อวิ๋นเสียนหนานไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่เรียกว่าข่าวลือ หากเป็โลกเก่าที่นางเคยอยู่ การสร้างข่าวลือมันก็ยังคงเป็เื่ง่าย หากแต่เพียงแต่ข่าวลือในโลกนั้นมักได้รับการตรวจสอบว่ามีข้อเท็จจริงเป็อย่างไร
ความจริงกับสิ่งที่ปลอมขึ้นมามากขนาดไหน แต่ผิดกับโลกนี้โลกในพันปีก่อน
นอกจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะยากแล้ว กลับกันถ้าแต่งเสริมเื่ผีสาง ความเชื่อลงไปยิ่งทำให้ผู้คนเชื่อมากยิ่งขึ้น และข่าวลือที่เกี่ยวกับเื่ผีสางคือสิ่งที่ทำให้นางมาสืบเสาะหาความจริงที่ทางเหนือของเมืองนี้
“คุณหนูขอรับ พวกเรานั่งรอกันมาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้วนะขอรับ” เสี่ยวชางเอ่ยขึ้น เขาอยากรู้ เหตุใดคุณหนูพาเขามาที่นี้
คุณหนูพาเขามาที่ทางเหนือของเมืองั้แ่เช้าตรู่ เมื่อมาถึงโรงเตี๊ยมคุณหนูก็เอาแต่นั่งนิ่งจิบชาราวกับรอใครบางคน
อวิ๋นเสียนหนานเหลือบมองเสี่ยวชาง ปากก็เป่าไล่ควันร้อนจากแก้วชา “รอไปก่อน ขาดแค่คน” ส่วนผีนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ประโยคนี้อวิ๋นเสียนหนานไม่ได้เอ่ยออกไป ก่อนหันไปมองเก้าอี้ที่ควรจะว่างเปล่า กลับปรากฏิญญาที่มาร้องขอความช่วยเหลือ
ต้องย้อนกลับไปเมื่อคืนอวิ๋นเสียนหนานนั่งสมาธินับคิดคำนวน ญาณของนางก็ััได้ว่ามีิญญาที่ต้องไปช่วยเหลือ
แต่ที่นางแปลกใจคือิญญาตนนั้นมาหานางไม่ได้ อย่างน้อยิญญาที่้าความเหลือ มักจะใช้แรงฮึบสุดท้ายมาโผล่หน้าให้นางเห็น แต่นี้นางต้องมาที่เมืองนี้เท่านั้น ถึงจะเจอคำตอบ ตอนนี้เจอกับิญญาที่ต้องช่วยแล้ว เหลือแค่อีกคนเท่านั้น
“คุณหนูหมายความว่า” เสี่ยวชางกลืนน้ำลายก่อนหันไปทางทิศทางเดียวกับที่อวิ๋นเสียนหนานมอง ก่อนจะขยับเก้าอี้ไปใกล้ผู้เป็นาย อวิ๋นเสียนหนานรู้สึกร่ำไห้ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออกกับท่าทางของเสี่ยวชาง
นางได้แต่สายหน้าอย่างจนปัญญา “เ้าเหมือนศิษย์น้องของข้าไม่มีผิด” เสี่ยวชางมองผู้เป็นายอย่างสงสัย “กลัวผีเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน” อวิ๋นเสียนหนานหัวเราะหึในลำคอ
ใช่แล้วฉือเฉิงเป็นักพรตก็จริงแต่ก็กลัวผีเป็อย่างมาก นั้นก็เป็สาเหตุที่ฉือเฉิงเลยไปเอาดีทางการรักษาคน หากให้สวดมนต์ ท่องคัมภีร์ตามตำราศิษย์น้องของนางทำได้ดีเยี่ยม มีเพียงการปราบผีเท่านั้น
ต่อให้โลกจะแตกอย่างไรนางเชื่อว่าฉือเฉิิงก็พร้อมแตกไปพร้อมโลกดีกว่ามานั่งปราบผี จริงๆแล้วศิษย์น้องของนางช่างน่าสงสารกว่าผีพวกนั้นเสียอีก
ปกติแล้วนางจะชอบพาหลินเป้ยมาปราบผีกับนางมากกว่า และปล่อยให้เสี่ยวชางอยู่รับใช้ฉือเฉิง หากแต่ต้องสู้กับคนเล่า สู้กับผีอวิ๋นเสียนหนานย่อมสู้ได้สบายมาก แต่ถ้าต้องสู้กับคน อย่างมากนางสู้ได้ไม่เกินสามคน วรยุทธ์นางไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น
แต่ให้พาทั้งสองคนมาเลย นางก็เป็ห่วงศิษย์น้อง ก็อย่างที่บอกศิษย์น้องต้องเฝ้าดูแลอาราม สิ่งของในอารามต้องดูแลเป็อย่างมาก หากบางอย่างหลุดรอดไปก็เป็เื่แย่ทันที เพียงแต่รอบนี้นางต้องพาเสี่ยวชางผู้มีทักษะวรยุทธ์เป็เลิศมา
“นาน ๆ ทีเ้าจะมากับข้า ไม่ต้องกลัว ๆ มีข้าอยู่ทั้งคน” อวิ๋นเสียนหนานตบอกตัวเอง ปลอบขวัญกำลังใจให้เสี่ยวชาง
“เสี่ยวเอ๋อร์ น้ำชากาหนึ่ง และก็ขนมมาด้วย” เสียงลูกค้าเข้ามาใหม่เอ่ยสั่งกับเสี่ยวเอ๋อร์ก่อนนั่งลงที่โต๊ะ
“ขอรับ รบกวนท่านทั้งหลายรอเพียงสักครู่” เสี่ยวเอ๋อร์เอ่ยรับก่อนเข้าไปด้านหลังจัดเตรียมของ
“พวกเ้า รู้หรือไม่ว่า่นี้มีข่าวลือว่านางคณิกาที่หอหมื่นบุปผาโดนผีร้ายจับไปเป็นางบำเรอ” ชายผู้หนึ่งในโต๊ะนั้นเอ่ยกล่าวขึ้นราวกลับเป็เื่สนุกสนานที่ลือกันไปเฉย ๆ
อวิ๋นเสียนหนานกับเสี่ยวชางที่อยู่โต๊ะไม่ไกลมากต่างเงี่ยหูฟังทันที
คณิกาหญิงงั้นหรอ ? อวิ๋นเสียนหนานครุ่นคิดในใจก่อนเหลือบมองตรงเก้าอี้ว่างเปล่าข้างตัวนาง
“ข้าได้ยินมาเหมือนกัน ตลกสิ้นดีผีก็ชื่นชอบหญิงงามเช่นกันหรือ” ชายอีกคนในวงเอ่ยกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะเฮฮาของคนในโต๊ะนั้น
“แต่ข้าว่าน่ากลัวออก หญิงงามหายไป แม่เล้าจินฮวาถึงกัับปิดหอหมื่นบุปผาไม่รับแขกอย่างไม่มีกำหนด” ชายคนแรกที่เอ่ยเปิดประเด็นกล่าวต่อ
“เห็นว่าปิดทั้งสองหอ หากเป็ผีจริงก็น่ากลัวอยู่หรอ แต่ข้าว่าเ้าเสียใจที่ไม่ได้พบแม่นางฟานเซียงที่หอหมื่นบุปผามากกว่า”
อวิ๋นเสียนหนานได้ยินถึงกับขมวดคิ้ว ชายพวกนี้ทำนางอยากอาเจียนหลายรอบ คนหายไปกลับมานั่งรำพึงรำพันกับการที่หอนางโลมปิดแทนที่จะสนใจว่าคนหายได้อย่างไร แค่บอกว่าผีจับไปก็เชื่ออย่างงั้นหรือ สงสัยนางต้องไปสืบที่หอนั้นสักหน่อยแล้ว
แต่คนที่นางต้องเจอไม่เห็นมาสักทีหรือว่า อวิ๋นเสียนหนานหันไปมองรอบๆก่อนเงยหน้าสบตากับใครบางคน เจอแล้ว ก่อนจะยิ้มบางเสริมความงามบนใบหน้าของนางมากขึึ้นทันที
ดูจากโหงวเฮ้งบนใบหน้า ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ยุติธรรม สามคำนี้แทบจะสลัักใบหน้าของชายผู้นั้น ตัวช่วยสุดท้ายปรากฎอยู่บนนั้นั้แ่เมื่อไหร่กันนะ ญาณของนางคงพลาดไปนิดหน่อย
ปรากฎภาพคนสองคนกำลังมองจ้องมองกันอย่างไม่หลบสายตา บุรุษทีี่นั่งอยู่บชั้้นสองของโรงเตี๊ยมจ้องมองอวิ๋นเสียนหนาน สายตาก็คอยสำรวจมองนักพรตสาวด้านล่าง
“น่าสนใจดีนี่” ก่อนถอนสายตากลับมาก้มหน้ามองถ้วยชาในมือ ยกยิ้มมุมปากแล้วค่อยๆละเมียดจิบชา
ลักษณะท่าทาง การแต่งตัว โดยเฉพาะรูปแบบเสื้อผ้าที่สวมใส่ค่อนข้างประณีต และหายากได้ในเมืองนี้น่าจะมากจากเมืองหลวง อวิ๋นเสียนหนานพยักหน้าให้กับความคิดตัวเอง
แล้วนางจะเข้าไปพูดคุยอย่างไรดีนะ จากโหงวเฮ้งน่าจะมีเป็ขุนนางตำแหน่งใหญ่ ท่าทางสำรวม กริยาดูสง่า รวมๆใบบนหน้าของบุรุษผู้นั้นคือหล่อ เอ้ยมีความเถรตรง รักความยุติธรรม
แต่เสียดายดวงน่าจะยังไม่ถึงฆาตหรืออย่างไร รอดตายหวุดหวิดหลายครั้งหลายครา
“เสี่ยวชางตามข้ามา” อวิ๋นเสียนหนานเอ่ยเรียกเสี่ยวชางก่อนลุกเดินนำไปหาบุรุษผู้นั้น
“หยุดพวกเ้าเป็ใครกัน” เสียงองครักษ์เอ่ยปรามก่อนจะยกปลายดาบตั้งท่าป้องกันผู้เป็นาย เสี่ยวชางเห็นดังนั้นจึงเอาตัวไปบังอวิ๋นเสียนหนาน
“ข้า้าพบใต้เท้า นายของพวกท่าน” อวิ๋นเสียนหนานเอ่ยกล่าวเสียงใส บุรุษที่นั่งอยู่ตรงนั้นขมวดคิิ้วเล็กน้อยก่อนแปรเปลี่ยนสีหน้าที่เรียบนิ่ง
เขาสงสัยยิ่งนัก เหตุใดนักพรตน้อยผู้นี้ เหมือนมานั่งรอเขาอย่างไรอย่างนั้น หรือเป็สายของศัตรู เอาเถิดน่าสนใจเหมือนกัน นักฆ่ารูปแบบนี้เขาเองก็ไม่เคยเห็น อยากรู้นักว่านางจะทำเช่นไรต่อ ก่อนพยักหน้าส่งสัญญาณให้ปล่อยนักพรตน้อยเข้ามา
อวิ๋นเสียนหนานไม่รู้ความคิดของบุรุษตรงหน้า หากรู้คงอยากจะถามว่าท่านเต็มหรือไม่แน่นอน อวิ๋นเสียนหนานเดินเข้าไปทำความเคารพก่อนนั่งลงอย่างถือวิสาสะ
บุรุษตรงหน้าถึงกับหลุดขำออกมาเล็กน้อย ั้แ่เกิดมายังไม่เคยเจอนักพรตน้อยที่เป็กันเองขนาดนี้ ไม่รอให้เขาเชิญนั่งแต่กลับนั่งลงอย่างรู้จักกันอย่างไรอย่างนั้น
“ข้ามีนามว่าสือหนาน เสียมารยาทกับใต้เท้าแล้ว” อวิ๋นเสียนหนานหันไปจ้องคนตรงข้ามเอ่ยนามนักพรตตัวเองออกไป
“ท่านนักพรตน้อยมีอะไรกับข้าหรือ” เขาเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนกดสายตามองอวิ๋นเสียนหนาน
นักพรตน้อย นี่นางดูเหมือนเด็กหรือคนผู้นี้แก่เกินไปหรือไม่นะ ไหนจะปฏิกิริยาของคนรอบข้างบุรุษนี้ ระแวงนางเกินไปหรือไม่ คิดไปแล้วแปลกนางเข้าหาเขาสุดโต้งไป คนจะระแวงก็ไม่แปลก แต่นางก็ไม่รู้จะเข้าหายังไง คนผู้นี้ก็คือผู้ที่จะช่วยคลี่คลายกับเื่นี้
“ข้าไม่อ้อมค้อม ท่าน มาสืบคดีใช่หรือไม่”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้