน่อย เผื่อว่าด้านในมีค่ายกลติดตั้งอยู่ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพอช่วยเหลืออะไรพวกท่านได้บ้าง”
มู่เฟิงยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินดังนั้นพวกหูเถี่ยหนิ่วจึงเลิกเกลี้ยกล่อมเด็กหนุ่ม เพียงหวนนึกถึงค่ายกลสังหารในช่องทางเดินที่ผ่านมา หัวใจของพวกเขาก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมาอีกครั้ง หากไม่ใช่เพราะมู่เฟิงเข้าใจกลไกของค่ายกล เกรงว่าพวกเขาคงจบเห่ไปนานแล้ว
“ตกลง เช่นนั้นเ้าก็ไปกับพวกเราเถอะ พวกเราจะพยายามปกป้องเ้าให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณท่านมากขอรับ”
มู่เฟิงประสานหมัดคำนับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม จากกลุ่มเดิมของหูเถี่ยหนิ่วที่มีจำนวนมากกว่าสามสิบคน เวลานี้จะมีเพียงแปดคนเท่านั้นที่จะไปต่อ เมื่อรวมกับมู่เฟิงแล้วทั้งหมดจึงมีเก้าคน โดยทั้งแปดคนที่้าไปต่อนั้นล้วนแต่เป็ยอดฝีมือระดับหนิงกังทั้งสิ้น และในบรรดาพวกเขา หูเถี่ยหนิ่วคือผู้มีระดับวรยุทธ์สูงสุด
“ประตูเหล็กบานนี้ไม่สามารถทำลายได้ เช่นนั้นจะเปิดมันได้อย่างไร?”
“ใช่แล้ว แต่ข้าคิดว่ามันจะต้องมีกลไกบางอย่างอยู่ในนั้นเป็แน่ ไม่อย่างนั้นคนก่อนหน้านี้จะเข้าไปยังชั้นสามได้อย่างไร”
ผู้คนที่อยู่หน้าประตูเริ่มพูดคุยกัน แต่ละคนต่างก็จ้องมองบานประตูพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย
“ทุกคนหลบไป ให้เหลาจื่อได้ลองใช้ขวานเปิดมันดู”
ทันใดนั้นชายร่างสูงใหญ่ที่มีความสูงเกือบสองเมตรก็เดินออกมาอย่างห้าวหาญ
ชายฉกรรจ์ผู้นี้มีปากเหมือนเสือและจมูกเหมือนสิงโต เขาถือขวานศึกด้ามยาวที่มีน้ำหนักกว่าร้อยจินเดินตรงไปยังประตูเหล็ก
ร่างกายของเขาพลันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังกังหยวนสีทอง และคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นก็ทรงพลังเป็อย่างยิ่ง เขาคือยอดฝีมือระดับหนิงกังขั้นเก้า
ชายร่างใหญ่ส่งพลังปราณไปยังขวานในมือ ก่อนที่เขาจะยกขวานขึ้นและแผดเสียงคำรามออกมา พร้อมกันนั้นก็ทะยานร่างขึ้นสูงเหวี่ยงขวานลงมาอย่างรุนแรง
หวืด หวืด...!
ตัวขวานเปล่งแสงสีทองออกมา อานุภาพพลังของมันน่าพรั่นพรึงเป็อย่างยิ่ง คาดว่าแรงโจมตีจากขวานนี้คงมีน้ำหนักมากมายมหาศาลไม่น้อย
ปัง!
ขวานกระแทกกับประตูเหล็กอย่างรุนแรง เสียงกระแทกของมันดังก้องไปทั่วหุบเขา ทั้งยังดังเสียดหูจนทำให้แก้วหูของผู้คนต้องสั่นะเื
ทันใดนั้นแสงสีทองก็ส่องสว่างออกมาจากบานประตู โดยแสงนี้ได้ผลักร่างของชายผู้นั้นจนลอยกระเด็นออกไปไกลกว่าสิบเมตร ทำให้ล้มคะมำลงไปบนพื้น
ชายร่างใหญ่มองกลับไปที่ประตูเหล็กด้วยความใ บรรดาคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ตื่นตะลึงเช่นกัน
อานุภาพพลังของขวานเมื่อครู่นั้นทรงพลังมากจนน่าสะพรึงจริงๆ แต่มันกลับไม่สามารถสั่นะเืประตูบานนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
“ประตูบานนี้มีบางอย่างแตกต่างไปจากประตูปกติ มันจะต้องไม่ใช่ประตูธรรมดาอย่างแน่นอน ข้าคิดว่ามันอาจจะถูกสลักลายเส้นค่ายกลป้องกันเอาไว้”
ซือถูคงหรี่ตาลงพร้อมกล่าวในสิ่งที่เขาคาดเดาออกมา
“แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี ในบรรดาพวกเราเหมือนจะไม่มีใครเข้าใจลายเส้นของค่ายกลเลยน่ะสิ”
โจวเหวินเฉวียนขมวดคิ้ว
“หึ มู่เฟิงเข้าใจเื่ลายเส้น ใครใช้ให้พวกท่านไม่ยอมช่วยเหลือเขาั้แ่แรกกันล่ะ?”
ข่งเซวียนเอ๋อร์แค่นเสียงอย่างเ็า เมื่อคนอื่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย
มู่เฟิงมักจะใช้แผ่นยันต์ในการต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเขาย่อมมีสถานะเป็นักสลักลายเส้นอย่างไม่ต้องสนสัย ยิ่งไปกว่านั้นในสำนักศึกษายังมีข่าวลือว่าเขาคืออัจฉริยะจากวิหารสลักลายในอาณาจักรหนานหลิงอีกด้วย
“น้องชาย เ้าดูนั่น ประตูบานนี้มันอะไรกัน มันมีลายเส้นของค่ายกลป้องกันสลักเอาไว้ใช่หรือไม่?”
ชายร่างผอมสูงหันไปถามมู่เฟิง
มู่เฟิงพยักหน้าก่อนจะกล่าวว่า “ถูกต้องแล้ว มันมีค่ายกลป้องกันเอาไว้”
ขณะที่มู่เฟิงกล่าวตอบเขาก็เดินมาถึงหน้าประตูพอดี เด็กหนุ่มกำลังพิจารณามองลายเส้นลายมัจฉาบนบานประตูอย่างละเอียด
แน่นอนว่าลายเส้นอสูรเหล่านี้ไม่ใช่ภาพสลักธรรมดาทั่วไป ทั้งหมดล้วนเป็องค์ประกอบของลายเส้นที่มีคุณสมบัติบางอย่าง
เมื่อคนอื่นๆ เห็นว่ามู่เฟิงกำลังพิจารณาบานประตู พวกเขาก็แสดงท่าทีคาดหวังออกมาทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกหูเถี่ยหนิ่วเคยบอกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นักสลักลายเส้น
“ลายเส้นสลับซับซ้อนและลึกลับมาก คงไม่ใช่ลายเส้นขั้นสองเป็แน่ น่าจะเป็ลายเส้นขั้นสาม”
มู่เฟิงพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาเป็ประกาย เขาพยายามสังเกตลายเส้นเ่าั้อย่างถี่ถ้วน
“ลายเส้นของค่ายกลนี้เริ่มต้นจากมัจฉาตัวที่สามจากด้านซ้าย นั่นคือลายเส้นที่เป็แก่นสำคัญของค่ายกล หากเ้าสามารถทำความเข้าใจลายเส้นของมัจฉาตัวนั้นได้ เ้าก็จะทำลายค่ายกลนี้ได้”
ทันใดนั้นเสียงชี้แนะของซีเยว่ก็ดังขึ้นในห้วงความคิดของเขา
หลังจากได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็กวาดตามองไปตามคำชี้แนะของอีกฝ่าย เขาจึงค้นพบลายเส้นของมัจฉาตัวนั้น เด็กหนุ่มส่งพลังิญญาที่ไม่สามารถจับต้องได้เข้าไปยังลายเส้นของมัจฉาตัวนั้นทันที ทันใดนั้นลายเส้นแต่ละลายเส้นก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงหลับตาลง เขากำลังสังเกตมันโดยไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย และการสังเกตนของเขากินเวลานานถึงครึ่งชั่วโมง จนกระทั่งมีบางคนเริ่มหมดความอดทน
“มารดามันเถอะ อย่างเ้าเด็กนี่น่ะหรือจะสามารถทำได้ อย่าเสียเวลาเปล่าเลย ทุกคนมาร่วมมือกันทำลายมันจะดีกว่า”
ทันใดนั้นก็มีคนกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“หุบปาก อย่ามาพูดจาไร้สาระ หากว่าเขาทำไม่ได้แล้วเ้าสามารถทำได้หรือ ไม่เห็นหรือว่าเมื่อครู่ซานเหล่าเอ้อใช้ขวานจามแล้วมันยังไม่ขยับแม้แต่น้อย”
หูเถี่ยหนิ่วตวาดเสียงอย่างเ็า
“ถูกต้องแล้ว ประตูบานนี้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานก็ไม่สามารถเปิดได้ มันถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยค่ายกลป้องกันขั้นสาม การจะเปิดมันย่อมไม่ใช่เื่ง่าย”
ในที่สุดมู่เฟิงก็ลืมตาขึ้น เขากล่าวอธิบายอย่างใจเย็น
“หึ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานยังไม่สามารถเปิดได้ แล้วเ้าเปิดได้หรือ? เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่แม้แต่ขนก็ยังไม่ยาวอย่างเ้าน่ะหรือ?”
ชายร่างใหญ่ที่เพิ่งจะปลิวกระเด็นออกมาเมื่อครู่กล่าวอย่างไม่พอใจ เขารู้สึกว่าสิ่งที่มู่เฟิงพูดออกมานั้นเป็การตบหน้าเขา
“ซานเหล่าเอ้อ เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หูเถี่ยหนิ่วตวาดอย่างไม่พอใจ
“หึ ข้าหมายความว่าเหตุใดพวกเ้าถึงได้หลงเชื่อในคำพูดของเ้าเด็กเหลือขอนี่”
ซานเหล่าเอ้อกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“ถูกต้องแล้ว ข้ากำลังคิดว่าเ้าเด็กนี่กำลังเสแสร้ง”
จากนั้นก็มีคนกล่าวอย่างคล้อยตามในทันที
“หื้ม เ้าจะบอกว่าข้าไม่สามารถเปิดได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่เฟิงชำเลืองตามองไปทางซานเหล่าเอ้อ
“เฮอะ หากว่าเ้าสามารถเปิดได้จริง เหลาจื่อจะยอมติดตามเ้าเลย”
ซานเหล่าเอ้อกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม
หลังจากได้ยินดังนั้นมู่เฟิงก็เหยียดยิ้มออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น เ้าก็เตรียมเรียกข้าว่าพี่ใหญ่ได้เลย!”
ปัง!
เด็กหนุ่มพลันตบฝ่ามือลงไปบนลายเส้นที่อยู่บนตัวมัจฉา และเริ่มถ่ายพลังปราณสู่ลายเส้นที่อยู่บนตัวมันทันที พลังปราณไหลเวียนไปตามลายเส้นต่างๆ บนตัวมัจฉาอย่างรวดเร็ว
ครืด ครืด ครืด...!
ทันใดนั้นประตูเหล็กขนาดใหญ่ก็พลันเปล่งแสงสีทองออกมา จากนั้นเสียงสั่นะเืของบานประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับที่ประตูเริ่มเปิดออก!