ไม่คิดว่าอวี้เสวียนจีกลับแสร้งทำเป็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ“ฝ่าาทรงเป็ฮ่องเต้แห่งแคว้น พระองค์ยังไม่ทรงรับสั่งข้าอุปราชจะกล้าพูดได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”
ประโยคเดียวยั่วเอาซูเฟยซื่อเกือบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
เดิมนางยังกังวลว่าซ่งหลิงซิวจะให้อวี้เสวียนจีมาแบกกระทะดำใบนี้แต่คิดไม่ถึงว่าอวี้เสวียนจีไม่เพียงแต่หลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดายยังตามด้วยเยาะเย้ยซ่งหลิงซิวในฐานะเป็ฮ่องเต้แห่งแคว้น กระทั่งเื่การปกครองราชสำนักยังไม่มีความคิดเห็นของตัวเอง
ซ่งหลิงซิวฟังความหมายในวาจาของอวี้เสวียนจีออกอดไม่ได้ที่จะหน้าสลดทันที
ท่าทีอันชัดเจนของอวี้เสวียนจีนี้เป็การไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
ปีนั้นที่ตระกูลกู้อยู่อวี้เสวียนจียังเก็บงำสำรวมเอาไว้บ้าง ตอนนี้ตระกูลกู้ไม่อยู่...
ถ้ากระทั่งซูเต๋อเหยียนก็ไม่อยู่นั่นมิใช่ให้อวี้เสวียนจีไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา ไม่สนใจกฎแห่งฟ้าดินทั้งสิ้นหรือ
ไม่ได้ซูเต๋อเหยียนจะเกิดเื่ไม่ได้เด็ดขาด
ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็มีแต่ต้องสละตระกูลหลี่แล้ว
คิดมาถึงตรงนี้ซ่งหลิงซิวพลันตัดสินใจทันทีก็กำลังจะอ้าปาก แต่กลับถูกหลี่ชิ่งเหยียนชิงไปก่อน
เพียงเห็นหลี่ชิ่งเหยียนคุกเข่าโครมลงตรงหน้าซูเฟยซื่อ“เฟยซื่อ เป็ตาไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกหลานให้ดีใส่ร้ายเ้าจนเกือบทำให้เ้าสูญเสียชีวิต เ้าได้รับความใกลัวแล้ว ตาขอโทษเ้าแทนพวกเขา”
การแสดงของหลี่ชิ่งเหยียนนี้เป็อย่างไรอีก?
เวลานี้จะขอโทษก็ควรเป็การขอโทษต่อหลัวไท่ฟูทำไมกลายเป็นาง?
ขณะที่ซูเฟยซื่อเต็มไปด้วยความสงสัยเพียงได้ยินเสียงหลี่ชิ่งเหยียนโขกศีรษะช้าๆ ไปพลาง ใช้เสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนได้ยินเท่านั้นพูดจาไปพลางกล่าวว่า “ขอเพียงเ้าสามารถช่วยชีวิตของหลี่หยงไว้ได้ไม่ว่าเงื่อนไขอะไรข้ายินดีตอบตกลงเ้าทั้งสิ้น”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นประกายแสงในดวงตาซูเฟยซื่อพลันกะพริบวาบทันที
ที่แท้เป็เช่นนี้หลี่ชิ่งเหยียนเป็จิ้งจอกเฒ่าตัวหนึ่งจริงๆทันทีที่เห็นสีพระพักตร์ของซ่งหลิงซิวก็รู้ว่าเขาคิดเสียสละตระกูลหลี่เพื่อรักษาความสมดุลของราชสำนักทั้งหมดไว้
แต่ฮ่องเต้เอ่ยพระโอษฐ์ก็เป็พระราชโองการไม่สามารถเรียกคืนได้อีก
ดังนั้นเขาจึงขัดจังหวะในพระดำรัสของซ่งหลิงซิวมาขอความช่วยเหลือจากนาง
หัวใจของซูเฟยซื่อเปลี่ยนไปทันทีและได้มีการตัดสินใจโดยพลัน พยักหน้าให้เขาโดยไม่สามารถสังเกตเห็น นับเป็การตกลง
เห็นเช่นนี้ในที่สุดหัวใจดวงหนึ่งที่แขวนไว้ของหลี่ชิ่งเหยียนก็วางลงอย่างช้าๆลุกขึ้นไปคุกเข่าให้หลัวไท่ฟูอีก
หลี่ชิ่งเหยียนไม่ได้เป็ตัวละครทั่วไปคนหนึ่งอย่างแท้จริงในเวลาเช่นนี้ยังสามารถคิดอย่างรอบคอบแบบนี้ได้
ไม่เพียงสามารถมีความแม่นยำในเื่การตัดสินพระทัยของฮ่องเต้ยังสามารถคิดหาวิธีได้ในเวลาอันสั้น กระทั่งการแสดงยังทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นางช่วยเขาดูไปแล้วเป็สิ่งที่ถูกต้อง
มิฉะนั้นทวนเปิดเผยหลบหลีกง่ายเกาทัณฑ์ลับยากระวังถ้าหลี่หยงตายแล้วหลี่ชิ่งเหยียนต้องไม่ลังเลที่จะทุ่มสุดตัวไม่เสียดายราคาค่างวดช่วยแก้แค้นให้เขาแน่นอน
ถึงเวลานั้นนางอาจไม่ได้มีโอกาสโชคดีแบบนี้ที่จะหลบหนีไปได้ทุกครั้งแน่ๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังจากเหตุการณ์นี้ตระกูลหลี่ไร้คนในราชสำนักก็ตกอับสูญสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้วด้วย
เป้าหมายของนางคือทั่วใต้หล้าทั้งหมดไยต้องหาเื่สร้างปัญหาแก่ตัวเอง เล่นงานตระกูลที่ล้มเหลวตระกูลหนึ่งกัดไม่ปล่อย
“ฝ่าาคุณหนูหลัวยังเยาว์วัยต้องเสียชีวิตอย่างน่าสังเวช ให้จิตใจผู้คนปวดร้าวจริงๆยังขอฝ่าาทรงพระราชทานแพรขาวสามฉื่อ[1] แก่นางแซ่หลี่หญิงผู้ต้องโทษส่วนหลี่หยงขุนนางผู้กระทำผิด...เนรเทศไปยังชายแดนเพคะ”ซูเฟยซื่อก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพยำเกรง
นางปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้เท่ากับฝนทันฤดูกาลช่วยซ่งหลิงซิวแก้ปัญหาเผือกร้อนลวกมือเื่นี้ได้
“ในเมื่อคุณหนูสามกับคุณหนูหลัวเป็เหยื่อถูกทำร้ายเหมือนกันถ้าเช่นนั้นข้าก็จัดการตามที่เ้าตั้งใจเถิด”ซ่งหลิงซิวดำริก็ไม่ได้ทรงดำริอะไรทั้งสิ้นก็ทรงตรัสออกมายังไม่ทรงลืมที่จะกล่าวตามให้ทรงพระราชทานเงินทองผ้าพับเป็ค่าตอบแทน
อย่างไรก็ตามไม่ว่าการจัดการแบบนี้ดีหรือเลวล้วนเป็ซูเฟยซื่อนำเสนอมา ถ้านับว่าต้องกล่าวโทษก็ไปกล่าวโทษที่ซูเฟยซื่อ
เนรเทศไปยังชายแดน
คำพูดเหล่านี้เป็เหมือนหินก้อนใหญ่พันชั่งทุ่มใส่หัวใจของหลี่ชิ่งเหยียน
แต่เขายังสามารถพูดอะไรได้อีก?
กล่าวไปสำหรับเขานี่เป็ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อยยังสามารถเก็บรักษาชีวิตของหลี่หยงไว้ได้
อย่างไรก็เก็บขุนเขาเขียวขจีไว้ได้มิกังวลไม่มีฟืนเผา
เดิมซูเต๋อเหยียนยังตำหนิซูเฟยซื่อบ้างที่ลุกออกมาในเวลานี้แต่เมื่อได้ยินซ่งหลิงซิวทรงพระราชทานรางวัลให้ไม่น้อยพลันในใจก็ยิ้มอย่างเบิกบานด้วย
ทั้งนางแซ่หลี่กับหลี่หยงต่างได้รับการลงโทษตามที่ควรได้ก็นับว่าปลอบประโลมิญญาของหลัวฉีลี่ในสรวง์แล้ว
หลัวไท่ฟูนอกจากโขกศีรษะคำนับขอบพระคุณเพียงคิดอยากไปจากสถานที่เศร้าโศกแห่งนี้
ซูเฟยซื่อหาเหตุผลให้ซูเต๋อเหยียนจากไปก่อนแล้วนางจงใจชะลอฝีเท้าช้าลง ราวกับว่านางกำลังรอใครบางคนอยู่
นางเพิ่งออกมาจากวังไม่นานหลี่ชิ่งเหยียนก็ไล่กวดตามขึ้นมาแล้วจริงๆ
“คุณหนูสามมีฝีมือยิ่งนักทำเอาเราขุนนางใหญ่และแม้แต่ฮ่องเต้ต่างเล่นอยู่ในมืออย่างชำนาญดุจปอกกล้วยเข้าปากทำให้ข้านับถือแล้วจริงๆ” น้ำเสียงหลี่ชิ่งเหยียนแฝงความจริงใจที่หายาก
ซูเฟยซื่อหยักริมฝีปากยิ้มเล็กน้อย“ท่านตาชมเกินไปแล้วจริงๆเฟยซื่อสามารถหนีรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ล้วนเป็ความโชคดี”
มีแต่คนโง่เท่านั้นจึงชอบอวดคนฉลาดต่างแกล้งทำเป็โง่ซ่อนตัวเองไว้
จากจุดนี้ซูเฟยซื่อเป็คนฉลาดคนหนึ่งจริงๆ
แต่นางปฏิเสธที่จะยอมรับเขาก็ไม่ยินดีที่จะพูดออกมา อย่างไรผลแพ้ชนะก็ออกมาตั้งนานแล้ว
“ถึงแม้กล่าวว่าหลี่หยงพ่ายแพ้ในมือของเ้าแต่ตลอดที่ผ่านมาข้ารักษาสัจจะดุจทองพันชั่ง เ้ามีเงื่อนไขอะไรขอเพียงเอ่ยออกมา”หลี่ชิ่งเหยียนกล่าว
“เงื่อนไขเพียงข้อเดียวก็คือนับแต่บัดนี้เป็ต้นไปตระกูลหลี่ทั้งหมดไม่อนุญาตมาหาเื่ข้าอีกไม่ว่าใคร” ซูเฟยซื่อกล่าวตอบอย่างเ็า
ความพิศวงแปลกใจปราดหนึ่งกะพริบผ่านในดวงตาของหลี่ชิ่งเหยียนอย่างรวดเร็วดูเหมือนไม่คิดว่าเงื่อนไขที่ซูเฟยซื่อเสนอมาง่ายดายแบบนี้ “นี่แน่นอนในชนรุ่นหลังของตระกูลหลี่ไม่มีใครที่สามารถแข่งขันกับเ้าได้อีก ดังนั้นจุดนี้เ้าขอเพียงวางใจ”
“สามารถวางใจเป็สิ่งที่ดีที่สุดมิฉะนั้นมีคราวหน้าข้าจะไม่มีวันใจอ่อนเด็ดขาด” โอกาสมีเพียงครั้งเดียวให้มากขึ้นก็เป็การสงเคราะห์แล้ว
แต่นางไม่ใช่เป็คนใจดีอะไรทั้งนั้นทำไมต้องสงเคราะห์คนอื่น?
กล่าวจบไม่รอหลี่ชิ่งเหยียนตอบ นางก็หันหลังเข้าไปในรถม้าแล้ว “สายแล้ว ท่านตาก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”
มองดูรถม้าของซูเฟยซื่อที่ค่อยๆห่างไกลออกไป พลันหลี่ชิ่งเหยียนก็รู้สึกว่าตนเองเฒ่าแล้ว
ไม่ว่าจะเป็วิธีการหรือความกล้าหาญเขาห่างไกลเทียบไม่ได้กับซูเฟยซื่อ
“ตระกูลหลี่นับว่าถูกทำลายอย่างถึงที่สุดในมือของเ้าแล้ว”จู่ๆ อวี้เสวียนจีก็ลอยเบาๆ มุดเข้ามาในรถม้า อิงที่ข้างกายซูเฟยซื่อ
“พวกเขาก่อกรรมทำเข็ญเองย่อมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยิ่งกว่านี้ ถ้าไม่ใช่ท่านอ๋องกับทหารรักษาพระองค์มาได้ทันกาลตอนนี้เกรงว่าซูเฟยซื่อได้เป็ศพทอดร่างอยู่ในที่เปลี่ยวแล้ว” ซูเฟยซื่อพูดเบาๆ
“ถ้าไม่ใช่เ้าสังเกตเห็นตระกูลหลี่มีความพิกลอยู่ก่อนให้ซางจื่อไปลอบสอดแนม เ้าคิดว่าข้าอุปราชจะลงมือช่วยเ้า?” ตาหงส์ของอวี้เสวียนจีเลิกขึ้นเบาๆยิ้มราวกับท่องเล่นท่ามกลางมวลมนุษย์ “ข้าอุปราชเคยกล่าวไว้ ข้าอุปราชช่วยผู้กล้าส่วนผู้อ่อนแอ...ข้าเพียงสามารถส่งเขากลับปรภพยิ่งเร็วขึ้น”
เหมือนตระกูลหลี่
นางกับตระกูลหลี่นางเป็ผู้กล้าที่เข้มแข็ง
ดังนั้นอวี้เสวียนจีจึงช่วยนางโยนตระกูลหลี่เข้าไปในนรกโดยไม่เปลืองแรง
เพียงแต่...ถ้ามีวันหนึ่งนางกลายเป็ผู้อ่อนแอด้วยแล้ว อวี้เสวียนจีจะโต้กลับทันทีหรือไม่?
ดูเหมือนเดาได้ถึงสิ่งที่นางคิดไว้ในใจไม่รอนางเอ่ยปาก อวี้เสวียนจีได้กล่าวต่อไป“ถ้ามีวันหนึ่งเ้ากลายเป็ผู้อ่อนแอแล้ว ข้าอุปราชต้องไม่ใจอ่อนดังนั้นเ้าต้องเปลี่ยนเป็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีเพียงผู้กล้าเท่านั้นจึงสามารถยืนตระหง่านไม่ล้มได้”
หวังอวี้เสวียนจีใจเมตตามีคุณความดีสักครายังเป็เื่งมงายคิดเพ้อฝัน ซูเฟยซื่อค้อนขวับไปทันที “ขอบคุณท่านอ๋องชี้แนะเฟยซื่อต้องไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่ๆ เ้าค่ะ”
-------------------
[1] ฉื่อมาตราวัดจีน 1ฉื่อ เท่ากับ ประมาณ 1 ใน 3 เมตร