รุ่งเช้า ~~
ฉันที่ตื่นแต่เช้าด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นเต้นที่จะได้เริ่มไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ในเมืองใหญ่แห่งนี้ และด้วยภารกิจแรกหลังจากที่ฉันเคลียร์สิ่งของที่ขนมาจากบ้านเก่าให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จเรียบร้อย นั่นก็คือ...หางานทำ...
เนื่องจากฉันที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะหางานทำด้วยตัวเองก่อน หลังจากที่ตอนแรกพี่รามรับปากว่าจะช่วยฝากงานที่บริษัทของพี่เขาให้ แต่เพราะฉันที่ไม่อยากจะรบกวนคนอื่นมากเกินไป จึงเลือกที่จะขอลองด้วยตัวเองเสียก่อน...
เงาสะท้อนจากกระจกเต็มตัวบานใหญ่ฉายให้เห็นภาพของหญิงสาวรูปร่างสมส่วนที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน เรือนร่างเต็มสาวสะพรั่งที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไม่มีที่ติ เธอที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตชีฟองแขนยาวสีชมพูอ่อนโดยที่ชายเสื้อถูกสอดทับอยู่ใต้กระโปรงสีครีมทรงเอที่มีลูกเล่นเป็เลเยอร์ด้านหน้า และด้วยชุดสวยหวานที่ทาบทับอยู่บนเรือนร่างที่สวยโดดเด่นก็ยิ่งขับให้ใบหน้าของหญิงสาวที่ดูน่ารักเป็ทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งดูเจิดจรัสจนอาจจะทำให้ใครที่ได้พบเห็นเป็อันต้องหยุดมองได้
ฉันมองเงาตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกด้วยความภูมิใจ ก่อนจะหมุนตัวสำรวจร่างกายไปมาอีกครั้งเพื่อตรวจตราความเรียบร้อยก่อนออกจากที่พัก และที่ฉันต้องเช็กความละเอียดอยู่หลายครั้งนั่นก็เพราะเช้านี้ฉันมีนัดสำคัญที่อาจจะส่งผลต่ออนาคตของตัวเอง
และใช่...วันนี้ฉันมีนัดสัมภาษณ์งานจากบริษัทที่ฉันสมัครทางอีเมลทิ้งไว้ั้แ่ต้นสัปดาห์ก่อน...
ณ บริษัทในเครือ SBTeir Corporate
ร่างบางสมส่วนยืนมองภาพบริษัทั์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความตื่นเต้น ทั้งความใหญ่โตและความดังระดับติดท็อปทรีของประเทศยิ่งทำให้หัวใจด้วยน้อย ๆ ของตัวเองเริ่มที่ประหม่า และก่อนที่ตัวฉันจะตื่นเต้นจนเป็ลมลงไปก่อนจะได้สัมภาษณ์งาน ฉันก็พยายามรวบรวมสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อีกครั้ง เพื่อส่งความมั่นใจลงไปสู่เท้าแล้วก้าวเดินเข้าไปรับการสัมภาษณ์งาน
ภาพลักษณ์และบรรยากาศของบริษัทที่ฉันได้เห็นบ่งบอกถึงความเนี้ยบและความมีมาตรฐานอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกชอบและอยากทำงานที่บริษัทแห่งนี้มาก จนถึงขั้นที่ในขณะฉันเดินไปตามทางที่ประชาสัมพันธ์ได้แจ้งเอาไว้ ก็ไม่ลืมที่จะภาวนาในใจไปพร้อมกัน เพื่อขอให้ฉันผ่านการสัมภาษณ์ในครั้งนี้...
และเมื่อการสัมภาษณ์งานเสร็จสิ้น...
‘เย้ๆๆๆ ...พ่อค่ะลินได้งานทำแล้วนะคะ พ่อภูมิใจกับลินไหม’
ฉันกรีดร้องด้วยความดีใจพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าเพื่อพูดกับคนที่อยู่บนนั้น โดยที่ไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะมองฉันยังไง เพราะเมื่อผลจากการสัมภาษณ์งานปรากฏว่าฉันได้งานแล้ว และจะได้เข้ามาเป็ส่วนหนึ่งของบริษัทนี้ในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ทำให้ฉันไม่อาจกักกั้นเก็บความดีใจเอาไว้ได้อีกแล้ว
และด้วยความดีใจและความปลื้มใจทำให้ฉันไม่รอช้าที่จะโทรไปบอกสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้กับผู้ใหญ่ที่ฉันเคารพรักอย่างป้านีและพี่ราม
ตู๊ดดดด...ตู๊ดดดด...~~
ติ๊ด... ~~
‘เป็ไงบ้างหนูลิน...’ เสียงที่แสนอบอุ่นถูกส่งมาจากปลายสาย ยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในของฉันตอนนี้ยิ่งพองโต
‘สวัสดีค่ะป้านี ป้านีค่ะ ลิน...ลินได้งานทำแล้วนะคะ...เย้ๆๆๆ’ ฉันที่แทบอยากจะกรี๊ดออกมาอีกรอบ รีบเอ่ยปากบอกปลายสายด้วยหัวใจที่ลิงโลด
‘จริงเหรอ ดีจังเลย ป้าดีใจกับหนูลินด้วยนะลูก’ ส่วนน้ำเสียงจากปลายสายที่ดูจะดีใจไม่ต่างกับฉัน ก็ได้เอ่ยแสดงความยินดีด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นกัน
‘แล้วนี่เขาให้เริ่มงานเมื่อไรจ๊ะ แล้วเราน่ะชินกับที่นู่นแล้วเหรอ’ ป้านีที่แม้จะยินดีแต่ก็ยังอดห่วงเด็กสาวที่ตนเองเอ็นดูไม่ได้ นั่นก็เพราะแม้ว่าเด็กสาวจะเพิ่งจากเธอมาได้เพียงแค่วันสองวัน แต่สำหรับเธอนั้นเหมือนกับเวลาช่างผ่านไปนานเหลือเกิน
‘แหะๆๆ ยังไม่ชินเลยค่ะ แต่ลินตื่นเต้นมากกว่า ที่นี่มีอะไรน่าสนใจเยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะ’ ฉันตอบไปตามความจริง เพราะถึงแม้ว่าจะรู้สึกหวั่นใจที่ต้องมาใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองหลวงแห่งนี้ แต่ด้วยความครึกครื้นของเมืองที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหลับใหลก็ทำให้ความรู้สึกหวั่นใจดูจะถูกทดแทนไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากกว่า
และส่วนพี่รามที่ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าทุกครั้งที่มีปัญหาฉันจะสามารถขอความช่วยเหลือจากเขาได้ แต่เพราะด้วยฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าฉันจะไม่ไปรบกวนเขาถ้าไม่จำเป็จริง ๆ
‘อย่างนั้นเหรอ ยังไงก็ต้องระวังตัวเองด้วยนะลูก มีอะไรก็โทรหาพี่รามเขาได้เลยนะ’ ป้านีเอ่ยสำทับอีกครั้งด้วยความเป็ห่วง
‘ขอบคุณค่ะป้านีที่คอยเป็ห่วงลินเสมอ ถ้างั้นลินขออนุญาตวางสายก่อนนะคะ เดี๋ยวลินจะขอโทรไปบอกพี่รามก่อน พี่รามจะได้ไม่ต้องเป็กังวลเื่ที่จะฝากงานให้ลิน’ ฉันเอ่ยบอกผู้ใหญ่ที่เคารพรัก ก่อนจะกดวางสายแล้วต่อสายไปยังพี่ชายข้างบ้านที่แสนดีอีกคนหนึ่ง
ตู๊ดดดดด...ตู๊ดดดดด ~~
ติ๊ด... ~~
‘ว่าไงครับน้องลิน...มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า’ ปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยได้รับสายโทรศัพท์จากหญิงสาวเลยั้แ่แลกเบอร์กันมา
‘สวัสดีค่ะพี่ราม พี่รามสะดวกคุยไหมคะ’ ฉันถามออกไปด้วยความระวังเพราะกลัวจะไปรบกวนเวลางานของเขา
‘สะดวกครับ พี่คุยได้’ ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
‘คือ...พี่รามค่ะ พอดีลินได้งานแล้วนะคะ ลินก็เลยจะโทรมาบอกพี่ราม พี่รามจะได้ไม่ต้องมาเป็กังวลเื่ฝากงานให้ลิน’ ฉันบอกออกไปด้วยความตื่นเต้นและเป็กังวลเล็กน้อยในเวลาเดียวกัน เนื่องด้วยกลัวว่าคนที่อยู่ปลายสายจะน้อยใจที่ฉันไม่ยอมพึ่งพาเขา
‘อ้าว...นี่น้องลินได้งานแล้วเหรอครับ นี่พี่ก็กำลังจะไปคุยกับเ้านายให้อยู่พอดีเลย’ พี่รามทำเสียงเสียดายเล็กน้อย ด้วยตัวเองตั้งใจที่จะฝากงานให้หญิงสาวได้ทำงานที่เดียวกันกับเขา เพราะใจลึก ๆ แล้วเขาอยากจะให้หญิงสาวมาอยู่ข้างกาย มาอยู่ในสายตาเขามากกว่า เพราะเขาจะได้คอยปัดพวกหมู่ภมรที่จ้องจะมาตอมดอมดมดอกไม้ช่องามที่เขาเฝ้าทะนุถนอมตลอดมาช่อนี้
‘เอ่อ...ลินต้องขอโทษด้วยนะคะที่ไม่ได้รอพี่ราม พี่รามอย่าโกรธลินเลยนะคะ แต่ถึงยังไงลินก็ต้องขอขอบคุณสำหรับน้ำใจของพี่รามด้วยค่ะ แต่ว่า...พี่รามค่ะลินอยากจะสู้ด้วยตัวเองก่อนค่ะ พี่รามคงไม่ว่าอะไรลินใช่ไหม’ ฉันตอบเขากลับไปตามความรู้สึกผิดนิด ๆ ในใจ แต่ก็ยังอยากให้เขาเข้าใจฉัน
‘อ่า...ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ น้องลินไม่ได้ทำผิดอะไรเลย อีกอย่างพี่ก็ยังไม่ได้เข้าไปคุยให้เลยครับ ถ้าได้งานก็ดีแล้ว ยังไงพี่ก็ขอแสดงความยินดีกับน้องด้วยนะครับ’ พี่รามที่แม้จะมีน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะแสดงความยินดีกับฉันด้วยความเต็มใจ
‘ค่ะ...ขอบคุณนะคะ เอาไว้ลินได้เงินเดือนเดือนแรก เราไปหาป้านีแล้วไปกินอะไรอร่อย ๆ กันนะคะ ลินขอเป็เ้ามือเองค่ะ’ ฉันบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงสดใส หลังจากสบายใจแล้วสำหรับเื่ของพี่ราม
‘ได้จ้ะ พี่กับป้านีจะรอนะ สู้ ๆ นะครับน้องลิน’ พี่รามอวยพรฉันอีกครั้งก่อนที่เขาจะขอตัววางสายเพื่อไปทำงานต่อ
ส่วนฉันหลังจากที่ได้บอกข่าวดีกับคนที่มีความหมายในชีวิตทั้งสองคนแล้ว ฉันก็มุ่งหน้าไปชอปปิ้งเสื้อผ้าเพื่อเอาไว้ใส่ทำงานต่อ จากนั้นฉันก็กลับห้องพักเพื่อเตรียมตัวที่จะเริ่มทำงานในอีกไม่กี่วันต่อมา...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้