หลังจากที่จดจำทำความเข้าใจและจัดเรียงข้อมูลต่างๆ ที่ได้ฟังมาจากเย่รั่วสุ่ยเสร็จ เย่ชิงหานก็หลับลึกลงไปอย่างอ่อนเพลีย
เย่รั่วสุ่ยพูดอธิบายอย่างชัดเจนว่าถ้าหากเขากินผลไม้ทั้งเจ็ดอารมณ์ลงไปจะถูกเคลื่อนย้ายส่งเข้าไปภายในเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเาของด่านที่สองในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าไปแล้วไม่สามารถหยุดพักได้เลย ขอเพียงเหยียบเท้าเข้าไปภายในด่านที่สองชั่วครู่ก็จะมีหุ่นเชิดูเาจำนวนมากเริ่มกรูกันเข้ามาหาเขา หุ่นเชิดูเาระลอกแรกๆ อาจจะต้านทานได้อย่างง่ายดายแต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าจะมีหุ่นเชิดูเาระลอกที่สองระลอกที่สามตามมาเรื่อยๆ และพลังฝีมือของพวกมันก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ กรูกันออกมาไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะฉีกร่างของเขาออกเป็ชิ้นๆ มันถึงจะหยุดลง
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดพักอยู่ที่ภายในด่านดินแดนแห่งภาพลวงตาแห่งนี้อีกหนึ่งวัน รอจนกระทั่งพลังกายและพลังจิตฟื้นกลับคืนมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมดังเดิมก่อนถึงจะทำการเคลื่อนย้ายเข้าไปยังด่านที่สอง
.................................
หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเย่ชิงหานหาผลไม้วิเศษกินลงไปสิบกว่าลูก เย่รั่วสุ่ยบอกว่าหากออกไปจากด่านดินแดนแห่งภาพลวงตาผลไม้วิเศษก็จะมลายหายไปกับสายลมทันที ดังนั้นเขาจึงต้องกินลงไปเยอะๆ หน่อย ของที่มีรสชาติเอร็ดอร่อยถึงเพียงนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสได้ลิ้มลองอีกครั้ง
“กรุ๊บ!”
เสี่ยวเฮยที่อยู่ข้างๆ อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างก็ประคองผลไม้วิเศษทำการกัดแทะกินอยู่ไม่หยุดเช่นเดียวกัน ท้องขาวกลมเล็กของมันในตอนนี้พองโตขึ้นมาไม่ต่างจากคนท้อง
กินเสร็จจึงหยุดพักอีกครึ่งชั่วโมงพร้อมกับเรียกเสี่ยวเฮยให้กลับเข้าไปภายในมิติสัตว์อสูร จากนั้นเย่ชิงหานหยิบผลไม้ทั้งเจ็ดอารมณ์ออกมาทำการมองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศครั้งหนึ่งแล้วจึงอ้าปากกัดลงไปยังผลไม้เจ็ดอารมณ์ลูกแรกอย่างเต็มปากเต็มคำ
“กรุ๊บ!”
เมื่อลูกสุดท้ายถูกกินลงท้องไปเย่ชิงหานรู้สึกว่าทั่วทั้งดินแดนแห่งภาพลวงตาพลันเกิดการสั่นไหวขึ้น จากนั้นพบว่าหมอกสีขาวหนาทึบที่อยู่บนศีรษะเริ่มที่จะเบาบางลงไปมาก แต่หมอกสีขาวที่อยู่รอบตัวกลับเริ่มหนาขึ้นมากกว่าเดิม
หึ่ง...
ท้องฟ้า้าศีรษะพลันปรากฏแสงสว่างขึ้นระบอกหนึ่ง ไม่...ไม่ใช่แสงสว่างระบอกหนึ่ง แต่เป็ลำแสงที่ส่องสว่างกลุ่มหนึ่ง
ลำแสงกลุ่มนี้ทำให้ดูราวกับท้องฟ้าเบื้องบนเหนือศีรษะมีดวงไฟที่ส่องสว่างอย่างแรงกล้าดวงหนึ่งฉันนั้น มันส่องสว่างลงมาครอบร่างของเย่ชิงหานเข้าไปไว้ภายในทั้งหมด ตอนนี้เย่ชิงหานรู้สึกเหมือนกับตนเองยืนอยู่บนเวทีการแสดงและโดยรอบทั้งสี่ทิศมืดสนิทมีเพียงบริเวณตำแหน่งที่ตนเองยืนอยู่เพียงเท่านั้นที่มีแสงไฟส่องสว่างลงมาดูลานตา
ที่แปลกยิ่งกว่าคือภายใต้ลำแสงที่สาดส่องลงมาร่างของเย่ชิงหานค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นระดับความเร็วที่ลอยขึ้นก็รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทั้งลมและแสงที่รุนแรงทำให้ดวงตาของเขาหรี่ลงโดยอัตโนมัติ
ฟิ้ว!
ผ่านไปสักพักเย่ชิงหานรู้สึกว่าเท้าของตนเองได้เหยียบลงที่พื้นสักแห่งหนึ่ง เนื่องจากแรงส่งที่กดทับลงมาทำให้ขาทั้งสองข้างของเขาต้องย่อลงเล็กน้อยเพื่อทรงตัวให้มั่นคง ต่อจากนั้นจึงค่อยลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
“นี่ก็คือเส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเา? ์! ข้ามองเห็นแสงแดดด้วย? แสงแดดนี้ช่างทำให้รู้สึกสุขสบายเสียจริง ที่นี่ยังมีดอกไม้ใบหญ้าและสิงสาราสัตว์มากมาย...”
เย่ชิงหานไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ดวงตาได้เห็น เขาเริ่มสาดสายตามองไปโดยรอบและพบว่าตนเองถูกส่งมาที่ทางเดินขนาดใหญ่ที่มีความกว้างกว่าร้อยเมตร สองข้างทางเดินมีม่านพลังแสงโอบล้อมเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพภายนอกได้ แม้ม่านพลังแสงจะครอบอยู่้าด้วยเช่นเดียวกันแต่มันกลับเป็ม่านพลังแสงโปร่งใส แสงแดดที่อบอุ่นสาดส่องผ่านม่านพลังแสงโปร่งใส้าลงมาสู่พื้นทางเดินขนาดใหญ่เบื้องล่างและยังสาดส่องมาบนตัวของเย่ชิงหานด้วย
ตลอดระยะเวลาแปดเดือนที่อยู่ภายในดินแดนแห่งภาพลวงตา เย่ชิงหานใช้ชีวิตอยู่ในท่ามกลางม่านหมอกสีขาวหนาทึบมาโดยตลอด ท้องฟ้าดูมืดครึ้มอยู่ตลอดเวลามองไม่เห็นท้องฟ้าสีคราม มองไม่เห็นกลุ่มเมฆสีขาวและมองไม่เห็นแสงแดดที่อบอุ่น ตอนนี้เขากลับยืนอยู่ภายใต้แสงแดดที่อบอุ่นที่ทำให้รู้สึกแสนจะสุขสบายไปทั่วร่าง ความรู้สึกที่ได้รับราวกับเด็กทารกที่ได้หวนคืนสู่อ้อมอกของมารดาฉันนั้น
ทางเดินทอดตัวคดเคี้ยวขึ้นไป้าเรื่อยๆ สุดปลายทางมีถ้ำดำมืดสนิทแห่งหนึ่ง ส่วนสองข้างของทางเดินขนาดใหญ่ที่เดินผ่านมามีดอกไม้ต้นหญ้านานาพันธุ์ มีต้นไม้ขนาดเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในกอหญ้าและพุ่มไม้มีทั้งกระต่าย หมาป่า วัวป่า...สัตว์ขนาดเล็กเหล่านี้ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวต่อการมาของเย่ชิงหานแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามพวกมันกลับทำการมองสำรวจดูเขาด้วยความสนอกสนใจขึ้นมาแทน
“เหอะๆ เส้นทางเชื่อมหุ่นเชิดูเานี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรวิวทิวทัศน์ก็ยังดีกว่าดินแดนแห่งภาพลวงตาไม่รู้กี่เท่าตัว!” เย่ชิงหานราวกับนักโทษที่ถูกจองจำอย่างยาวนาน เพียงแค่ระยะเวลาแปดเดือนเมื่อออกมาเห็นวิวทิวทัศน์ปกติธรรมดากลับทำให้รู้สึกดีอย่างแปลกประหลาดขึ้นมา การได้รับสิ่งที่ขาดหายไปกลับคืนมาย่อมทำให้คนรู้สึกยินดีมีความสุขแม้จะดูว่าเป็สิ่งของที่ธรรมดาก็ตาม...
“โฮกๆ!”
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เย่ชิงหานจะดื่มด่ำกับความสุขเหล่านี้ได้หมด ด้านหลังของเขาพลันบังเกิดเสียงร้องคำรามที่ดุร้ายป่าเถื่อนดังขึ้นจนทำเอาเขาสะดุ้งใ เมื่อหันกลับไปมองสีหน้าพลันต้องเปลี่ยนไปในทันที ในเวลาเดียวกันมือทำการหยิบกริชัเขียวออกมาจากอกเสื้อพร้อมกับโคจรพลังปราณรบขึ้นแล้วออกวิ่งไปยังด้านหน้าอย่างสุดชีวิต...
ทางเดินขนาดใหญ่ด้านหลังปรากฏมารอสูรจำนวนมากมายมหาศาลออกมา สายตามองดูพวกมันแน่นขนัดมืดฟ้ามัวดินไปหมด อย่างต่ำสุดจากที่สายตาประเมินได้ก็ไม่น้อยกว่าร้อยตัว ภายในนั้นมีอยู่หลายชนิดที่เย่ชิงหานรู้จักมีทั้งหมาป่าเงามารอสูรระดับห้า อินทรีโลหิตสามตามารอสูรระดับหก ไทแรนโนซอรัสมารอสูรระดับหก...มารอสูรพวกนี้ยังไม่เท่าไรต่อให้มากมายกว่านี้เย่ชิงหานคิดว่ายังสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่ว่ามารอสูรงูสีแดงเพลิงตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าสุดที่มีขนาดลำตัวใหญ่เท่ากับศีรษะของมนุษย์และยาวร่วมสิบกว่าเมตรตัวนี้ที่ทำให้เย่ชิงหานขนลุกขึ้นมา - งูเหลือมเพลิงมารอสูรระดับเจ็ดคุณภาพขั้นสูง
หลังจากรวมร่างสัตว์อสูรพลังฝีมือของเย่ชิงหานจะเพิ่มพูนขึ้นถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตจ้าวนักรบ ถ้าหากเป็มารอสูรระดับเจ็ดชนิดอื่นเย่ชิงหานไม่เป็กังวลแม้แต่น้อย เพียงแต่เ้างูเหลือมเพลิงมีพิษที่ร้ายแรงถ้าหากถูกมันกัดเข้าละก็คงได้ตายอย่างแน่นอน เขาเพิ่งเหยียบย่างเข้ามาสู่ระดับขอบเขตจ้าวนักรบจึงยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการปล่อยสนามพลังออกมา เมื่อพบเจอกับมารอสูรที่มีพิษร้ายแรงเช่นนี้ย่อมต้องเกิดความหวาดกลัวเป็ธรรมดา
ที่สำคัญยิ่งกว่านั่นคือเย่รั่วสุ่ยบอกกับเขาว่าหุ่นเชิดมารอสูรที่อยู่ภายในเส้นทางเชื่อมนั้นถูกควบคุมโดยพลังแปลกประหลาดบางอย่าง พวกมันไม่มีความนึกคิดเป็ของตนเองรู้จักแค่เพียงกรูกันเข้าไปรุมฉีกร่างของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนเส้นทางเชื่อมจนหมดเพียงเท่านั้น หาไม่แล้วพวกมันจะไม่ยอมหยุดลง และพวกมันทั้งหมดล้วนเป็หุ่นเชิดจึงไม่มีิญญาเป็ของตัวเอง พูดอีกอย่างก็คือวิชาต่อสู้ร่างอสูรของเย่ชิงหานใช้ไม่ได้ผลกับพวกมันแม้แต่น้อย
อย่าคิดว่าเย่ชิงหานที่เก่งกาจห้าวหาญบนเกาะแห่งความมืดมิดผู้มีพลังฝีมือระดับต่ำกว่าขอบเขตาาจักรพรรดิล้วนไม่ใช่คู่มือของเขา แต่จริงๆ แล้วเขาก็มีแค่วิชาต่อสู้ร่างอสูรเพียงเท่านั้นที่สามารถเอาออกมาใช้ได้จริงๆ ถ้าจะให้พูดตามจริงเขาก็เป็แค่ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง หรืออาจจะสู้ผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบระดับธรรมดาทั่วไปไม่ได้ด้วยซ้ำ...
ดังนั้นในตอนนี้เย่ชิงหานจึงไม่ได้ลังเลใดๆ รีบสับขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังถ้ำดำมืดสนิทที่อยู่เบื้องหน้า
“โฮก! โฮก!”
ระดับความเร็วของเย่ชิงหานแตกต่างจากพวกมารอสูรที่อยู่ด้านหลังอย่างชัดเจน เพียงไม่นานเขาก็ทิ้งห่างจากพวกมันมาได้ จะมีก็แต่เพียงเ้างูเหลือมเพลิงมารอสูรระดับเจ็ดคุณภาพขั้นสูงที่ระดับความเร็วน่าใเป็อย่างมาก มันบิดส่ายลำตัวไปมาพุ่งตรงเข้ามาใกล้เย่ชิงหานมากขึ้นเรื่อยๆ
เย่ชิงหานไม่ได้ใช้ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ แต่ทำเพียงแบ่งพลังปราณรบส่วนหนึ่งไปยังเท้าเพื่อเพิ่มระดับความเร็วให้ถึงระดับสูงสุดเพียงเท่านั้น สองมือก็ไม่ได้อยู่เฉยทำการปล่อยพลังปราณออกมาเป็รูปฝ่ามือสีม่วงโจมตีออกไปยังงูเหลือมเพลิงตัวที่ติดตามมาด้านหลัง
ฝ่ามือสีม่วงมีขนาดค่อนข้างใหญ่ประมาณหนึ่งตารางเมตร ฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้แถมระดับความเร็วที่รวดเร็วเป็อย่างมากจึงไม่มีเวลาให้เ้างูเหลือมเพลิงหลบหลีกได้ เมื่อมันเห็นดังนั้นและรู้ว่าไม่มีทางหลบหลีกได้อย่างแน่นอนมันจึงตัดสินใจพุ่งเข้าปะทะชนกับฝ่ามือสีม่วงทั้งๆ อย่างนั้น
ปัง!
เสียงจากการะเิดังขึ้นอย่างรุนแรง เย่ชิงหานปรายตามองครั้งหนึ่งรู้สึกตะลึงอยู่ภายในใจ งูเหลือมเพลิงถูกแรงะเิที่รุนแรงเช่นนี้กลับไม่ได้รับาเ็ใดๆ แม้แต่น้อย มีแค่รอยดำนิดหน่อยที่อยู่บนหัวรูปสามเหลี่ยมของมันเพียงเท่านั้นเอง ดวงตาทั้งสองข้างยังคงแดงก่ำอยู่เช่นเดิม มันชะงักลงครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาเย่ชิงหานอีกครั้ง
“เหอะๆ เข้ามาเลย!”
เย่ชิงหานไม่ได้ใส่ใจหัวเราะยาวออกมาเสียงหนึ่งแล้วซัดฝ่ามือสีม่วงออกไปอีกครั้ง แม้พลังฝ่ามือจะไม่สามารถทำอันตรายมันได้แต่ก็สามารถหยุดยั้งการไล่ติดตามมาของมันให้หยุดชะงักลงได้ หลังจากซัดออกไปอีกฝ่ามือหนึ่งเขาก็วิ่งตะบึงออกไปเบื้องหน้าอย่างไม่เหลียวหันกลับไปมองอีก
ทำอย่างนี้มาเรื่อยๆ หยุดทีซัดฝ่ามือทีจนกระทั่งมาถึงปากทางเข้าถ้ำ มองดูปากถ้ำที่ดำมืดสนิทดูราวกับปากของสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ ดวงตาของเย่ชิงหานทอประกายแสงแหลมคมที่เร่าร้อนขึ้น มุมปากปรากฏรอยยิ้มออกมาร่างกายขยับวูบขึ้นครั้งหนึ่งแล้วก็มุดหายเข้าไปภายในปากถ้ำเบื้องหน้า...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้