บนแท่นบูชา ทั้งร่างของเยี่ยหลิงหลานปกคลุมไปด้วยความมืดมัว โดยมีซิ่งอวี่เจวียนอยู่ด้านข้างและกำลังถ่ายทอดคำพูดของหนิงเทียน
“เ้าคิดอย่างไรเื่การบุกรุกจากภายนอก?”
เทพวานรและเทพหมาป่าสีเงินต่างมองหน้ากันแล้วพยักหน้าอย่างเป็เอกฉันท์ เนื่องจากการปรากฏตัวของหลุมลึก หลุมั์ และทะเลสาบนั้นแปลกเกินไป พวกมันร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างอธิบายไม่ได้
ชวีจงจื๋อพูดอย่างตรงไปตรงมา “ชื่อของเถาวัลย์นั่นฟังดูชั่วร้ายมาก หากได้หยั่งรากลงในดินแดนหยวนซิง มันจะไม่เป็เพียงภัยคุกคามต่อการบ่มเพาะของพวกเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหยวนซิวและซิงซิวด้วย”
เทพวานรกล่าวว่า “เ้าคิดจะลากหยวนซิวและซิงซิวเข้าสู่วังวนนี้ด้วยหรือ?”
ชวีจงจื๋อบ่นพึมพำขึ้นมา “พวกเขาอ้างว่าตนเป็สายเืที่แท้จริงและมีความแข็งแกร่ง แม้ยอดเขาหมื่นอสูรจะเป็อาณาเขตของสำนัก์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจว่าจะมีบุคคลภายนอกเข้ามา ทั้งยังไม่ห่วงว่าพวกเราจะได้รับอันตรายด้วย แล้วเหตุใดถึงไม่แบ่งปันอันตรายให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมเล่า?”
“ฟังดูสมเหตุสมผล แต่ข้าเกรงว่าหยวนซิวจะไม่ปรากฏตัว” เทพหมาป่าสีเงินเห็นด้วย
เยี่ยหลิงหลานกล่าว “ตราบใดที่มีข่าวว่าเถาวัลย์หัวผีพันิญญากำลังสมบัติจากนอกดินแดนเอาไว้ ก็รับประกันได้เลยว่าบรรดาหยวนซิวจะดำเนินการรวดเร็วกว่าใคร”
เทพวานรเอ่ยอย่างลังเล “หากเื่นี้เป็การสมรู้ร่วมคิด ข้าเกรงว่าคงอธิบายได้ไม่ง่ายนัก”
ชวีจงจื๋อตอบ “เช่นนั้นเราก็อธิบายไปอย่างคลุมเครือ ยังมีสิ่งใดต้องกลัวอีก?”
เทพหมาป่าสีเงินพูดขึ้น “ให้ผู้าุโของสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดเข้าไปก่อน จากนั้นข้าจะส่งข่าวกลับไปยังสำนัก์โดยจงใจปล่อยข่าวลือเล็กน้อย”
ยามที่เถาวัลย์สีดำปรากฏตัวครั้งแรก ผู้าุโของสำนักหยวนซิวทั้งเจ็ดต่างก็ตระหนักถึงเื่นี้ แต่เนื่องจากที่นี่เป็อาณาเขตของสำนัก์ ผู้าุโกลุ่มต่างๆ จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวอย่างหุนหันพลันแล่น ทว่าตอนนี้มีการอนุญาตให้ผู้าุโขอบเขตเปลี่ยนผ่านเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ได้แล้ว
ในเวลาเดียวกัน เทพหมาป่าสีเงินก็ส่งข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยอดเขาหมื่นอสูรกลับไปยังสำนัก์ ทว่าข้อมูลส่วนหนึ่งกลับถูกกลุ่มเมฆสีม่วงกลางอากาศสกัดกั้น ซึ่งดึงดูดความสนใจของหยวนซิวอย่างมาก
ณ พื้นที่แกนกลาง กลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดก็ค่อยๆ ลอยเข้ามาพร้อมหมอกหนา ทั้งยังปกคลุมทั่วบริเวณที่เถาวัลย์หัวผีพันิญญากำลังต่อสู้กับอสูรอยู่
เสียงโอดครวญของอสูรเบาลงเรื่อยๆ ร่างที่สั่นเทาเริ่มถอยหลังกลับไปราวกับว่ามันเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาควบคุมเถาวัลย์ทั้งหมด ศีรษะมนุษย์แต่ละหัวหันหน้าออกไปด้านนอก ก่อนจะรวมกันเป็ก้อนหัวมนุษย์ แล้วพ่นควันสีดำซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนออกมาจากปาก เป็สัญญาณแห่งการเข้าสู่ภาวะพร้อมรบ
บริเวณใกล้เคียง เถาวัลย์สีดำบางส่วนมุดลงไปในดินเพื่อซ่อนตัวและหลบหนี และอีกส่วนก็มีปฏิกิริยาอย่างเชื่องช้า พวกมันค่อยๆ เหี่ยวเฉาและแห้งตายไปในสายหมอก
หมอกสีน้ำเงินมีอุณหภูมิสูง เสียงอากาศแตกร้าวมาพร้อมควันดำที่ลอยขึ้นจากพื้นดินจนมีกลิ่นไหม้
เส้นใยที่สั่นไหวไปมาในกลุ่มหมอกดูคล้ายประกายสายฟ้า บางครั้งก็ควบแน่น บางครั้งก็แตกแยก ก่อนจะค่อยๆ กันเป็เงาร่าง
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาคำราม ศีรษะนับพันหัวแทงทะลุจิติญญาอย่างดุเดือด และก่อตัวเป็คลื่นเสียงอันน่าสยดสยอง ระลอกคลื่นกระแทกห้วงอากาศ จนมิติเวลาโดยรอบบิดเบี้ยว
หนิงเทียนถูกพัดปลิวไปตามคลื่นเสียงที่กระจายตัว จนร่างกระแทกกับหน้าผา ส่วนชิวซานอวิ๋นเลือกใช้เรือซ่อนเร้นเมฆาม่วงเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคลื่นเสียง
เงาสีเขียวลอยเข้ามาท่ามกลางสายหมอกราวหอกทะลวงอากาศ เพียงชั่วพริบตามันก็ทะลุผ่านเถาวัลย์หัวผีพันิญญา ทำลายศีรษะไปหลายหัว จนเถาวัลย์ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนมีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนพร้อมกัน ความขุ่นเคืองอันรุนแรงควบแน่นกลายเป็ควันทมิฬ ซึ่งมีพลังกัดกร่อนที่น่ากลัว
เงาสีเขียวส่งกลิ่นไหม้อยู่ในกลุ่มควัน ประกายไฟปะทุออกมาจากเงาสีเขียว และควันดำที่เผาไหม้ก็พ่นเงาดำลึกลับออกมา
หนิงเทียนเกาะอยู่บนหน้าผา คอยจับตาดูเถาวัลย์หัวผีพันิญญาจากระยะไกล และบังเอิญเห็นการปรากฏตัวของเงาสีเขียว
มันเป็เปลวเพลิงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนที่แลบแปลบปลาบ และมีอักขระจำนวนมากบนพื้นผิวมุ่งระงับการพ่นเปลวเพลิง
ปีศาจร้ายที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองซ่อนตัวอยู่ในควันดำ พวกมันคำรามด้วยความโกรธแล้วสลายกลายเป็เถ้าถ่าน
ก้อนเถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ศีรษะสองในสามถูกเป่าเป็ชิ้นๆ จนเถาวัลย์จำนวนมากไหม้เกรียม และความแข็งแกร่งของมันก็ลดลงอย่างมาก
เงาสีเขียวถอยกลับเข้าไปในหมอกพร้อมเสียงดังฟู่ ซึ่งทำให้เถาวัลย์หัวผีพันิญญาได้พักฟื้นพลังครู่หนึ่ง มันแผ่กิ่งก้านและใบเถาอย่างรวดเร็วเพื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย
ยามนี้ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านของสำนักเชื้อสายรากอสูรทั้งสี่เดินทางมาถึงแล้ว ทุกคนต่างประหลาดใจเมื่อเห็นเถาวัลย์หัวผีพันิญญา บรรดาผู้าุโแนะนำให้ทำลายมัน แต่ครู่ต่อมาเงาสีเขียวท่ามกลางสายหมอกก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความน่าสะพรึงกลัวและกลิ่นอายของมันทำให้ยอดฝีมือทุกคนถอยกลับด้วยความตื่นตระหนก
ทันทีที่ััได้ถึงวิกฤต เถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน เส้นเถาวัลย์รัดแน่น ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีเงาสีเขียวอย่างรวดเร็ว
ห้วงอากาศแตกสลายเป็เสี่ยงๆ ด้วยอำนาจแห่งคำสาป บริเวณโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเน่าเปื่อย และเกิดเสียงแตกร้าวในเปลวเพลิงสีเขียว
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาค่อยๆ เคลื่อนไปด้านข้างอย่างไม่อาจคาดเดาทิศทางได้ เถาวัลย์ถูกเผาทีละเส้น กิ่งอ่อนเกิดใหม่ มันมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งและสามารถโจมตีิญญาพฤกษาและอสูรร้ายได้ ทั้งยังดูดซับแก่นแท้โลหิตของอสูรอีกด้วย
เมื่อเหล่าปรมาจารย์ขอบเขตเปลี่ยนผ่านจากสี่สำนักเชื้อสายรากพฤกษามาถึงก็บังเอิญเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างกรีดร้องและรีบถอยกลับไป
ไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ถึงต้นกำเนิดของเงาเพลิงสีเขียวในสายหมอก ทว่าเหล่าิญญาและอสูรร้ายในพื้นที่แกนกลางต่างก็หวาดกลัวและหลีกเลี่ยงไปอย่างเงียบๆ
ทุกๆ หนึ่งนาที เงาสีเขียวจะถอยกลับไปตั้งหลัก พร้อมปล่อยให้เถาวัลย์สีดำได้พักฟื้น และเมื่อมันคืนสนามอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายก็เข้าห่ำหั่นกันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
เถาวัลย์หัวผีพันิญญาเ็ปรวดร้าวจากการถูกโจมตีอย่างหนัก สองในสามของลำต้นหลักฉีกขาด และยามนี้ก็เหลือศีรษะมนุษย์เพียงสิบหัวเท่านั้น ซึ่งพยายามรักษาชีวิตสุดท้ายของมันไว้อย่างเต็มที่
การโจมตีของเงาสีเขียวนั้นมีระเบียบแบบแผน พลังโจมตีค่อยๆ เพิ่มขึ้น พร้อมผลักดันเถาวัลย์หัวผีพันิญญาให้ตกอยู่สถานการณ์สิ้นหวังทีละน้อย
หนิงเทียนดีใจมาก นี่เป็ผลลัพธ์ที่เขาอยากเห็น ทว่ากลับมีบางอย่างเปลี่ยนไปใน่สุดท้าย
เมื่อความตายใกล้เข้ามา เถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็ส่งเสียงคำรามทะลุชั้นฟ้า ก่อนจะมีบางสิ่งที่เต็มไปด้วยคลื่นแห่งการทำลายล้างลอยออกมาจากร่างของมัน
ทันใดนั้นยอดเขาหมื่นอสูรก็สั่นะเื แสงสว่างและความมืดมิดผสานกันในสายหมอก ปรากฏฉากแห่งความท้อแท้ของมิติเวลา ก่อนจะเผยให้เห็นผืนธงโบกสะบัดตามสายลม
ธงสีดำน่าสะพรึงกลัวมีลวดลายรูปหัวกะโหลกสีขาวเงิน ทั้งยังมีคลื่นแสงสีแดงเข้มส่องออกมาจากดวงตาของกะโหลกราวกับจะบอกว่ายมทูตมาเยือนแล้ว
ทันทีที่ธงนี้ปรากฏขึ้น พื้นที่แกนกลางทั้งหมดก็พังทลายกลายเป็หุบเขาที่สลับซับซ้อนและมีศูนย์กลางอยู่ที่เถาวัลย์หัวผีพันิญญา ยอดเขาบริเวณใกล้เคียงะเิอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่สามารถทนต่อคลื่นแห่งการป้องปรามจากธงผืนนั้นได้
เสียงคำรามของอสูรเขย่านภาและยับยั้งหมอกที่กำลังม้วนตัว ลึกเข้าไปในยอดเขาหมื่นอสูร มีอสูรระดับห้าที่จ้องมองรอบๆ อย่างสนใจ ดวงตาของมันเหมือนอ่างน้ำวนที่กลืนกินทุกสิ่ง และเพ่งเล็งไปยังธงซึ่งผนึกรอยแยกมิติเอาไว้
หนิงเทียน ชิวซานอวิ๋น และบรรดาปรมาจารย์ขอบเขตเปลี่ยนผ่านต่างหยุดชะงัก แม้กระทั่งปรมาจารย์สูงสุดทั้งสี่ที่อยู่รอบนอกก็ยังตกตะลึงอย่างมากเช่นกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าเถาวัลย์หัวผีพันิญญาจะอาวุธิญญาจากโลกอื่น
ธงผืนนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง มันปลิวไสวหลายร้อยครั้งกลางสายลมและตั้งมั่นอยู่ที่เชิงเขาหมื่นอสูร กะโหลกศีรษะบนธงมีดวงตาสีแดงเข้มราวกับเทพแห่งความตายจากดินแดนอื่นกำลังจ้องมองสถานที่แห่งนี้
ในบริเวณพื้นที่แกนกลาง สัตว์อสูรระดับห้าง้างกรงเล็บขึ้นด้วยความ้าทำลายธงนี้ แต่หานึกไม่ว่ามันจะถูกธงโต้ด้วยเพลิงทมิฬลุกโชน จนกรงเล็บของอสูรร้ายต้องกระเด็นกลับไป
โฮก!
คลื่นเสียงอึกทึกทำให้ห้วงอากาศแตกสลาย เสียงคำรามของอสูรระดับห้าสร้างความหวาดหวั่นให้ผู้คน หนิงเทียนเองก็มีเืไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด และหูของเขาก็อื้อราวกับกำลังจะดับสลาย
ห้วงอากาศกระเพื่อมไหว ลวดลายแห่งจิติญญาลุกไหม้และก่อตัวเป็โล่แสงทรงกลม เพื่อกักขังธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้[1]ไว้ในที่นั้น
ด้วยการคุ้มครองของธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ เถาวัลย์หัวผีพันิญญาก็รักษาาแได้อย่างรวดเร็ว แม้มันจะถูกขังอยู่ ทว่าอสูรและิญญาในพื้นที่แกนกลางก็ไม่สามารถทำอะไรมันได้เช่นกัน
ห่างออกไปไม่กี่ลี้ ผู้าุโของแต่ละฝ่ายต่างจ้องมองธงผืนนั้นด้วยดวงตาที่ลุกเป็ไฟ แล้วพูดคุยเกี่ยวกับอาวุธิญญาชิ้นนี้
“การทำให้อสูรระดับห้ารู้สึกสั่นคลอนได้เป็เื่ที่ยากมาก นี่ต้องเป็อาวุธิญญาชั้นยอดแน่นอน แต่มันก็มีความชั่วร้ายปะปนอยู่ด้วย”
“หากสำนักของเรามีอาวุธชิ้นนี้ ความแข็งแกร่งโดยรวมย่อมดีขึ้นอย่างมาก”
“ดีบ้าอะไรเล่า! หากธงนี้ตกอยู่ในมือของพวกเ้า เราก็คงถูกกวาดล้างจนสิ้นซาก”
“แต่ที่นี่คืออาณาเขตของสำนัก์ มันอาจจะตกเป็ของพวกเขาก็ได้”
เพียงครู่หนึ่งก็มีผู้ส่งข่าวกระจายสถานการณ์ของยอดเขาหมื่นอสูรออกไปอย่างรวดเร็ว
ในพื้นที่แกนกลาง อสูรระดับห้าออกจากหมอกแห่งความโกลาหลและเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง มันคือเสือั์สุวรรณที่มีอักษรคำว่า “าา” สีทองเด่นหราบนหน้าผาก ซึ่งประกอบด้วยความลับแห่งฟ้าดินอันยิ่งใหญ่ และปลดปล่อยคลื่นผันผวนน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อเทพวานรแห่งสำนัก์เห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ทั้งยังโพล่งขึ้นมาด้วยความใ “แม้จะน่าตื่นตระหนก แต่ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้นี้ก็ดูไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”
เยี่ยหลิงหลานเอ่ยถาม “เสือตัวนี้...?”
เทพหมาป่าสีเงินยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกล่าวว่า “อสูรระดับห้าที่น่ากลัวที่สุดแห่งยอดเขาหมื่นอสูรในตอนนี้ มันไม่ค่อยปรากฏตัวออกมา คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเถาวัลย์หัวผีพันิญญาจะสามารถปลุกมันขึ้นมาได้”
เสือั์สุวรรณปรากฏตัวแล้ว ลวดลายศักดิ์สิทธิ์ในดวงตาของมันกำลังหมุนวนราวกับ้าจะมองทะลุต้นกำเนิดของธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้
อสูริญญานิ่งเงียบ สัตว์อสูรล่าถอย เสือั์สุวรรณเปรียบเสมือนเ้าแห่งฟ้าดินที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมอกแห่งความโกลาหล ดวงตาที่เ็าเป็ประกายด้วยเจตนาสังหาร
หมอกบางเบาม้วนตัวเป็ครั้งคราว พลันเงาสีเขียวก็ปรากฏขึ้น มันคือผู้ทุบตีเถาวัลย์หัวผีพันิญญาจนเกือบตายก่อนหน้านี้
ธงสีดำปลดปล่อยคลื่นแห่งความชั่วร้าย เืดำเข้มไหลนองเสาธง เปลวเพลิงทมิฬลุกไหม้ และสร้างเกราะป้องกันเพื่อปกป้องเถาวัลย์หัวผีพันิญญา
หัวกะโหลกบนธงมีดวงตาสีแดงเข้มอันร้อนแรง ดวงตาคู่นั้นค่อยๆ เหลือบมองลงมา
เสือั์สุวรรณคำราม พร้อมแผ่คลื่นแสงหลายชั้นออกจากดวงตาทะลุผ่านห้วงอากาศ มันตั้งใจปราบปรามั์ตาสีแดงเข้มบนธง ทว่ากลับถูกเปลวเพลิงที่พ่นออกมาปิดกั้นไว้
เสียงะเิดังกึกก้องในห้วงอากาศ พลังที่มองไม่เห็นระหว่างทั้งสองฝ่ายบิดเบือนมิติรอบด้าน จากนั้นก็ก่อตัวเป็คลื่นแสงทำลายล้างที่กัดกร่อนไปทั่วบริเวณ
ใบหน้าของหนิงเทียนเคร่งขรึม หากธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ปกป้องเถาวัลย์หัวผีพันิญญาเช่นนี้ แล้วเสือั์สุวรรณจะสามารถเอาชนะได้หรือไม่?
ชิวซานอวิ๋นเงยหน้าขึ้นมอง ลำแสงสีม่วงพาดผ่านเวหาราวกับดวงอาทิตย์ทอแสงสีม่วง ซึ่งน่าหวาดหวั่นจนทำให้ทั้งใต้หล้าตกตะลึง
“มาแล้ว!” ชิวซานอวิ๋นอารมณ์พลุ่งพล่าน ในฐานะผู้มีพร์ที่โดดเด่นของสำนักอินทนิล เขาย่อมรู้ว่าพลังสีม่วงเป็ตัวแทนของสิ่งใด
แหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรหมุนวนกลืนพลังิญญาของฟ้าดิน เปลวเพลิงสีม่วงะเิออกและร่วงลงมาจากฟ้าราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ก่อนจะหล่นใส่ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้อย่างจัง
“ท่าไม่ดีแล้ว” หนิงเทียนใมาก จนทหาริญญาเยาเยาต้องใช้ทักษะเคลื่อนย้ายมวลสารเพื่อดึงเขาหลบอย่างรวดเร็ว
“หนี!” ผู้าุโขอบเขตเปลี่ยนผ่านแต่ละสำนักกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ในขณะที่พวกเขาโบยบินกลางอากาศ แหวนหยกศักดิ์สิทธิ์ม่วงอุไรและธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ก็เริ่มเปิดฉากสู้รบ เมื่อเปลวเพลิงสีม่วงและสีดำปะทะกันก็เกิดคลื่นกระแทกที่แผ่ขยายออกไป แรงปะทะอันเดือดดาลราวกับคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง มันทลายห้วงอากาศจนแหลกละเอียด ทั้งยังปลดปล่อยระลอกคลื่นที่สลายทุกสิ่งโดยรอบ
“อ๊าก!” เสียงโหยหวนดังมาจากผู้าุโบางคนที่ตอบสนองช้าและผู้ที่มีขอบเขตอ่อนแอ
ร่างของพวกเขาเหล่านี้ะเิออกเป็ชิ้นๆ ขณะที่บรรดาผู้อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านคนอื่นๆ ต่างก็หลีกหนีจากพื้นดิน
---------------------------------------
[1] ธงหัวกะโหลกกระดูกไขว้ (骷髅旗) เป็สัญลักษณ์ของโจรสลัด ส่วนมากจะใช้บรรยายถึงธงเปื้อนเืที่โบกสะบัดอยู่บนเสากระโดงเรือ
