ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ตระกูลตู๋กูยังคงถูกหนึ่งหอกปลิดชีพในพริบตา!
ผู้คนต่างตะลึงค้าง ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งเพียงใด เย่เฟิงผู้นี้ก็ยังคงชนะในหอกเดียว แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ก็ไม่รอด นี่จะแปลกพิลึกมากไปแล้ว
“เป็ไปได้ยังไง หมอนี่มีพลังขนาดนี้เลยหรือ? ทักษะหอกนั่น คนระดับอย่างเขาไม่ควรจะสำแดงออกมาได้มากเพียงนั้น” ด้านตระกูลตู๋กู มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ส่วนตู๋กูหลงเผยสีหน้าอึมครึมอีกครั้ง ตระกูลตู๋กูเขาส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ออกไป แต่ยังคงถูกเย่เฟิงฆ่าตาย ช่างขายหน้ายิ่งนัก
“สวะแบบนี้กล้าดียังไงมาพูดจาโอหังกับข้า? แต่ก็เหมาะกับวิธีการของพวกเ้าตระกูลตู๋กูแล้ว!” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองตู๋กูหลงด้วยสายตาหยอกล้อ
“อวดดี เหิมเกริม!” เย่เฟิงผู้นี้กำลังทำให้ตระกูลตู๋กูพิโรธจริง ๆ
“น่าขันนักที่เ้าตู๋กูหลงพูดมาก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่เ้าส่งมาถูกข้าฆ่าตาย ตอนนี้ข้าก็อยู่ดีไม่ใช่หรือ ส่วนคนชั้นต่ำอย่างเ้าก็เป็ได้แค่หินบนพื้นที่ข้าจะเหยียบย่ำ” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ประหนึ่งเทพาแห่งยุคก็ไม่ปาน
“ใครจะไปฆ่าเขา!” ตู๋กูหลงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูมากเพียงนี้มาก่อน
“ข้าจะไปฆ่าคนคนนี้เอง!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านตระกูลตู๋กู นาทีต่อมาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งไปเยือนเวทีประลองพร้อมถือดาบ เขาสวมอาภรณ์สีครามดูน่าเกรงขาม
“ตู๋กูเฉิน คนรุ่นเยาว์ของตระกูลตู๋กูที่ค่อนข้างโดดเด่น เขาอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 1 ฝึกอยู่ที่สำนักศึกษาเจ็ดดาว พลังไม่ธรรมดา ครั้งนี้เย่เฟิงคงตกอยู่ในอันตรายแล้ว” มีคนผู้หนึ่งพูดขึ้นโดยจำชายหนุ่มคนนั้นที่ขึ้นเวทีประลองท้าเย่เฟิงได้ ทำให้ผู้คนใ เพื่อที่จะกำจัดเย่เฟิง ตระกูลตู๋กูถึงกับส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ออกโรง!
“ข้าไม่อยากลงมือ เ้าจงฆ่าตัวตายเพื่อรับผิดซะ!” ตู๋กูเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ของตระกูลตู๋กู เขานับว่าเป็ยอดฝีมือ แล้วจะเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาอย่างเย่เฟิงอยู่ในสายตาหรือ
“ตู๋กูเฉินไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพิ่งขึ้นเวทีประลองก็สั่งให้เย่เฟิงฆ่าตัวตาย สมกับเป็ยอดฝีมือในขั้นรวมชี่ที่ 1 ของตระกูลตู๋กู มีความมั่นใจเต็มร้อย แตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ทั่ว ๆ ไป เย่เฟิงไม่มีทางเป็คู่ต่อสู้ของตู๋กูเฉินคนนี้ได้” ผู้คนคิดในใจ ขณะมองเวทีประลองที่เย่เฟิงกับตู๋กูเฉินอยู่อย่างไม่ละสายตา กระทั่งหลังจากเย่เฟิงปรากฏตัว ซื่อหุนและผู้ฝึกยุทธ์ที่มีคะแนนสูง ๆ ก็มีไม่กี่คนที่สนใจ
“ฆ่าตัวตาย?” เย่เฟิงขมวดคิ้วพลางแสยะยิ้มในใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เขาเจอมักจะเป็พวกยโสโอหังไม่เห็นหัวผู้อื่น
“ทำไม เ้าจะไม่ทำอย่างนั้นหรือ?” ตู๋กูเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และกล่าวต่อ “ข้าให้เ้าฆ่าตัวตายนับว่าเป็พระคุณใหญ่หลวงแล้ว หากให้ข้าลงมือเอง เ้าไม่ได้ตายดีแน่!”
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ตู๋กูเฉินผู้นี้โอหังยิ่งนัก
“ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะทำให้ข้าไม่ตายดียังไง!” เย่เฟิงกล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ฆ่าเ้าก็ไม่จำเป็ต้องออกกระบวนท่าที่สอง” ตู๋กูเฉินยิ้มเย้ยหยัน เขาให้โอกาสเย่เฟิงแล้ว แต่เย่เฟิงไม่รักษามันไว้ รอยยิ้มนั้นคล้ายเศร้าแทนเย่เฟิง แต่คำพูดของเขาก็อวดดีมาก เขาบอกว่าไม่จำเป็ต้องออกกระบวนท่าที่สองในการฆ่าเย่เฟิง นั่นหมายความว่าเขามั่นใจว่าจะฆ่าเย่เฟิงภายในหนึ่งกระบวนท่าได้
ดาบในมือกู่ร้องพร้อมมีเจตจำนงดาบพวยพุ่งออกจากร่างตู๋กูเฉิน พลังดาบถูกปลดปล่อย มันแหลมคมมากราวกับสะบั้นทุกสิ่งให้ขาดได้ รังสีดาบกะพริบและส่องแสงจ้า ทำให้ผู้คนไม่น้อยถึงกับหลับตาลงไม่กล้ามองมันตรง ๆ พลังเช่นนั้นราวกับฟาดฟันฟ้าดินได้ แล้วเย่เฟิงจะต่อต้านได้อย่างไร?
“ดาบนี้แกร่งมาก พลังของตู๋กูเฉินไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ทั่ว ๆ ไปจะทัดเทียมได้จริง ๆ ดาบนี้เย่เฟิงรับไม่ได้เป็แน่!” ผู้คนต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา ด้วยการโจมตีนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่หลายคนที่มิอาจต้านทานได้ แล้วนับประสาอะไรกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาอย่างเย่เฟิง
“ดูซิว่าเ้าจะรับมือกับดาบนี้ได้หรือไม่?” ตู๋กูเฉินกล่าวด้วยแววตาดูถูก รังสีดาบที่เขาสะบั้นไปราวกับเขมือบกินทุกสิ่ง
“ดาบของเ้า ข้าจำเป็ต้องรับงั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าวพลางแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา พร้อมพลังหอกปะทุออกจากร่างกาย
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ หอกดั่งเทพัคำราม ท่ามกลางอากาศคล้ายมีเสียงคำรามของัดังกึกก้อง รังสีหอกทะลวงทุกสิ่ง ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีดาบของตู๋กูเฉิน คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ในวินาทีที่การโจมตีทั้งสองเข้าปะทะกัน สีหน้าของตู๋กูเฉินเปลี่ยนไป เขารู้สึกว่ามีพลังทำลายล้างกำลังบุกรุกร่างกายของตัวเอง อวัยวะภายในแปรปรวน ตัวสั่นแรง เท้าผงะถอยหลัง ใบหน้าขาวซีดพร้อมเืไหลออกจากปาก
“ฆ่าข้าไม่จำเป็ต้องออกกระบวนท่าที่สอง น่าขันสิ้นดี!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเดินออกมาพร้อมพลังดาราโคจรรอบกาย ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าตู๋กูเฉินในพริบตา
ตู๋กูเฉินโดนเย่เฟิงดูถูกและรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เขาต้องแผดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะสะบั้นรังสีดาบอีกครั้ง เพื่อโจมตีเย่เฟิง แต่เย่เฟิงเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว วินาทีที่หลบดาบของตู๋กูเฉิน รังสีหอกก็ถูกปล่อยออกไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ตามมาด้วยเสียงดังฉึก รังสีหอกทะลุขาขวาของตู๋กูเฉินจนเืพุ่งกระฉูด ตู๋กูเฉินส่งเสียงกรีดร้องอย่างเ็ป ก่อนเข่าจะทรุดลงพื้น แววตาของเขาต้องเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“นี่...” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างตะลึงงัน ตู๋กูเฉินได้รับาเ็เพราะรังสีหอกของเย่เฟิง ขาขวาถูกรังสีหอกทะลวง พลังของเย่เฟิงผู้นี้จะแกร่งเกินไปแล้ว ตู๋กูเฉินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 แห่งตระกูลตู๋กูไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างนั้นหรือ?
“เ้าต้องตาย!” ตู๋กูเฉินเผยสีหน้าดุดัน แสงกระหายเืปะทุออกจากดวงตา จากนั้นฟันดาบไปยังตำแหน่งหน้าอกของเย่เฟิงอย่างไม่มีความลังเลใด ๆ
“แกว่งเท้าหาเสี้ยน!” เย่เฟิงแค่นเสียงเ็า ก่อนจะแทงหอกออกไป ซึ่งเร็วยิ่งกว่ารังสีดาบของตู๋กูเฉินเสียอีก ตามมาด้วยเสียงดังฉึก รังสีหอกนั่นทะลุขาซ้ายของตู๋กูเฉิน นี่ทำให้ตู๋กูเฉินสูญเสียการทรงตัว ก่อนเข่าจะทรุดลงพื้นอย่างอดไม่ได้ ส่วนรังสีดาบของเขาที่ปล่อยออกไปถูกเบี่ยงเบนไปยังอีกทิศหนึ่ง เขาอยากฟันดาบอีกครั้ง แต่กลับมีปลายหอกมาจ่ออยู่ที่ลำคอของเขาและอาจแทงทะลุได้ทุกเวลา
“แกร่งมาก!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทำให้ทุกคนในที่แห่งนั้นแววตาสั่นระริก ตู๋กูเฉินยอดฝีมือขั้นรวมชี่แห่งตระกูลตู๋กู กลับเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่เฟิง ช่างน่าใยิ่งนัก
“อ่อนหัดแบบนี้ ยังเรียกได้ว่ายอดฝีมือขั้นรวมชี่แห่งตระกูลตู๋กูอีกหรือ ข้ารู้สึกอายแทนเ้าจริง ๆ” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะเชิดหน้ามองตู๋กูเฉินด้วยสายตาคมกริบ เมื่อคำพูดของเย่เฟิงผ่านเข้าไปในหูคนของตระกูลตู๋กู กลับเป็เื่ที่น่าอัปยศอย่างมาก
“ปล่อยเขา!” ตู๋กูหลงตวาดใส่เย่เฟิง เสียงนั้นยังคงโอหังราวกับว่าเขาตู๋กูหลงพูดแล้วเย่เฟิงก็ต้องปฏิบัติตาม
“ปล่อยเขางั้นหรือ?” เย่เฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะมองตู๋กูหลง และกล่าวว่า “เมื่อขึ้นเวทีประลองแล้วก็มีแต่ความเป็และความตาย กฎนี้ตระกูลตู๋กูเ้าเป็คนกำหนดไม่ใช่หรือ เพราะงั้นเ้าตู๋กูหลงมีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงวิธีการของข้า?”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้คนเห็นเย่เฟิงแทงหอกออกไป ก่อนหอกจะทะลวงลำคอของตู๋กูเฉิน ตู๋กูเฉินตัวสั่นสะท้าน เืทะลักออกจากาแอย่างต่อเนื่อง ดวงตาของเขาต้องเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง แม้เผชิญหน้ากับตู๋กูเฉิน เย่เฟิงยังคงลงมือเด็ดขาด สังหารตู๋กูเฉินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 แห่งตระกูลตู๋กู
นี่ก็เย่เฟิง หากใครอยากกำจัดเขา เขาจะให้อีกฝ่ายชดใช้คืนหลายเท่าโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา
“ตายแล้ว เย่เฟิงผู้นี้ฆ่าตู๋กูเฉินจริง ๆ!” ผู้คนอุทานอย่างเหลือเชื่อ ตู๋กูเฉินแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลตู๋กูเ่าั้ที่เย่เฟิงฆ่าตายก่อนหน้านี้ เขาเป็ลูกหลานสายตรงของตระกูลตู๋กู มีสายเืของตระกูลตู๋กูไหลเวียนอยู่ภายในกาย ทว่าเย่เฟิงกลับทำลายขาทั้งสองข้างของตระกูลตู๋กู แม้ตู๋กูหลงจะกล่าวเตือน แต่ยังคงฆ่าตู๋กูเฉินอย่างไม่มีความลังเลใด ๆ
ครั้งนี้ความบาดหมางระหว่างเย่เฟิงกับตระกูลตู๋กูเพิ่มระดับเป็ไม่ตายไม่เลิกรา นับจากวันนี้ไปต่อให้เขาออกไปจากที่นี่ได้ แต่ก็ต้องเจอกับการแก้แค้นของตระกูลตู๋กู ซึ่งทุกคนต่างทราบกันดีว่าการแก้แค้นของกองกำลังอย่างตระกูลตู๋กูมันน่าหวาดกลัวเพียงใด ถึงกลับทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกเกรียว
“หมอนี่บ้าระห่ำมาก!” บริเวณเวทีประลองใกล้ ๆ เซี่ยจวิ้นหลงที่คว้าชัยชนะห้าสนามพึมพำกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเื่วีรกรรมของเย่เฟิงที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียน จึงคิดอยากคบหาเป็มิตรด้วย พอมาวันนี้เขาได้เห็นฝีมือของเย่เฟิงกับตาตัวเองก็อดตกตะลึงไม่ได้
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาฆ่าลูกหลานสายตรงของตระกูลตู๋กู ข้าจะทำให้เ้าตายโดยไร้ที่ฝัง!”
ตู๋กูหลงตวาดใส่เย่เฟิงด้วยความโมโห จากนั้นเห็นเขาลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกลิ่นอายแห่งราชันแผ่ออกจากร่าง เขากวาดตามองเขตเวทีประลองทดสอบ ก่อนกล่าวว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ทุกท่าน คนผู้นี้เหิมเกริมยิ่งนัก สังหารลูกหลานของตระกูลตู๋กูข้า แต่ตระกูลตู๋กูข้าลงมือฆ่าเขาเองไม่ได้ หากทุกท่านมีใครสนใจขึ้นประลองกับคนผู้นี้และหากฆ่าคนผู้นี้ได้ ตระกูลตู๋กูข้ายินดีตกรางวัลที่เทียบเท่ากับคะแนน 50,000 แต้ม เพื่อไม่ให้ทำลายกฎของเวทีประลอง ระดับการบ่มเพาะของผู้ที่ขึ้นเวทีประลองขั้นต่ำคือขั้นบ่มเพาะกายาที่ 1”
ผู้คนต่างตาเบิกโพลง พลางคิดในใจว่า “ตู๋กูหลงโหดอย่างที่คิดไว้จริง ๆ เพื่อที่จะฆ่าเย่เฟิง ถึงกับยอมให้คะแนน 50,000 แต้ม ด้วยคะแนนจำนวนนี้ถือว่าเป็จำนวนที่ไม่น้อยเลย ทว่าคำพูดของตู๋กูหลงจะทำให้เย่เฟิงตกเป็เป้าของคนหลาย ๆ คน เขาจะรอดไปได้หรืองานนี้!”
หลังจากตู๋กูหลงกล่าวเช่นนั้น สายตาของผู้คนมากมายที่มองเย่เฟิงพลันเปลี่ยนไป ในนั้นรวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์บนเวทีประลอง แม้แต่ชายร่างสูงใหญ่คนนั้นที่เก็บคะแนนได้ 30,000 แต้มก็มองเย่เฟิงด้วยสายตาลุกโชนเช่นกัน
“เลวทราม!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็มองตู๋กูหลงด้วยสายตาเย็นะเื และไม่ปกปิดจิตสังหารแม้แต่น้อย
“คนของตระกูลตู๋กูเ้าสู้ข้าไม่ได้ ก็เลยเอาคะแนนมาล่อคนอื่นเพื่อที่จะกำจัดข้า ตระกูลชั้นต่ำแบบนี้ไม่ควรอยู่ในเมืองหลวง”
เสียงของเย่เฟิงดังกึกก้องไปทั่วเขตเวทีประลองทดสอบ เขากวาดตามองฝูงชนพร้อมกล่าวว่า “หากพวกเ้าถูกซื้อด้วยคะแนน 50,000 แต้มนั่นจะถือว่าเป็สุนัขรับใช้ของตู๋กูหลง คิดทบทวนให้ดี ๆ เมื่อพวกเ้าคนใดคนหนึ่งขึ้นเวทีประลองนี้แล้วก็เท่ากับเป็ศัตรูของข้าเย่เฟิง และข้าเย่เฟิงคนนี้จะลงมือโดยไร้ความปรานีใด ๆ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้