ไอโยว ท่านอาจารย์มีเกียรติเป็ถึงซิ่วไฉ นางต้องรีบกลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ให้เก็บบ้าน จะเสียมารยาทต่อหน้าท่านอาจารย์ไม่ได้เด็ดขาด
ซุนซื่อแอบถ่มน้ำลายใส่แผ่นหลังนางแล้วบิดเอวกลับบ้านพร้อมกับบ่น
แต่นางเพิ่งเดินถึงประตูลานบ้านก็เห็นหลี่ซิ่วไฉออกมาเสียแล้ว
“ไอโยว เหตุใดจึงจะไปแล้วล่ะเ้าคะ ข้าเพิ่งไปซื้อเนื้อกลับมา อย่างน้อยเชิญท่านอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนสิเ้าค่ะ”
หลี่ซิ่วไฉประสานมือคำนับให้นางน้อยๆ “ข้าคงไม่รบกวนล่ะ…” พูดจบก็จากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดเดิน
“เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดจึงไปแล้ว?” ซุนซื่อไล่ตามไปแต่ถูกสวีฝูตวาดเรียกกลับมา “ยังไม่รีบเข้าบ้านอีก มัวทำกระไรอยู่ด้านนอก?”
ซุนซื่อทำได้เพียงเดินเข้าบ้าน พร้อมกับบ่นพึมพำว่า “เหตุใดอยู่ๆ ถึงรีบไปนัก? เ้าล่วงเกินท่านอาจารย์หรือไม่? สีหน้าท่านไม่ค่อยสู้ดีนัก”
จะไม่ให้สีหน้าไม่สู้ดีได้อย่างไร!
ก็เื่นี้…
ไอ้เด็กสายตาตื้นเขินสองคนนี้นี่ ไปทำร้ายผู้อื่นเพื่อเงินไม่กี่ทองแดงได้อย่างไร
หลี่ซิ่วไฉกล่าวแล้วว่าต้องให้ครอบครัวของคนที่ทำจ่ายเงินชดเชย บ้านละห้าตำลึงเงิน เป็เงินทั้งหมดสิบตำลึงเงิน
อย่างไรเสียเขาถือว่าบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว หากเื่ราวไม่เรียบร้อยภายในวันนี้ พรุ่งนี้เขาจะไปหาท่านนายอำเภอที่ที่ว่าการอำเภอ!
เขาเป็ซิ่วไฉ หากไปหานายอำเภอย่อมได้พบอยู่แล้ว ถึงเวลานั้นเขาอาจไม่ได้เป็หัวหน้าหมู่บ้านอีก งานที่ลูกชายทำอยู่อาจชวดด้วยเช่นกัน
นี่ต้องทำร้ายรุนแรงถึงสภาพใดกัน หลี่ซิ่วไฉถึงได้บอกให้จ่ายเงินชดเชยทั้งหมดสิบตำลึงเงิน
“จะกระไรล่ะ ตัวเป่าจากบ้านเหล่าซานกับจินเป่าจากบ้านตระกูลหลินรุมทำร้ายเหล่าซานของบ้านตระกูลเจียงจนาเ็หนัก ทั้งยังแย่งเอาเงินไป!”
ซุนซื่อได้ยินดังนั้นก็ใ ความรู้สึกต่อมาคือผิดหวังที่ท่านซิ่วไฉไม่ได้มาเพื่อผูกมิตร
เมื่อนางลองคิดดู สวีตัวเป่าไม่ใช่หลานแท้ๆ ของนาง! เขาได้ดีนางย่อมได้หน้าไปด้วย แต่ถ้าไม่ดี นางถอยให้ห่างก็จบ
“เหอะ…เื่นี้เกี่ยวกระไรกับพวกเรา ลูกผู้ใดเป็คนทำเช่นนั้นก็ควรไปหาพ่อแม่เขาเสีย” ซุนซื่อวางของในมือลงพูดตาขวาง คิดในใจว่าซิ่วไฉเฒ่าเรียนหนังสือมากจนเลอะเลือนหรือไม่?
“เ้าจะเข้าใจสิ่งใด! เขาเป็ซิ่วไฉ มีเกียรติคุณ จะลดตัวไปติดต่อกับชาวบ้านธรรมดาได้อย่างไร? เขามาหาข้าที่เป็หัวหน้าหมู่บ้านเพราะให้เกียรติ มิเช่นนั้นคงตรงไปฟ้องร้องที่อำเภอ ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น ลำพังแค่ฟ้องว่าข้าหละหลวมหน้าที่ดูแลหมู่บ้าน ตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านก็หลุดลอยได้แล้ว! ไม่แน่ว่าเื่นี้อาจทำให้ลูกเดือดร้อนเช่นกัน!”
อันที่จริง หลี่ซิ่วไฉไม่ใช่คนพูดมาก แค่บอกให้เขาช่วยเก็บเงินชดเชย มิเช่นนั้นจะไปที่ว่าการอำเภอ
สวีฝูยับยั้งชั่งใจ เพิ่มความพิเศษให้ตัวเอง
“หา…จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? ตาแก่ เื่นี้จะชักช้าไม่ได้ รีบให้บ้านตระกูลหลินกับบ้านเหล่าซานจ่ายเงินเสีย!” ซุนซื่อเป็เพียงสตรีเกษตรกรที่มองเ้าหน้าที่ทางการเป็เหมือน์ ย่อมใกลัวจนมือสั่นเมื่อได้ยินสามีตัวเองพูดเช่นนี้
“ได้ เ้าไปบ้านเหล่าซาน ให้สองสามีภรรยามารอข้าที่บ้าน ข้าจะไปบ้านตระกูลหลินก่อน”
สวีฝูพูดจบก็เดินเอามือไขว้หลังออกไปหน้าเครียด
ณ บ้านตระกูลหลิน หลินซย่าจื้อสั่งให้ทุกคนเก็บกวาดบ้านทันทีที่กลับมาถึง
สวี่ซื่อถามนาง “ซย่าเอ๋อร์ เ้าว่าพวกเราควรซื้อเนื้อกับเหล้ามาหรือไม่ หากท่านอาจารย์มาถึงเวลามื้อเย็นพอดี จะไม่มีต้อนรับไม่ได้”
หลินซย่าจื้อส่ายมือด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องซื้อ ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านซื้อไว้แล้ว ข้าว่าท่านอาจารย์ต้องอยู่ทานข้าวที่บ้านพวกเขาก่อนจึงจะมา”
ไม่อยู่กินข้าวที่บ้านพวกนางก็ดี ประหยัดเสบียง!
“ข้าว่าจินเป่าของพวกเรามีอนาคตด้านการเรียน เ้าว่าครั้งนี้ท่านอาจารย์มาเพราะรู้สึกว่าจินเป่าของเราเป็ต้นกล้าดีเลยอยากยกเว้นค่าเล่าเรียนให้หรือไม่? เพราะถ้าจินเป่าของพวกเราสอบผ่านขั้นซิ่วไฉหรือจวี่เหริน[1]ขึ้นมา เขาที่เป็อาจารย์ย่อมได้หน้าไปด้วย”
หลินฟาไฉนั่งยองสูบปล้องยาสูบอยู่ใต้ชายคาบ้าน พร้อมกับพูดประโยคนี้ด้วยความชื่นมื่น
อื้ม เขาจินตนาการไว้อย่างงดงาม
หลินซย่าจื้อฟังแล้วตาเป็ประกาย นางตบมือกล่าวอย่างตื่นเต้น “ไอโยว ท่านพ่อมองได้ทะลุปรุโปร่งเสียจริง เหตุใดข้าไม่คิดได้เช่นนี้บ้าง? ท่านพ่อ ข้าเคยได้ยินว่ามีคนสอบผ่านระดับซิ่วไฉแล้วมีคหบดีในชนบทส่งเงินมาให้ด้วยนะ! ใช้เงินผูกไมตรี! ข้าว่าท่านอาจารย์คงคิดจะทำเช่นกัน!”
ทั้งครอบครัวพากันตื่นเต้นกับคำพูดของหลินซย่าจื้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่ ไม่มีใครฉุกคิดแม้แต่น้อยว่าหากลูกชายบ้านเ้าเก่งขนาดนั้นจริง เหตุใดอาจารย์ไม่มุ่งตรงมาบ้านเ้าเลย เหตุใดจะต้องไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน?
หลินฉินลูกสาวคนโต กับหลินฮั่วลูกสาวคนรองดีใจเช่นกัน น้องชายใช้เงินเรียนหนังสือน้อยลง เช่นนี้ท่านแม่จะมีเงินมาซื้อเครื่องประดับและเสื้อผ้าให้พวกนางสองพี่น้องได้มากขึ้นใช่หรือไม่?
ทั้งครอบครัวพากันฝันหวาน ตอนที่หัวหน้าหมู่บ้านมาถึง เห็นครอบครัวนี้มีความสุขก็โมโหมาก
“โอ้…นี่ท่านหัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่หรือ? มาทำกระไรที่บ้านพวกเราเวลานี้? ข้าเห็นพี่สะใภ้ซื้อเนื้อซื้อเหล้ากลับไป ท่านอาจารย์ให้มาเชิญพวกข้าไปร่วมด้วยใช่หรือไม่?” หลินซย่าจื้อกล่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านด้วยตาเป็ประกาย
หลินฟาไฉลุกขึ้นยืนเช่นกัน ใช้เท้าเหยียบขี้เถ้ายาสูบแล้วเดินออกมาต้อนรับ
หากท่านอาจารย์ให้คนมาเชิญไปร่วมดื่ม เขาต้องเป็คนไปอยู่แล้ว ส่วนลูกเขยแบบโจวเอ้อร์เหนิง…คนเช่นนั้นมีแต่จะทำให้ครอบครัวขายหน้าเปล่าๆ
ลูกสาวตระกูลหลินอีกสองคนตามออกมาเช่นกัน ท่านแม่บอกว่าบ้านหัวหน้าหมู่บ้านซื้อเนื้อ พวกนางจะตามไปกินด้วย
ส่วนจะได้นั่งร่วมโต๊ะหรือไม่ก็ไม่สำคัญ สำคัญคือมีเนื้อกินต่างหาก
สวีฝูโมโหแทบขาดใจ ครอบครัวนี้เป็กระไรกัน?
มิน่าเล่า ลูกชายถึงได้ทำเื่ต่ำช้าเช่นนั้นไว้ด้านนอก
หลินซย่าจื้อเดินนำออกมาด้านนอกโดยไม่รอให้สวีฝูตอบ
เพื่อนบ้านซ้ายขวาได้ยินเสียงก็พากันออกมาดู เห็นหลินซย่าจื้อทำท่าดีใจจึงถามว่ามีเื่กระไรน่ายินดี
หลินซย่าจื้อเป็พวกชอบอวดอยู่แล้ว นางลูบดอกไม้บนขมับผม ยิ้มได้ใจว่า “ปัดโธ่ จินเป่าบ้านพวกเราได้รับความชื่นชมจากท่านอาจารย์ ท่านเลยมาหาน่ะสิ! ตอนนี้ท่านอาจารย์รออยู่ที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน ท่านอาซื้อเนื้อซื้อเหล้ามารอต้อนรับ หัวหน้าหมู่บ้านเลยมาเชิญพวกข้าไปร่วมดื่มด้วย!”
บรรดาเพื่อนบ้านได้ยินดังนั้นก็พากันชมว่าหลินจินเป่าฉลาด พร้อมแสดงความยินดีกับหลินซย่าจื้อ
ในใจอิจฉาเช่นกันแต่ไม่กล้าพูดตอนนี้
สำหรับพวกเขาแล้ว คนเรียนหนังสือคือคนมีความสามารถ
หลินจินเป่าได้รับความชื่นชมจากท่านอาจารย์ ไม่แน่อาจจะสอบซิ่วไฉผ่าน มิเช่นนั้นท่านอาจารย์จะมาเพราะเหตุใด?
หากสอบซิ่วไฉผ่านจะสุดยอดมาก ที่บ้านไม่เพียงไม่ต้องจ่ายภาษีที่นา แต่คนในครอบครัวยังไม่ถูกเกณฑ์แรงงานเช่นกัน ที่สำคัญคือ ไม่จำเป็ต้องคุกเข่าเวลาเจอนายอำเภอ
นายอำเภอเป็คนใหญ่คนโตระดับไหน?
นั่นคือขุนนางผู้สุจริตเชียวนะ!
สวีฝูมองบ้านตระกูลหลินทำท่าได้ใจประหนึ่งลูกพวกเขาสอบซิ่วไฉผ่านแล้วอย่างไรอย่างนั้น
ลูกชายตัวเองเป็อย่างไรยังไม่รู้อีกหรือ?
จะกระหยิ่มยิ้มย่องกระไรขนาดนั้น
นึกถึงเื่ที่หลินซย่าจื้อสองพ่อลูกบอกว่าหลินหวั่นชิวฆ่าคนจนเขาต้องขายหน้าครั้งใหญ่ สวีฝูก็ยิ่งไม่ชอบนาง
เขาโมโหเดือดดาล “กลับมาประเดี๋ยวนี้ กินบ้ากินบอกระไรกัน ลูกชายเ้าทำร้ายเจียงหงหนิง ทั้งยังแย่งเงิน! รีบจ่ายเงินชดเชยมา! ห้าตำลึง!”
เชิงอรรถ
[1] จวี่เหริน(举人) ชื่อเรียกของผู้ที่สอบผ่านระดับภูมิภาค(มณฑล) ผู้เข้าสอบจะต้องผ่านระดับซิ่วไฉก่อน การสอบรอบนี้จะจัดขึ้นทุกสามปี