“พวกเ้าทำร้ายน้องชายข้างั้นหรือ?” หวังซวนกล่าวพลางกวาดตามองเย่เฟิงและนักดาบแขนเดียว พร้อมไอสังหารปะทุออกจากร่างกาย แต่เมื่อเขาเห็นว่าเย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายา แววตาก็ชะงักงัน ไม่รู้ว่าสองคนนี้ทำร้ายน้องชายเขาจนมีสภาพแบบนี้ได้อย่างไร
นักดาบแขนเดียวชำเลืองตาดูหวังซวนแวบหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย โดยไร้คำพูดใด ๆ
“เ้าไม่ยอมพูด แล้วคิดว่าข้าจะลงโทษพวกเ้าไม่ได้หรือ ในเมื่อตัดแขนน้องชายข้า ข้าก็จะตัดแขนขาของพวกเ้า!” หวังซวนเห็นนักดาบแขนเดียวเงียบกริบ จึงโมโหมาก เขาเป็ถึงนายน้อยแห่งตระกูลหวัง มีฐานะสูงศักดิ์ จะทนดูอีกฝ่ายเมินใส่ได้อย่างไร?
จากนั้นเห็นมือเขาเคลื่อนไหว พร้อมพลังหยวนมารวมตัวที่ฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือโจมตีนักดาบแขนเดียว พลันแสงแหลมคมปะทุออกจากดวงตาของนักดาบแขนเดียว สะบั้นดาบออกไปด้วยความเร็วสูง ดาบนี้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เต็มเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล แต่กลับเห็นหวังซวนแสยะยิ้มไม่สนใจรังสีดาบที่นักดาบแขนเดียวสะบั้นโจมตี ส่วนฝ่ามือยังคงจู่โจมไปที่ร่างของนักดาบแขนเดียว
“หือ?” เย่เฟิงเห็นฉากนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย หวังซวนทำเช่นนี้ คงต้องมีกลโกงบางอย่างแน่นอน
“ชิ้ง!” รังสีดาบสะบั้นไปที่ร่างหวังซวน แต่กลับเห็นประกายไฟ หวังซวนยังอยู่ดีไม่ตาย แต่ฝ่ามือของเขากลับเฉียดหัวไหล่ข้างหนึ่งของนักดาบแขนเดียว ตามมาด้วยเสียงโอดครวญ ด้วยพลังมหาศาลนั้น นักดาบแขนเดียวต้องเซถอยหลัง สีหน้าดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“เปล่าประโยชน์ ดาบของเ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!” หวังซวนกล่าวด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า
“ข้าจะจัดการเ้าก่อน แล้วค่อยไปเก็บสวะขั้นบ่มเพาะกายานั่น ตายซะเถอะ!” หวังซวนยิ้มอย่างเย็นเยือก ปลดปล่อยพลังปราณพร้อมมีแสงปกคลุมร่างกายหนึ่งชั้น ราวกับแสงเซียนคุ้มกาย จากนั้นปล่อยฝ่ามือโจมตีนักดาบแขนเดียวอีกครั้ง พลอยทำให้กระแสอากาศแปรปรวนไปด้วย
“เป็เกราะป้องกัน!” แววตาของเย่เฟิงส่องประกายคมกริบ เขารู้ดีว่าดาบของนักดาบแขนเดียวทรงพลังมากเพียงใด ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ธรรมดาจะมีการป้องกันทางกายภาพที่แข็งแกร่งได้อย่างไร?
หวังซวนผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะป้องกัน จึงกล้าทำตัวอวดดีเช่นนี้ และใช้ตัวรับการโจมตีจากรังสีดาบ นี่ก็คือความแตกต่างระหว่างตระกูลใหญ่กับคนธรรมดา ทุกคนจะมีของวิเศษที่ตระกูลมอบให้ไว้ใช้คุ้มกาย แต่ว่าหวังซวนนั้นทรงพลังอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่ได้เป็ศิษย์หลักของสำนักศึกษาเสินเจียง พลังฝ่ามือของเขารุนแรง เพียงแค่โจมตีครั้งเดียวก็ทำให้นักดาบแขนเดียวได้รับาเ็ และการโจมตีตรงหน้านี้หมายจะปลิดชีวิตของนักดาบแขนเดียว
ในดวงตาของนักดาบแขนเดียววาบประกายเยือกเย็น ตอนที่ฝ่ามือของหวังซวนเข้ามาใกล้ พลังรังสีดาบสะบั้นออกไป คล้ายฟาดฟันท้องฟ้า ซึ่งดาบนี้สะบั้นออกไปโดยใช้ประสาทััอันเฉียบไวของนักดาบแขนเดียว
การเคลื่อนไหว เวลา และมุมมองล้วนมีจังหวะที่เหมาะสม เมื่อรังสีดาบสะบั้น พลันมีเสียงฉึกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของหวังซวน พร้อมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีเืไหลออกจากรักแร้ของเขาไม่หยุด แต่สายตาของเขาจ้องนักดาบแขนเดียวเขม็งและรู้สึกใ เขาไม่เข้าใจ เกราะป้องกันที่ทางตระกูลให้เขามาทรงพลังอย่างมาก แทบไม่มีข้อบกพร่อง จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวอยู่ที่รักแร้ ทว่านักดาบแขนเดียวกลับหาเจอ ทั้งยังฟันจนแขนเขาเกือบขาด
“เ้าน่ะหรือจะตัดแขนขาของข้าสองคน?” เสียงแหบแห้งดังออกจากปากของนักดาบแขนเดียว เขาก้าวออกมาเยือนที่เบื้องหน้าหวังซวน เมื่อเขาคิดจะตวัดดาบอีกครั้ง กลับเห็นหวังซวนสะบัดแขนเสื้อพร้อมมีผงสีขาวปลิวว่อน ทำให้นักดาบแขนเดียวถอยไปข้างหลัง แต่กลับช้าไป ดวงตาของเขาโดนผงสีขาวนั่นเต็ม ๆ ก่อนจะมองไม่เห็นสิ่งใด
“ตายซะ!” ตอนนั้นเองฝ่ามือของหวังซวนเข้าโจมตี พร้อมพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วแขนของหวังซวน จากนั้นซัดเข้าที่หน้าอกของนักดาบแขนเดียว ทำให้นักดาบแขนเดียวกระเด็นปลิวออกไปพร้อมกระอักเื
“สวะ แค่ฝ่ามือเดียวก็รับไม่ได้!” หวังซวนแสยะยิ้ม จากนั้นทะยานร่างไปหานักดาบแขนเดียว ก่อนจะใช้เท้าข้างหนึ่งที่หนักและใหญ่ดุจภูผาเหยียบไปที่ร่างของนักดาบแขนเดียว
“พี่ใหญ่ ฆ่าเขาเลย!” ชายหนุ่มตระกูลหวังที่อยู่ข้าง ๆ แค่นเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ
“ต่ำช้า!” เย่เฟิงเห็นฉากนี้พลันไอเย็นปะทุออกจากร่าง หวังซวนผู้นี้ใช้เกราะป้องกันก็ช่างปะไร แต่นักดาบแขนเดียวหาจุดอ่อนของเกราะป้องกันพบ และพุ่งเข้าโจมตี แต่ไม่นึกว่าหวังซวนจะใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้
“สุดท้ายนักดาบแขนเดียวก็ถูกหวังซวนฆ่าตาย!” บนยอดเขาเทพโอสถ บุคคลระดับสูงของวังเทพโอสถเห็นเท้าั์ของหวังซวนเหยียบลงไปที่ร่างนักดาบแขนเดียว จึงคิดว่าอีกฝ่ายต้องตายอย่างแน่นอน
“วูบ!” ในตอนนั้นเองมีเงาร่างหนึ่งที่มีพลังดารารายล้อมกายมาหานักดาบแขนเดียว ก่อนจะปล่อยฝ่ามือโจมตีเท้าั์ของหวังซวน ทำให้หวังซวนชะงักเล็กน้อย เมื่อเย่เฟิงมาถึง บนใบหน้าของเขากลับปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“สวะขั้นบ่มเพาะกายาคิดจะหยุดข้างั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะส่งเ้าไปลงนรกก่อน!” หวังซวนกล่าว และอดเพิ่มพลังที่เท้าข้างหน้าไม่ได้
“ตูม!” พลันมีเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือของเย่เฟิงปะทะกับเท้าั์ของหวังซวนเข้าเต็มแรง หวังซวนรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลที่ไร้เทียมทานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา กระดูกบริเวณเท้าราวกับแตกหัก ทำให้เขาตัวสั่นเทา เท้ายังไม่ทันเหยียบร่างอีกฝ่าย กลับถูกฝ่ามือของเย่เฟิงซัดจนเซถอยหลังและเกือบล้มลงไป
“นี่...” นาทีนี้ทุกคนต่างตกตะลึง รวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์วังเทพโอสถเ่าั้ที่สังเกตการณ์อยู่ที่โลกภายนอก พวกเขาต้องตกตะลึงกับการโจมตีของเย่เฟิง
เหล่าคนที่มากับหวังซวนก็เบิกตาโพลงด้วยความใ พวกเขาไม่อยากเชื่อ เพราะรู้ดีว่าพลังของหวังซวนเป็อย่างไร แม้จะถูกกดระดับการบ่มเพาะ แต่ก็ยังทรงพลังอยู่ดี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ทั่ว ๆ ไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวังซวนด้วยซ้ำ เมื่อครู่นี้เท้าั์ของหวังซวนที่หมายจะเหยียบร่างอีกฝ่ายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล หากเปลี่ยนเป็พวกเขา คงต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน ทว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายากลับต่อต้านได้ ทั้งยังทำให้หวังซวนเซถอยหลังจนเกือบล้มลงพื้น เช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนนี้แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
“เป็ไปได้ยังไง แค่หนึ่งการโจมตีของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาจะมีพลังขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?” ผู้าุโวังเทพโอสถอุทานด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายา ไม่มีนักดาบแขนเดียวคุ้มกะลาหัวก็จะต้องตาย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะคิดผิดและมุมมองที่มองเย่เฟิงก็เปลี่ยนไป
หวังซวนเผยสีหน้าไม่สู้ดี ความเ็ปแพร่กระจายทั่วเท้าข้างนั้น ทำให้เขาไม่กล้ายืนตรง ๆ เขาจึงทรงตัวไม่ค่อยได้
“ไม่นึกว่าสวะอย่างเ้าจะกล้าเข้าร่วมด้วย หรือว่าเ้าอยากตายมาก?” หวังซวนกล่าวเสียงเย็นและยังคงคิดว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ข้าขอถามอะไรหน่อย เมื่อครู่ท่าร่างที่เ้าใช้คือย่างก้าวดาวตกผีเสื้อของตระกูลหวังข้าใช่หรือไม่?” หวังซวนกล่าว เมื่อครู่นี้เย่เฟิงหยุดการโจมตีของเขาได้ในเวลาสั้น ๆ และเกี่ยวข้องกับท่าร่างนั่น ในฐานะที่เขาเป็ลูกหลานตระกูลหวัง ย่อมต้องรู้จักเคล็ดวิชาของตระกูล มองปราดเดียวก็รู้แล้ว
“เ้าไม่จำเป็ต้องรู้!” เย่เฟิงกล่าว
“คงต้องใช้กำลังบีบบังคับสินะถึงจะยอมพูด!” หวังซวนตาเผยประกายคมกริบพร้อมมีแสงจ้าปะทุออกจากร่างกาย และกล่าวต่อ “ข้าจะทำให้เ้าต้องเสียใจที่มาล่วงเกินหวังซวนผู้นี้!”
จากนั้นหวังซวนเหวี่ยงหมัดออกมา ะเิพลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ หมายสังหารเย่เฟิงให้สิ้นซาก รังสีหมัดทะลวงอากาศ ทำลายทุกสิ่ง พลังเช่นนั้นราวกับไม่มีสิ่งใดมาต่อต้านได้ แล้วเย่เฟิงจะต่อต้านได้หรือ?
“การโจมตีของหวังซวนทรงพลังมาก ผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาคนนั้นจะต่อต้านได้อย่างไร น่าจะถูกหวังซวนฆ่าตายด้วยการโจมตีนี้!” ผู้คนคิดในใจ ทั้งสองคนนั้นมีช่องว่างห่างกันมากโข หวังซวนเป็อัจฉริยะของตระกูลหวัง แต่ต่อให้เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ทั่ว ๆ ไปก็ไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะต่อต้านได้
ฟู่หยางและจี๋เหยียนเผยรอยยิ้มเ็าขณะมองสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพฉากผืนมหึมาบนท้องฟ้านั่น ตราบใดที่นักดาบแขนเดียวและผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนนี้ตาย เซี่ยชิงซานจะต้องขายหน้าแน่นอน
“ข้าหวังซวนให้เ้าตาย เ้าจะมีชีวิตรอดได้เยี่ยงไร?” หวังซวนแสยะยิ้มขณะมองเย่เฟิงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น คิดว่าเย่เฟิงคงรู้ว่าตนมิอาจรับหมัดของเขาได้ จึงไม่หลบหนี จากนั้นรังสีหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังมหาศาลเข้าโจมตีร่างเย่เฟิงอย่างเต็มแรง
“ปัง!” เสียงดังสนั่น นาทีต่อมาเห็นรังสีหมัดของหวังซวนโจมตีเย่เฟิง พร้อมกับมีคลื่นพลังทำลายล้างแพร่กระจาย ทว่าเห็นเย่เฟิงยืนนิ่งไม่ขยับดุจหินผา ไม่ว่าการโจมตีของหวังซวนจะแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
หวังซวนรู้สึกว่าหมัดของตัวเองไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่เป็ภูผาที่มนุษย์มิอาจสั่นคลอนได้!
“ได้ยังไง เป็ไปได้ยังไง?” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นโครมคราม และไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
หวังซวนเงยหน้ามองเย่เฟิง และกล่าวว่า “เ้าสวมชุดเกราะป้องกันอะไร ไม่นึกว่าจะต่อต้านการโจมตีของข้าได้”
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงแค่นเสียงหัวเราะ จากนั้นเห็นฝ่ามือเขาคว้าจับไปที่ลำคอของอีกฝ่าย ก่อนจะยกร่างอีกฝ่ายขึ้น “สมกับเป็คนต่ำช้า มีแต่ความคิดเลว ๆ สวะอย่างเ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดกับข้า ไสหัวไปซะ!”
เมื่อสิ้นเสียง มืออีกข้างของเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดโจมตีที่จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของหวังซวน ทำให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องด้วยความเ็ป ก่อนร่างจะกระเด็นปลิวออกไป พร้อมกับสูญเสียวรยุทธ์ กลายเป็คนไร้ค่า
“เป็แบบนี้ได้อย่างไร หมอนี่แข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ? ก่อนหน้านี้ใช้ร่างกายรับการโจมตีของหวังซวน ตอนนี้ยกร่างหวังซวนด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างก็ทำลายวรยุทธ์ของหวังซวน จะแกร่งเกินไปแล้ว อาจกล่าวได้ว่าหวังซวนคนนี้ไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของเย่เฟิง!” ขณะนั้นมีผู้คนมามุงดูไม่น้อย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขาต้องใจเต้นรัว เป็เวลานานกว่าจะสงบลงได้ พวกเขานั้นรู้ดีถึงพลังของหวังซวน ทว่าชายผู้นี้ไม่เพียงแต่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่ยังเอาชนะหวังซวนได้อย่างง่ายดาย
ที่โลกภายนอก ทุกคนต่างมองภาพผืนั์บนท้องฟ้าด้วยความตกตะลึง ฟู่หยางและจี๋เหยียนเผยหน้าเขียว เมื่อครู่พวกเขายังคิดว่าเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาเข้าแดนลับเป็การรนหาที่ตาย และยังคิดว่าเย่เฟิงพึ่งพานักดาบแขนเดียวจึงรอดมาได้จนถึงตอนนี้ ไม่เช่นนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 คนเดียวก็ฆ่าเย่เฟิงได้แล้ว
นอกจากนี้เซี่ยจวิ้นหลงยังคบหาเย่เฟิงเป็สหาย พวกเขาจึงหัวเราะเยาะเซี่ยชิงซานและเซี่ยจวิ้นหลง บอกว่าเซี่ยจวิ้นหลงมีสหายอย่างเย่เฟิงรังแต่จะทำให้พวกเขาวังเทพโอสถขายหน้า
ทว่าบัดนี้เย่เฟิงใช้พลังอันกล้าแกร่งกำราบหวังซวนอัจฉริยะแห่งตระกูลหวัง ทำให้ฟู่หยางและจี๋เหยียนถึงกับหน้าชา
“เห็นทีรุ่นเยาว์ขั้นบ่มเพาะกายาคนนี้จะมีฝีมือ ไม่อ่อนหัดเหมือนผู้าุโใหญ่กับผู้าุโสามที่กล่าวมาก่อนหน้านี้” มีผู้าุโคนหนึ่งกล่าว ทำให้ฟู่หยางและจี๋เหยียนมีสีหน้าบูดเบี้ยวกว่าเดิม รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวคล้ายถูกคนตบหน้า
“หึ!” เซี่ยชิงซานแค่นเสียงเ็า และกล่าวว่า “ข้าว่าแล้วไง จวิ้นหลงลูกข้าจะไปมีสหายที่อ่อนแอได้อย่างไร ไม่เหมือนใครบางคนที่ชอบดูถูกคนอื่น!”