เฉิงอี้เฟยรับรู้ว่ากูเฟยเยี่ยนผิดแปลกไปจึงถามอย่างจริงจัง “ตกลงแล้วเ้าวิ่งทำไม? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบส่งๆ แบบขอไปที “ข้าคิดว่าที่นี่จะมีหมาหวง ไปกันเถอะ พวกเราไปหาดูที่อื่น”
นางหลบหลีกสายตาตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนของเฉิงอี้เฟยพลางย้อนกลับไปทางเดิม เฉิงอี้เฟยเห็นท่าทางเป็กังวลของนางจึงไม่ได้ไล่ถามต่อ
ทว่าผ่านไปไม่นานเฉิงอี้เฟยก็ะโออกมาเสียงดังลั่นจากทางด้านหลังของหญิงสาว “ทหาร…ทหาร! รีบมานี่เร็ว! ”
กูเฟยเยี่ยนใเหลือเกิน นางคิดว่าเฉิงอี้เฟยพบเห็นนักฆ่าผู้นั้นแล้ว
นางรีบหันมาอย่างรีบร้อนแต่กลับพบว่าเฉิงอี้เฟยชี้นิ้วไปยังทิศทางของเนินชันแล้วะโออกมา นางหันไปมองก็ใอีกครั้ง!
ไม่นึกเลยว่าที่นี่จะมีหมาหวงจริงๆ !
บังเอิญจัง!
บนเนินชันมีหมาหวงอยู่ห้าถึงหกต้นและทั้งหมดนี้ไม่ได้เหี่ยวเฉาไปเสียหมด อย่างน้อยก็มีถึงสองต้นที่สามารถใช้ลำต้นได้ นอกเหนือจากนั้นสามารถเด็ดและอาจจะสามารถคัดเลือกบางส่วนออกมาได้บ้าง
เฉิงอี้เฟยรู้สึกยินดีเหลือเกิน เขาจึงเอ่ยถามว่า “แพทย์หญิงน้อย เ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีหมาหวง? ข้าคิดว่าเ้าวิ่งสะเปะสะปะเสียอีก! ”
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเต็มไปด้วยความงงงวย! นางจะไปรู้ได้อย่างไร? นางไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!
ครั้นเหล่าทหารได้ยินข่าวก็รีบวิ่งเข้ามา แต่ละคนล้วนปลื้มปีติเป็อย่างยิ่ง
“สิ่งนี้ใช่หมาหวงหรือไม่? แพทย์หญิงกู รอบนี้ไม่ผิดแล้วใช่หรือไม่? ”
“ดีมากเลย! สวี่ปินมีทางรอดแล้ว! ”
“โชคดีที่พวกเราเชื่อแพทย์หญิงกู มิฉะนั้นสวี่ปินคง…”
……
เนินเขามีความลาดชันมากจนไม่สามารถยืนได้เลย ทหารแต่ละคนทำได้เพียงจับมือต่อกันเป็ทอดเพื่ออาศัยแรงของกันและกันในการก้าวเดินลงไป เฉิงอี้เฟยตื่นเต้นมากเขาเป็ผู้ที่ลงไปคนแรก เขา้าเก็บหมาหวงด้วยตนเองจึงไม่ได้สนใจถึงความผิดปกติและความเปลี่ยนแปลงของกูเฟยเยี่ยน
ทันทีที่ไปถึงตำแหน่งที่มีหมาหวง เขาก็ะโเสียงดัง “แพทย์หญิงน้อย สิ่งนี้ต้องเก็บอย่างไร? รีบเอ่ยออกมาเร็ว! ”
ในเวลานี้กูเฟยเยี่ยนเพิ่งจะได้สติกลับมา นางเอ่ยอย่างร้อนใจ “ตัดจุดที่ใกล้ถึงราก รากต้องเก็บเอาไว้ ระวังหน่อยนะ”
โดยทั่วไปแล้วหมาหวงที่พูดถึงคือลำต้นของหมาหวง แต่ว่ารากของหมาหวางนั้นก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน ลำต้นของหมาหวงขับเหงื่อคลายหนาว กระจายชี่ปอดช่วยระงับหอบหืด ส่วนรากของหมาหวงนั้นมีสรรพคุณในการขับเหงื่อในขณะที่นอนหลับ มูลค่าไม่สูงเท่าลำต้น หมาหวงเหล่านี้เก็บรากเอาไว้รอให้ฤดูใบไม้ผลิสภาพอากาศอบอุ่นลำต้นก็จะงอกออกมาใหม่อีกครั้ง กูเฟยเยี่ยนมองออกว่าหมาหวงเหล่านี้เป็ต้นเก่าแก่ น่าจะถูกผู้คนเก็บมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
เฉิงอี้เฟยทำตามที่กล่าวทว่ากูเฟยเยี่ยนยังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่สงบหลังจากใ นางจ้องมองไปด้วยครุ่นคิดไปด้วย
เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็เหตุบังเอิญใช่หรือไม่?
หรือว่านักฆ่าที่สวมหน้ากากผู้นั้นมีเจตนาหลอกล่อให้นางมาที่นี่? แต่ว่าที่นี่คือที่ตั้งของค่ายทหาร คนผู้นั้นก็เป็ถึงนักฆ่า เป็ไปได้อย่างไรที่จะคุ้นเคยกับพื้นที่บริเวณนี้? อีกอย่างหนึ่งคือพวกเขามีความแค้นกันและเขาก็ไม่ใช่คนดี เหตุใดถึงต้องช่วยเหลือนางกัน?
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าตนเองคิดมากเกินไปจริงๆ !
เมื่อเก็บหมาหวงมาไว้ในมือแล้ว เฉิงอี้เฟยจึงปล่อยมือจากทหารแล้วใช้ประโยชน์จากหน้าผาที่สูงชันพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพลางลงมายืนอยู่ด้านหน้าของกูเฟยเยี่ยนพร้อมกับนำหมาหวงยื่นไปให้นางแล้วไล่ถามถึงคำถามเมื่อสักครู่นี้ต่อไป
“แพทย์หญิงน้อย เ้ารู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีหมาหวง? เมื่อคืนพวกเราไม่ได้ผ่านทางนี้นะ? ”
กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าสบสายตาของเขาจึงเอ่ยสุ่มสี่สุ่มห้าถึงลักษณะพื้นภูมิ แสง ดิน และอื่นๆ อีกสารพัดข้ออ้างเพื่อขายผ้าเอาหน้ารอด นางไม่ได้สนใจว่าเฉิงอี้เฟยจะเชื่อหรือไม่ ทำเพียงเร่งรัดเขาให้รีบลงจากเขาไปช่วยชีวิตคน
หลักจากที่ผู้คนกลุ่มใหญ่จากไป ภาพเงาของจวินจิ่วเฉินจึงได้ปรากฏอยู่บนทางเส้นเล็ก เขาราวกับเงา จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศทั้งรวดเร็วและเงียบงัน ทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ชัดเจนว่าเขามาจากที่ไหน
เขาคุ้นเคยค่ายทหารตะวันออก เขาไม่เพียงแค่คุ้นเคยค่ายทหารตะวันออกแต่ยังคุ้นเคยค่ายทหารตะวันตกอีกด้วย กองทัพทั้งสองนี้เปรียบเสมือนกับขาทั้งสองข้างของอาณาจักรเทียนเหยียน หากเขาไม่คุ้นเคยเขาจะทำให้เทียนเหยียนมั่นคงและไปได้ไกลได้อย่างไร?
ยามปกติหากเขาไม่อยู่ในเมืองก็จะดักซุ่มบริเวณป่าเขาที่ใกล้กับค่ายทหาร เขาไม่เข้าใจทักษะทางแพทย์ ไม่เข้าใจตำรับยา ทว่าสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแพทย์และยาเมื่อผ่านตาแล้วก็จะไม่ลืมเลือน เขาไม่รู้เช่นกันว่านี่เป็ความสามารถโดยกำเนิดของตนเองหรือเป็เพราะว่าเมื่อตอนเยาว์วัยเคยได้เล่าเรียน เหตุการณ์ก่อนหน้าอายุสิบสี่ปีเขาล้วนจำไม่ได้เลย
กูเฟยเยี่ยนและคนอื่นๆ ได้เดินจากไปไกลแล้ว แต่จวินจิ่วเฉินไม่ได้จากไป เขาะโเบาๆ ขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ เขาถอดกำไลเส้นหนึ่งออกมาจากข้อมือพลางเล่นอยู่เงียบๆ กำไลเส้นนี้มีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดเม็ดและไม่ใช่ลูกประคำไม้จันทน์ที่พบเจอได้ทั่วไป แต่ทำมาจากสิ่งที่หายากเป็อย่างยิ่งอย่างเครื่องหอมที่มีชื่อว่าไม้กฤษณา เขาก็จำไม่ได้ว่าลูกประคำเส้นนี้ได้มาได้อย่างไร จำได้เพียงว่าลูกประคำเส้นนี้มีความสำคัญต่อตนเองเป็อย่างมาก
จวินจิ่วเฉินก้มหน้าก้มตาคลึงเล่นอย่างเงียบเชียบราวกับว่าครุ่นคิดอะไรอยู่และดูเหมือนใจลอย ร่างที่โดดเดี่ยวเ็าเงียบสนิทเหมือนกับหญ้าแห้งและไม้เปื่อยหลอมรวมกันดั่งภาพวาด โดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวมาก
ผ่านไปเป็เวลานานก็มีเงาสีดำตกลงมา หมางจ้งมาถึงแล้ว
“เตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ หลักฐานทางด้านของอู๋กงกงล้วนถึงมือแล้ว เป็ใบสั่งยาทั้งหมด ลั่วไท่อีตามหาแพทย์ยาเกษียณอายุที่เชื่อถือได้สามท่านมาตรวจสอบดูแต่ก็ไม่พบเบาะแสใดๆ ”
“ใบสั่งยาพวกนี้ล้วนออกมาจากมือของผู้ใด? ”
“ได้เปรียบเทียบกับลายมือของไท่อีแพทย์ยาทั้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าล้วนไม่ตรงกัน น่าจะเป็คนด้านนอกพระราชวัง หมางจ้งและลั่วไท่อีล้วนสงสัยว่าใบสั่งยาพวกนี่ก็คือจดหมายลับที่ซ่อนผู้ร้ายตัวจริงคอยชี้นำอู๋กงกง หาก้าทำลายเกรงว่าจะทำได้เพียงไต่สวนพิจารณาคดีอู๋กงกง”
“พูดเช่นนี้แสดงว่าเ้านายของอู๋กงกงคือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในพระราชวัง? ”
จวินจิ่วเฉินรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว เขาะโลงมาจากบนต้นไม้แล้วรับใบสั่งยาที่ซ้อนกันเป็กองใหญ่ เขาเปิดดูสามสี่หน้าส่วนใหญ่นั้นมองออกว่าใบสั่งยาพวกนี้รักษาโรคอะไร ทว่ากลับมองไม่ออกถึงความลึกลับในนั้น
หมางจ้งเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เตี้ยนเซี่ย ไม่เช่นนั้นลงมือเลย? ไต่สวนพิจารณาคดีอู๋กงกงแล้วความจริงก็จะปรากฏขึ้น! เก็บอู๋กงกงเอาไว้อันตรายเป็อย่างยิ่ง”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้พิจารณา ไม่ต้องพูดถึงว่าระยะเวลาเร็วเกินไปที่จะจับอู๋กงกง ถึงแม้ว่าจับแล้วก็อาจจะไม่สามารถงัดแงะปากของอู๋กงกงได้ การปฏิบัติต่อศัตรูนั้นเขามีเวลาและความอดทนอดกลั้นมากทีเดียว ไม่ว่าจะเป็คนร้ายภายในพระราชวังหรือว่าเป็ศัตรูภายนอกพระราชวัง เขาจะต้องจับให้หมดภายในทีเดียว!
“ไม่จำเป็ และอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
เมื่อจวินจิ่วเฉินมอบหมายงานเรียบร้อยแล้วก็ลงเขาเดินไปยังอีกเส้นทางซึ่งเป็คนละเส้นทางกับกูเฟยเยี่ยนและคนอื่นๆ
กูเฟยเยี่ยนและเฉิงอี้เฟยใช้ระยะเวลาอย่างเร็วที่สุดในการกลับมายังค่ายทหาร ในเวลานี้ระยะห่างจากตอนกลางวันมีเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น อาการของสวี่ปินตรงตามที่แพทย์ทหารกัวคาดการณ์เอาไว้ คือรุนแรงมาโดยตลอด
เดิมทีเมื่อผ่านไปสองเค่อ [1] อาการจะกำเริบหนึ่งครั้ง ในตอนนี้คือหนึ่งเค่อก็กำเริบหนึ่งครั้งแล้ว แม้กระทั่งระยะเวลาที่จะกำเริบก็ยังลดลงเรื่อยๆ ความรุนแรงของอาการกำเริบเพิ่มขึ้นอีก การฝังเข็มนั้นแทบจะไม่ได้ผลแล้ว แพทย์ทหารกัวยังคงยืนหยัดต่อไปไม่หยุดฝังเข็ม
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนเข้าใจถึงสถานการณ์ทั้งหมดจึงฉวยโอกาสตัดสินใจดำเนินการอย่างเฉียบพลัน นางให้หญิงรับใช้รีบต้ม “หมาหวงดิบ” มาให้สวี่ปินใช้ทานเป็อันดับแรก ที่เหลือนางจะนำไปอบน้ำผึ้ง!
ไม่ใช่ว่าสมุนไพรทุกชนิดจะเหมาะสมกับการนำมาใช้โดยตรง การนำมาใช้โดยตรงเรียกว่าสมุนไพร “ใช้ดิบ” แล้วสมุนไพรในส่วนที่ผ่านการปรุงยาสมุนไพรเรียกว่า “ปรุงสุก” วิธีการปรุงยาสมุนไพรมีมากมาย การอบน้ำผึ้งก็คือหนึ่งในนั้น มันสามารถเสริมคุณสมบัติของยา ช่วยสำแดงถึงประสิทธิภาพ กระตุ้นการดูดซึมในร่างกาย ในใบสั่งยาที่เฉพาะเจาะจงยังมีสรรพคุณเจาะจงลงไปอีก
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะเดินแยกไป แพทย์ทหารกัวไม่สนใจสิ่งอื่นมากนักเอ่ยอย่างจริงจัง “แพทย์หญิงกู เหล่าฟูผิดไปแล้ว! เมื่อสักครู่ที่เหล่าฟูพูดออกมาเป็เพียงการเถียงข้างๆ คูๆ เท่านั้น สมุนไพรพวกนี้ไม่เช่นนั้นก็นำมาใช้ดิบทั้งหมดเลย หากว่ามีประสิทธิภาพมากเพียงพอบางทีอาจยืดเวลาไปได้สักระยะหนึ่ง หากนำไปอบน้ำผึ้งมันจะใช้เวลามากเกินไป! ”
ทัศนคติของแพทย์ทหารกัวทำให้กูเฟยเยี่ยนเกิดความโล่งใจขึ้น
นางหันกลับไปมองไม่เพียงแต่พบว่าแพทย์ทหารกัวได้มองมาที่นางแล้ว ทุกคนที่อยู่ในห้องรวมไปถึงทหารที่หายใจแขม่วๆ ผู้นั้นก็มองมาที่นาง สายตาของพวกเขาไม่มีความสงสัย แต่เป็ความกังวล……
————————————
เชิงอรรถ
[1] เค่อ หมายถึง 15 นาทีโดยประมาณ