"คุณหนู"
เสียงะโของอูหลันฮวาทะลุทะลวงยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้อง วิ่งเข้าไปหาเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งเพิ่งลงจากรถม้าอย่างสุดกำลัง
"แฮ่ม" พอเห็นอูหลันฮวาแทบจะโผกอดเซวียเสี่ยวหรั่นด้วยความตื่นเต้น เหลียนเซวียนก็จำเป็ต้องกระแอมอย่างแรงทีหนึ่งปรามไว้
หากปล่อยให้อูหลันฮวาโถมเข้าใส่เซวียเสี่ยวหรั่น มิทำให้นางล้มหงายหลังพอดีหรือ
"คุณชาย" อูหลันฮวาหยุดชะงักฉับพลัน แต่สายตาที่มองเขากลับมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง
"หลันฮวา" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางวิ่งเข้ามากอดแขนของนาง
"คุณหนู ท่านไม่เป็ไรใช่หรือไม่" อูหลันฮวาขอบตาแดง เบะปากเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่กล้า
"ข้าไม่เป็ไร สบายดีทุกอย่าง" เซวียเสี่ยวหรั่นตบบ่าของนาง
"พี่สาว"
เซวียเสี่ยวเหล่ยวิ่งออกมาจากห้องโถมโรงเตี๊ยม หลายวันแล้วที่ไม่ได้พบกัน ดวงหน้าผอมเล็กจ้อยดูเหมือนจะซูบลงไปอีกสองส่วน
"เสี่ยวเหล่ย" เซวียเสี่ยวหรั่นปวดใจขึ้นมาทันที เดินเข้าไปโอบไหล่ผอมบางของเขาไว้
เฮ่อ กว่าจะบำรุงเด็กคนนี้ให้มีเนื้อขึ้นมาสักนิดก็ลำบากแทบตาย สูญสลายไปหมดแล้ว
"ครืน... เปรี้ยง" สายฟ้าแลบแปลบปลาบ เสียงฟ้าผ่าลั่นดังสนั่นอยู่เหนือโรงเตี๊ยม
"เข้าไปก่อนค่อยพูด" เหลียนเซวียนส่งสัญญาณให้หงกูกับฟางขุยที่เข้ามาต้อนรับ
เซวียเสี่ยวหรั่นจูงมือข้างละคนเดินตามพวกเขาเข้าไปข้างใน
"เปาะแปะๆๆ" พายุฝนลูกใหญ่กระหน่ำทั่วเมืองหลินชุน
ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆดำทะมึน คนงานรีบวิ่งมาจุดโคม แล้วนำไปแขวนที่ใต้ชายคาหน้าระเบียงเรือน
เสียงฝนตกหนักกระทบหลังคาดังเปาะแปะ
อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวหรั่นแล้วก็ยังมีอาเหลยอีกตัวเข้ามาป้วนเปี้ยนรอบตัวเซวียเสี่ยวหรั่นไม่หยุด
เหลียนเซวียนนั่งอยู่ในห้องรับแขกเล็กซึ่งอยู่ติดกันฟังรายงานจากฟางขุย
"หัวหน้าเหลยติดตามคนชุดดำกลุ่มนั้นไปในป่าเมื่อสองวันก่อน แต่พวกมันเ้าเล่ห์นัก ไม่ห่วงต่อสู้ สู้ไปก็ถอยไป หัวหน้าเหลยให้คนติดตามถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาจากเขตูเาเลยขอรับ"
ฟางขุยรับหน้าที่อยู่เฝ้าติดตามสถานการณ์และส่งข่าว
"พวกเขายังอยู่ในเขตูเารึ?" เหลียนเซวียนหัวคิ้วขมวด ดูท่าเหลิ่งอีคงจะาเ็สาหัส มิเช่นนั้นจะยังรั้งอยู่ที่นั่นได้อย่างไร "ส่งสารไปถึงเหลยลี่ ถามสถานการณ์ปัจจุบันอย่างละเอียด"
"พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย" ฟางขุยถอยออกไป
"องค์ชาย พระวรกายของพระองค์มิเป็อันใดใช่หรือไม่" หงกูยกน้ำชาเดินเข้ามา
"ไม่เป็ไร ทางนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง"
ไม่เห็นผูหยางชิงหลัน เหลียนเซวียนรู้สึกได้ว่าต้องมีปัญหา
"ท่านหญิงหย่งเจียมาแล้วเพคะ" หงกูรายงาน หลังจากสุขภาพขององค์ชายฟื้นฟู พวกเขาและบรรดาผู้ติดตามก็ไม่วิตกเื่ความปลอดภัยของพระองค์อีก
องค์ชายทรงเป็อัจฉริยะเปี่ยมไปด้วยพร์ วรยุทธ์กล้าแกร่ง มีคู่ต่อสู้เพียงไม่กี่คนที่จะสามารถรับมือกับพระองค์ตัวต่อตัว ต่อให้ตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู คิดจะปลีกตัวหนีก็หาใช่เื่ยาก
"หย่งเจียมาแล้ว? เป็เื่ั้แ่เมื่อไร ศิษย์พี่เล่า? หนีไปอีกแล้วหรือ" เหลียนเซวียนได้ยิน คิ้วดาบก็เลิกขึ้น
"จวิ้นจู่ [1] มาถึงเมืองหลินชุนั้แ่เมื่อวานเพคะ ตอนนั้นคุณชายผูหยางไม่อยู่พอดี ดังนั้นจวิ้นจู่จึงให้บริวารซุ่มอยู่รอบโรงเตี๊ยม ยามคุณชายผูหยางกลับมา พบว่าสถานการณ์ผิดปรกติ คิดจะหนีแต่ไม่สำเร็จ ถูกจวิ้นจู่เชิญตัวไปโรงเตี๊ยมอื่นที่ไล่คนออกไปหมดแล้วเพคะ"
หงกูนึกถึงสีหน้าของผูหยางชิงหลันตอนนั้น ใบหน้าที่เคร่งขรึมตลอดเวลาก็ผุดรอยยิ้มอย่างมิอาจสะกดกลั้น
"เฟิงหยางก็ถูกเชิญไปด้วยหรือ" มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้นเล็กน้อย
"เพคะ" หงกูตอบ
ยังมีเื่อื่นอีกหรือไม่" สายตาของเหลียนเซวียนมองไปห้องที่อยู่ติดกัน เสียงคุยกันในห้องดังเจี๊ยวจ๊าวไม่หยุด
"ยามที่พระองค์กับคุณหนูเซวียเกิดเื่ อูหลันฮวากับนายน้อยเซวียดึงดันจะบุกขึ้นเขาไปให้ได้ บ่าวห้ามไม่อยู่ จำต้องให้ฟางขุยทุบพวกเขาจนสลบ หลังจากกลับมา ทั้งสองก็โกรธเคืองฟางขุย หลายวันมานี้ปั้นปึ่งใส่ฟางขุยตลอดเวลาเลยเพคะ"
หงกูละอายใจอยู่บ้าง นางเป็คนออกความคิด แต่ฟางขุยกลับต้องมาแบกหม้อดำ [2]
เหลียนเซวียนอมยิ้ม "เื่นี้เ้าทำถูกแล้ว เื่ฟางขุย ข้าจะจัดการเอง"
อูหลันฮวาซึ่งอยู่ข้างห้องกำลังต่อว่าต่อขานพฤติกรรมของฟางขุยอย่างโมโหโทโส
"หากไม่ใช่เขาเข้ามาขัดขวาง พวกเราคงบุกไปตามหาท่านแล้ว"
"พวกเ้าโง่รึเปล่า ข้ากับเหลียนเซวียนถูกตามสังหารเข้าไปหลบในหุบเขา พวกเขาสองคนจะส่งตัวเข้าไปให้ผู้อื่นสับเป็กระเทียมป่าหรืออย่างไร"
เซวียเสี่ยวหรั่นตำหนิพวกเขาอย่างมีเหตุผล
"แต่พวกเราตามไปก็อาจช่วยขวางคนร้ายได้บ้าง" อูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยสบตากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
"หลันฮวา เสี่ยวเหล่ย ต่อไปหากพบเหตุการณ์เช่นนี้อีก อย่าหัวร้อนบุกเข้าไป ข้ารู้ พวกเ้าอยากช่วย แต่คนร้ายเ่าั้เป็นักฆ่าสังหารคนตาไม่กะพริบ แม้เ้าจะมีกำลังวังชาล้นเหลือ แต่หาใช่ยอดฝีมือที่ฝึกยุทธ์มาแต่อายุยังน้อย นักฆ่าเหล่านี้กับโจรป่าไม่เหมือนกัน พวกเขาล้วนแต่มือสังหารฝีมือร้ายกาจ แค่กระบี่เดียวผู้อื่นก็เอาชีวิตเ้าได้แล้ว"
เซวียเสี่ยวหรั่นกล่าวเตือนด้วยสีหน้าจริงจัง "ฟางขุยทำถูกต้องแล้ว หากตอนนั้นพวกเ้าบุ่มบ่ามเข้าไป ยิ่งช่วยกลับยิ่งยุ่ง เหลยลี่ไม่เพียงแต่ต้องติดตามคนร้าย ยังต้องมาดูแลพวกเ้าอีก พวกเ้าก็จะกลายเป็ภาระ เข้าใจความหมายหรือไม่"
อูหลันฮวาถูกตำหนิก็คอตก สีหน้าซึมเซื่องลงไป
"พี่สาว พวกเราแค่เป็ห่วงท่าน" เซวียเสี่ยวเหล่ยก้มหน้า แท้จริงแล้วพวกเขาก็เข้าใจเหตุผล
"พี่รู้" เซวียเสี่ยวหรั่นพลันใจอ่อน "พี่แค่อยากบอกว่า พวกเ้าควรดูแลตนเองให้ดี มิเช่นนั้นหากพวกเ้าไม่ว่าใครเกิดเื่ก็ตาม พี่ย่อมจะปวดใจมาก"
ทั้งสามต่างน้ำตาไหลพราก
"เจี๊ยกๆ" อาเหลยเข้ามากอดต้นขาของเซวียเสี่ยวหรั่นไว้ไม่ปล่อย
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบคนนี้ที ลูบคนนั้นที ทั้งซาบซึ้งและร้าวรานใจ
ฝนตกหนักต่อเนื่องครึ่งชั่วยาม ถึงค่อยๆ หยุด ท้องฟ้ายามนี้มืดสนิท
เซวียเสี่ยวหรั่นดึงอูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ยไปหาฟางขุย
"องครักษ์ฟาง วันนั้นต้องขอบคุณท่านมาก ที่ขัดขวางพวกเขาไม่ให้เข้าไปในป่า ต้องขออภัยที่หลายวันมานี้พวกเขาทำตัวไม่เป็มิตรกับท่าน" เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มพลางกล่าวขอบคุณเขา
ฟางขุยเหลือบมองไปด้านข้าง สีหน้าของอูหลันฮวายังบึ้งตึง ก็รีบสั่นศีรษะ "คุณหนูเซวียเกรงใจไปแล้ว พวกเขาก็ดีมากอยู่ หาได้ไม่เป็มิตร"
เซวียเสี่ยวหรั่นกระตุกแขนเสื้อของอูหลันฮวา นางถึงยอบกายให้ฟางขุยอย่างไม่เต็มใจนัก
"องครักษ์ฟาง ขออภัย"
"ไม่ๆๆ แม่นางอูเกรงใจไปแล้ว" ฟางขุยรีบโบกมือ หน้าแดงเล็กน้อย
เซวียเสี่ยวเหล่ยก็ยอมขอขมาแต่โดยดี
ใบหน้าละมุนละไมของเขาแดงยิ่งกว่าเดิม
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากนอกประตูโค้ง
เสียงของผูหยางชิงหลันดังมาเป็ระยะ
เซวียเสี่ยวหรั่นอึ้งไปชั่วครู่ ถึงนึกได้ว่า ั้แ่กลับมาตนเองยังไม่เห็นผูหยางชิงหลันเลย
เดิมทีนึกว่าคนที่เข้ามาจะเป็ผูหยางชิงหลัน แต่กลับพบว่าเป็สตรีในชุดกระโปรงหรูฉวินสีแดงอ่อนกำลังเยื้องกรายเข้ามา
ด้านหลังของนางมีผู้ติดตามกลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นก็คือผูหยางชิงหลันกับอวี๋เฟยหาง แต่พวกเขาดูเหมือนจะถูกควบคุมตัวอยู่ ด้านหลังมีบุรุษแต่งกายชุดองครักษ์แบบเดียวกันตามมาอีกหลายคน
สตรีผู้นั้นเดินไม่เร็ว จังหวะก้าวมั่นคง แลดูสำรวมมีมารยาท ขณะก้าวเดินแม้แต่ปิ่นไข่มุกที่ปักอยู่ศีรษะยังไม่ขยับ
ตอนแรกที่อยู่ไกล เซวียเสี่ยวหรั่นจึงไม่เห็นรูปโฉมของนาง
แต่ตอนหลังเมื่อเดินเข้ามาใกล้ เซวียเสี่ยวหรั่นถึงพบว่าสตรีผู้นี้รูปร่างสะโอดสะอง ดูมีสง่าราศี ดวงเนตรดำขลับทอประกายเจิดจรัส คิ้วบรรจงเขียนมาอย่างประณีต สอดรับกับชุดกระโปรงงามสง่าและเครื่องประดับศีรษะล้ำค่า เป็โฉมสะคราญยุคโบราณที่มีเสน่ห์อย่างหาตัวจับได้ยาก
"คุณหนู นี่คือท่านหญิงหย่งเจียเ้าค่ะ" อูหลันฮวากดเสียงกระซิบ"
...
[1] จวิ้นจู่ (ท่านหญิง) เป็ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับหนึ่ง โดยมากมักเป็ธิดาของอ๋องหรือองค์หญิง ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงเรียงลำดับจากสูงสุดมาต่ำสุดดังต่อไปนี้ จ่างกงจู่ (โดยมากคือพระญาติฝ่ายหญิงผู้าุโของฮ่องเต้) กงจู่หรือองค์หญิง (เป็ตำแหน่งพระธิดาของฮ่องเต้) จวิ้นจู่ และ เสี้ยนจู่ หรือท่านหญิง (โดยมากคือบุตรสาวของอ๋องหรือองค์หญิง บางครั้งก็เป็ตำแหน่งที่พระราชทานให้สตรีผู้มีคุณูปการ แต่งตั้งโดยฮ่องเต้)
[2] แบกหม้อดำ หมายถึงรับเคราะห์แทนผู้อื่น คล้ายสำนวนแพะรับบาป
