เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินจากไป ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็หันไปมองแฮร์รี่กับรอนที่อยู่ด้านหลังเดม่อน
เมื่อสายตาของเธอเหลือบไปเห็นแฮร์รี่ เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า
“เพราะพวกเธอเป็ห่วงความปลอดภัยของเพื่อน ถึงได้ไม่คิดชีวิตวิ่งมาที่นี่ใช่ไหม?”
“ใช่ครับ ใช่เลย!”
แฮร์รี่กับรอนพยักหน้ารัวๆ
“มิตรภาพทำให้พวกเธอไม่สนใจความน่ากลัวของโทรลล์ นั่นแหละคือความกล้าหาญเฉพาะตัวของบ้านกริฟฟินดอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพยักหน้า สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย ซึ่งทำให้แฮร์รี่กับรอนโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
แต่ไม่นาน พวกเขาก็กลับมาหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง
“ต้องยอมรับว่าพวกเธอโชคดีมาก…แต่ฉันไม่อยากส่งเสริมความกล้าหาญแบบบุ่มบ่าม ดังนั้นพวกเธอจะไม่ได้แต้ม และก็จะไม่โดนหักแต้มด้วย ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”
ทั้งสองหันมาสบตากับเดม่อน ส่งสายตาว่า “เพื่อน นายดูแลตัวเองด้วยนะ” แล้วก็รีบวิ่งหนีออกจากชั้นสองทันที
จนกระทั่งพวกเขาวิ่งขึ้นบันไดมาอีกสองชั้น และในที่สุดกลิ่นเหม็นจากโทรลล์ก็หายไป พวกเขาถึงได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง
“ดูเหมือนเดม่อนจะไม่ได้โม้นะ เขาเอาเวลาทั้งหมดไปเรียนคาถาจริงๆ! นายได้ยินที่เขาคุยกับศาสตราจารย์มั้ย? จากสิ่งของไร้ชีวิตไปยังสัตว์… นั่นหมายความว่าไง? เขาจัดหมวดหมู่แปลงร่างตามระดับความยากเหรอ? ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ในคลาสเลยนะ!”
“รอน ฉันกลัวว่าถ้าเธอพูด ฉันก็คงฟังไม่รู้เื่อยู่ดี นายยังจำได้มั้ย? พวกเรายังเปลี่ยนได้แค่ของใช้ธรรมดาที่อยู่นิ่งๆ เท่านั้น ซึ่งก็คือแปลงจากสิ่งของไปยังสิ่งของ”
แฮร์รี่เงยหน้าขึ้น บันไดข้างหน้าเหมือนทอดยาวขึ้นสู่ฟ้า เขาลากเท้าขึ้นช้าๆ สีหน้าเหมือนผิดหวัง แต่ก็แฝงด้วยความอิจฉา
ในอนาคตของเขา ที่ฮอกวอตส์ เขาจะต้องเรียนอีกนานแค่ไหนถึงจะเก่งเหมือนเดม่อน?
ทำไมทุกคนถึงเรียกเขาว่า “ผู้กอบกู้”? แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่มีอะไรที่พิเศษออกมาเลย?
ตัวเขาที่แสนธรรมดา เหมือนหญ้าริมทะเลสาบต้องลมพัดปลิวไปมา…เป็ครั้งแรกที่แฮร์รี่รู้สึกว่า เขาอยากจะแข็งแกร่งขึ้น
ในห้องนั่งเล่นรวมเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกวุ่นวาย ทุกคนกำลังกินอาหารที่ถูกส่งมา มีเพียงเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่คนเดียวหน้าทางเข้า คอยรอพวกเขา
จู่ๆ ทั้งสองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา
“ขอบคุณนะ…แล้วเดม่อนล่ะ?”
“เขาถูกศาสตราจารย์มักกอนนากัลเรียกไว้ ยังน่าจะมีเื่จะพูดกันอีก”
แฮร์รี่รีบตอบ ไม่รู้ทำไม เขากับรอนรู้สึกหน้าไหม้อย่างบอกไม่ถูก แล้วก็รีบวิ่งไปหาอาหารของตัวเองทันที
เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองปากทางเข้า วางมือลงบนกระโปรงอย่างเรียบร้อยและยืนรอเงียบๆ
เธอกำลังซ้อมในหัว
ตอนที่เดม่อนมาถึง เธอจะกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพและมั่นใจ พร้อมรอยยิ้มสดใส
จากวันนี้ไป เธอจะเป็เพื่อนกับเดม่อน
แผนสมบูรณ์แบบ
สิบนาทีต่อมา มีเสียงดังมาจากนอกทางเข้า มือทั้งสองของเดม่อนโผล่เข้ามาในรู
แค่เพียงมือเท่านั้น ก็ทำให้ใครๆ เผลอจินตนาการถึงใบหน้าหล่อเหลาจนแทบไม่น่าเชื่อของเขา
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มประหม่า
เธอก้มลงมองกระโปรงจีบพลีตของตัวเอง ตอนนี้ขอบกระโปรงที่ถูกบีบไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างยับยุ่งไปหมดแล้ว
เธอแอบเกลี่ยให้เรียบอย่างแเี
“เฮอร์ไมโอนี่ เธอยืนอยู่ตรงนี้ทำไมเหรอ?”
เดม่อนใช้มือยันขอบทางเข้าไว้ ยิ้มอย่างอบอุ่น
เขาไม่ได้รีบเข้ามา แต่กลับนอนหมอบอยู่ตรงทางเข้า ดวงตาสีฟ้าใสราวท้องฟ้าในฤดูหนาวจ้องมองเธอตรงๆ
ใบหน้าเฮอร์ไมโอนี่เริ่มแดง
“ฉันมารอเธอ…”
เธอดีใจที่ยังพูดประโยคนี้ออกมาได้จบ
“รอฉัน? รอทำไมล่ะ?”
รอยยิ้มของเด็กหนุ่มยิ่งทำให้คิ้วตาเขายิ่งชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาราวประติมากรรมกรีกดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันที
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนขึ้นอีก‘หน้าฉันตอนนี้ต้องแดงมากแน่ๆ!’
เธอเผลอคิดแบบนั้น
แปลกจัง ทั้งที่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็แบบนี้เลย บรรยากาศก็ไม่น่าเป็แบบนี้
เธอจะกล่าวขอบคุณอย่างจริงจัง เดม่อนจะตอบรับอย่างสุภาพ พวกเขาจะยังคงเป็คู่แข่งกัน แต่ก็เป็เพื่อนที่นับถือกัน จากนั้นเื่นี้ก็จบไป
แล้วทำไมมันถึงกลายเป็แบบนี้ล่ะ?
“ข-ขอบคุณนะ”
เธอพูดอย่างเขินอาย
ทั้งที่มันไม่น่าจะเป็แบบนี้เลย…
“โอ้ เธอมารอฉันเพื่อจะพูดแบบนี้เหรอ”
เดม่อนค่อยๆ คลานเข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับพูดว่า
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เธอยังจำได้ไหมว่าฉันพูดอะไรกับเธอ?”
“อะ-อะไรเหรอ?”
“เราเป็เพื่อนกัน เฮอร์ไมโอนี่ เพื่อนกันไม่จำเป็ต้องขอบคุณกันให้วุ่นวายขนาดนั้นหรอก”
“ช่วยดึงฉันขึ้นไปหน่อยสิ”
มือเรียวยาวยื่นมาหาเฮอร์ไมโอนี่ เธอยื่นมือไปรับโดยไม่คิด แต่กลับรู้สึกถึงรอยด้านหนาบนปลายนิ้วของเขา
เดม่อนยังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมถึงมีรอยด้านหนาแบบนี้ได้?
ความคิดของเธอเริ่มล่องลอย ก่อนที่เดม่อนจะพูดต่อว่า
“ขอบคุณนะ ไปกินข้าวกันเถอะ วันนี้เธอยังไม่ได้กินดีๆ ใช่มั้ย?”
“อะ-อืม…”
เฮอร์ไมโอนี่รีบเก็บความสงสัยไว้ก่อน มือทั้งสองแยกจากกันในพริบตา
นับจากนั้นมา แฮร์รี่กับรอนก็มี “ครูพิเศษ” เพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง
แต่อาจารย์คนใหม่นี้เมื่อเทียบกับเดม่อนแล้ว กลับเข้มงวดเป็พิเศษ
เธอไม่ยอมให้พวกเขาคัดการบ้านจากเดม่อน แต่จะระบุหนังสืออ้างอิงให้ทั้งสองคนไปหามาอ่านเอง
เธอยังชอบเล่าเื้ัสถาปัตยกรรมในปราสาทที่พวกเขาเคยเจอตอนผจญภัยให้ฟัง เพิ่มสีสันให้ทั้งสองคนมากมาย
หลังจากเหตุการณ์โทรลล์ เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่เคร่งครัดเื่กฎระเบียบเหมือนแต่ก่อน ทำให้เธอเข้ากับรอนและแฮร์รี่ได้ง่ายขึ้น ส่วนเื่ถกเถียงเล็กๆ น้อยๆ นั้น มักจะจบลงด้วยคำตัดสินของเดม่อน
ไม่ว่าจะเฮอร์ไมโอนี่หรือรอนกับแฮร์รี่ ต่างก็เชื่อฟังการตัดสินใจของเดม่อนเป็อย่างมาก รอนยังเคยแอบคุยกับแฮร์รี่ว่าหรือว่าในใจของเฮอร์ไมโอนี่ เธอยอมแพ้ให้กับเดม่อนไปแล้ว?
พอเข้าเดือนพฤศจิกายน อากาศก็หนาวจัด
ูเารอบโรงเรียนกลายเป็สีเทาอึมครึม ปกคลุมด้วยหิมะ ทะเลสาบกลายเป็เหมือนเหล็กที่ผ่านการชุบแข็ง ทั้งเย็นและแข็ง
ทุกเช้า พื้นดินจะมีน้ำค้างแข็งปกคลุม
จากหน้าต่างชั้นบนจะมองเห็นแฮกริด เขาสวมเสื้อโค้ทหนังตุ่นยาว ใส่ถุงมือขนกระต่าย รองเท้าเฟอร์ตัวเบ้อเริ่ม กำลังกำจัดน้ำค้างแข็งจากไม้กวาดที่สนามควิดดิช
การแข่งขันควิดดิชนัดแรกที่แฮร์รี่ตั้งตารอกำลังจะเริ่มขึ้น
เพื่อเตรียมตัวสำหรับการฝึกหนักของควิดดิช เขาแทบไม่มีเวลาไปขอเดม่อนฝึกเวทมนตร์ด้วยเลย และทุ่มเทเวลาให้กับการแข่งขันครั้งนี้เต็มที่
วันเสาร์ เขาจะได้ลงแข่งเป็ครั้งแรกในชีวิต
เพราะสเนปเอาแต่ลำเอียงเข้าข้างสลิธีริน คะแนนของบ้านกริฟฟินดอร์เลยอยู่อันดับสอง ถ้าไม่ใช่เพราะเดม่อนขยันทำคะแนนในคาบเวทมนตร์และแปลงร่าง พวกเขาคงไม่ติดอันดับสองด้วยซ้ำ
แต่ถ้าชนะการแข่งกับสลิธีรินได้ คะแนนของพวกเขาจะกลายเป็อันดับหนึ่งทันที!
(จบบท)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้