“ค่าตรวจเท่าไรหรือเ้าคะ ข้าจะนำเงินมาให้ท่าน” หลินหวั่นชิวถามท่านหมอเมื่อออกจากห้อง
เด็กรับใช้ที่ตามมารีบพูดว่า “ไม่ต้องขอรับ ท่านอาจารย์สั่งว่าเงินนี้ท่านจะออกให้เอง”
หลินหวั่นชิวตอบ “แค่ท่านอาจารย์ยอมไปเบิกค่ายาจากหัวหน้าหมู่บ้านให้ถือว่าเป็การรบกวนมากแล้ว พวกข้าจะกล้ารบกวนให้ท่านออกค่ายาให้อีกได้อย่างไร มิหนำซ้ำ ข้าเพียงสำรองจ่ายไปก่อนเท่านั้น ประเดี๋ยวหัวหน้าหมู่บ้านก็เอาเงินมาให้” นางวางแผนจะให้เจียงหงหนิงกับเจียงหงป๋อเรียนหนังสือ ดังนั้นไม่ควรล่วงเกินคนแบบซิ่วไฉให้มากเกินไปจะดีกว่า หากกฎของราชวงศ์ไม่คลาดเคลื่อนจากที่นางเข้าใจมากนัก การสอบเคอจวี่[1]ต้องให้ซิ่วไฉสองสามคนช่วยรับรอง
และในชนบทก็มีซิ่วไฉไม่มากนัก ในหมู่บ้านมีได้สักคนถือว่าฮวงจุ้ยดีแล้ว!
หัวหน้าหมู่บ้านสวีฝูยิ้มหน้าบานให้กับการมาถึงของซิ่วไฉจากหมู่บ้านข้างๆ
“ไอโยว…แขกหายากๆ เชิญท่านรีบเข้ามาเถิด” สวีฝูเชิญซิ่วไฉเฒ่าเข้าไปนั่งในห้องโถงอย่างกระตือรือร้น สั่งเมียตัวเองว่า “เร็วเข้า รีบชงชามาให้ท่านอาจารย์ ชงตัวที่ลูกเทาได้มาจากท่านนายอำเภอ”
ซิ่วไฉถือว่ามีเกียรติคุณ อยู่ในระดับปัญญาชน เวลาเจอเ้าหน้าที่ทางการไม่ต้องคุกเข่า อีกทั้งยังได้แทนตัวเองว่าบัณฑิต
สวีฝูเป็หัวหน้าหมู่บ้าน เคยเห็นโลกมามาก ด้วยเหตุนี้จึงให้ความเคารพต่อซิ่วไฉเฒ่าเป็อย่างมาก
“ไม่ต้องเกรงใจ ข้าแค่มีเื่จะคุยกับเ้า” ซิ่วไฉเฒ่ากล่าวหน้าเข้ม
“ท่านอุตส่าห์มาเยือนกระท่อมซอมซ่อของพวกเรา…ช่างเป็…ช่างเป็…เกียรติของบ้านเรายิ่งนัก” ขณะที่พูด ภรรยาเขาก็ยกชาออกมา สวีฝูทำท่าเชิญให้ดื่มชา ซิ่วไฉเฒ่ามีความรู้และมารยาท ไม่กล้าเสียมารยาทกับผู้อื่น ด้วยเหตุนี้จึงยกชาขึ้นจิบอย่างสุภาพ
ชาเก่า!
ถึงแม้เขายากจนแต่ชอบความมีระดับ พิถีพิถันกับการดื่มชามาก แม้จะไม่ได้ดื่มชาดี แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้ชาใหม่
ได้ยินสวีฝูบอกว่านายอำเภอมอบชานี้ให้ลูกชายเขา…ไม่รู้เก็บมากี่ปี
สีชาขุ่นมัว มีรสชาติฝาด ซิ่วไฉเฒ่านึกเสียใจว่าเหตุใดตัวเองต้องดื่มคำโตขนาดนั้น จะคายออกมาก็ไม่ได้ ทำได้เพียงรีบกลืนลงท้องไป
“วันนี้ข้ามาพูดเื่สวีตัวเป่า พวกเ้าไม่จำเป็ต้องรีบร้อน ข้าจบเื่ก็จะกลับ” ซิ่วไฉเฒ่าบ่นในใจ สวีฝูสั่งให้เมียออกไปซื้อเนื้อ จะเชิญซิ่วไฉเฒ่าทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
สวีฝูกดเขาลงบนที่นั่งอย่างกระตือรือร้น “ต้องทำอยู่แล้วๆ นี่ใกล้ถึงเวลาแล้ว คุยจบก็ถึงเวลาทานข้าวพอดี…” ส่งสายตาให้ภรรยารีบไปจัดการไปด้วย
ซุนซื่อ ภรรยาของสวีฝูเดินไปบ้านคนขายเนื้อในหมู่บ้านด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า ระหว่างทางเจอชาวบ้านมาไถ่ถามนางตอบอย่างภาคภูมิว่า ท่านหลี่ซิ่วไฉจากหมู่บ้านข้างๆ มาบ้านพวกนาง เที่ยงนี้จะอยู่กินข้าวที่บ้านด้วย
ทำเอาบรรดาชาวบ้านอิจฉากันหมด
นั่นคือซิ่วไฉเชียวนะ
หมู่บ้านนี้มีเด็กไปเรียนที่โรงเรียนส่วนตัวในหมู่บ้านข้างๆ แค่สองคน ทุกคนต่างอิจฉากันแทบแย่…น่าเสียดายที่โรงเรียนส่วนตัวนี้ไม่ใช่ที่ที่ครอบครัวยากจนแบบพวกเขาจะส่งลูกไปเรียนได้
แค่กินให้อิ่มยังยาก จะไปเอาเงินจากที่ใดมาส่งลูกเรียนหนังสือ มีแต่ของราคาแพง ลำพังแค่ค่าหมึกค่าพู่กันก็แพงมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงค่าเล่าเรียนปีหนึ่งพอให้ทั้งบ้านใช้จ่ายได้สองสามเดือน…ต่อให้โยนเงินที่ใช้ทั้งปีลงไปคงยังไม่พอสำหรับการศึกษา
“ท่านอาบ้านตระกูลสวี เหตุใดท่านซิ่วไฉถึงไปกินข้าวที่บ้านเ้าหรือ?”
“ลูกชายของเหล่าซานบ้านพวกเ้าไปเรียนกับซิ่วไฉไม่ใช่หรือ? หรือว่าเด็กคนนั้นจะฉลาดจนได้รับความชื่นชมจากท่านซิ่วไฉ?”
ซุนซื่อลูบขมับอย่างได้ใจ “ท่านซิ่วไฉมาเพราะตัวเป่าจริงๆ นั่นแหละ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาด ตั้งใจศึกษา ไม่เหมือนลูกชายบ้านข้าที่ชอบใช้อาวุธต่อสู้มาั้แ่เด็ก แต่ลูกชายของเหล่าต้าเรียนอยู่ในอำเภอเช่นกัน ได้ยินท่านอาจารย์บอกว่าเขามีแววด้านการเรียน”
“ไอโยว ข้าว่าฮวงจุ้ยบ้านตระกูลสวีนี่มันดีจริงๆ เจริญรุ่งเรือง ไม่เป็มือปราบก็เรียนหนังสือเก่ง ข้าว่าตระกูลสวีคงได้มีบัณฑิตเป็แน่ ไม่แน่ว่าอนาคตอาจมีจ้วงหยวน[2]ก็ได้!”
“นั่นน่ะสิ ข้าเองรู้สึกว่าบ้านตระกูลสวีมีรัศมีมงคลปกคลุมเช่นกัน อนาคตจะได้เป็ตระกูลร่ำรวยมีเกียรติ”
“ดูสิ ทั้งที่เลี้ยงลูกหลานเหมือนกันแท้ๆ ลูกหลานที่บ้านพวกเรากลับมีแต่กระไรไม่รู้ ทำสิ่งใดก็ไม่เป็ ทำได้แต่งานออกแรงกับงานในทุ่งหญ้า หยาดเหงื่อหยดลงบนพื้น เพียงพอแค่มีข้าวกินไปวันๆ ไม่ถึงขั้นอดตาย หันไปดูลูกตระกูลสวี มีแต่อนาคตไกลทั้งนั้น”
ซุนซื่อไปซื้อเนื้อจากบ้านคนขายเนื้อภายใต้คำประจบของทุกคนและกลับบ้านท่ามกลางเสียงประจบเช่นกัน ภายในใจยินดีจนไม่รู้จะยินดีอย่างไร
ท่านอาจารย์มาหาถึงบ้านจะมีเื่อันใดได้ ต้องเพราะลูกของเหล่าซานแน่นอน ท่านอาจารย์ให้ความสำคัญกับลูกของเหล่าซานขนาดนี้ นี่หมายความว่าเขาต้องเรียนเก่ง
ไม่รู้ว่าใช่เื่ที่จะให้ตัวเป่าไปสอบถงเซิง[3]หรือไม่ ไอโยว อายุแค่เจ็ดขวบได้ไปสอบถงเซิง ไม่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่านล้วนได้หน้าทั้งนั้น!
จะว่าไปแล้วท่านซิ่วไฉก็ช่างให้เกียรติจริงๆ เื่ใหญ่ขนาดนี้ยังรู้จักมาหาสามีนาง ไม่ได้ไปหาพ่อแม่ตัวเป่า
พ่อแม่ตัวเป่าเป็ชาวนายากจนที่ออกหน้ามากไม่ได้ จะไปรู้เื่อันใดกัน สู้สามีนางได้อย่างไร?
หากวันหน้าตัวเป่าประสบความสำเร็จเป็เพราะครอบครัวนางช่วยสนับสนุน
ซุนซื่อวาดฝันอย่างมีความสุข ฮัมเพลงเบาๆ พร้อมกับเดินกลับบ้าน
“ไอโยว ท่านอานี่เอง ซื้อเนื้อก้อนใหญ่เช่นนี้ ที่บ้านมีข่าวดีหรือ?” ซุนซื่อเจอหลินซย่าจื้อระหว่างทาง หลินซย่าจื้อแทะเม็ดแตงโมไปด้วย จ้องเนื้อในมือซุนซื่อไปด้วย ถามด้วยตาเป็ประกาย
ซุนซื่อไม่ค่อยอยากญาติดีกับหลินซย่าจื้อเท่าไร เพราะสองพ่อลูกตระกูลหลินทำให้สามีนางต้องขายหน้าต่อหน้าคนในหมู่บ้าน
“เพราะตัวเป่าลูกชายของเหล่าซานเรียนหนังสือเก่งน่ะสิ ท่านอาจารย์จากโรงเรียนมาชมเขาถึงที่บ้าน ท่านอาจารย์เป็ถึงซิ่วไฉ มีเกียรติคุณ เช่นนั้นครอบครัวเราต้องต้อนรับให้ดี” นางพูดด้วยความภาคภูมิ เห็นว่าสีหน้าหลินซย่าจื้อแข็งทื่อตามที่คาด
“ครอบครัวพวกเ้าก็จริงๆ เลย ข้าได้ยินจากตัวเป่าว่าจินเป่าของพวกเ้าถูกท่านอาจารย์ลงโทษอยู่บ่อยๆ การบ้านก็ไม่ทำ บ้านพวกเ้าก็ไม่ได้ร่ำรวย ขายน้องสาวให้นายพรานที่มีดวงกินภรรยา…พวกเ้าควรใช้ชีวิตเรียบง่ายดีกว่านะ เหตุใดถึงเอาเงินไปส่งเด็กที่ไม่มีพร์เรียน? ไม่คิดว่าเป็การสิ้นเปลืองหรือ?”
หลินซย่าจื้อถูกคำพูดของซุนซื่อทิ่มแทงจนเกือบตาย คิดในใจว่าสวีตัวเป่าไม่ใช่ลูกเ้าสักหน่อย
อีกอย่าง จินเป่าของนางก็พูดเช่นกันว่าสวีตัวเป่าโดนลงโทษมากกว่าเขาเสียอีก
ในเมื่อสวีตัวเป่าได้รับคำชมจากท่านอาจารย์ เช่นนั้นจินเป่าของนางต้องได้เช่นกัน
แต่ท่านอาจารย์เห็นว่าลุงของสวีตัวเป่าเป็หัวหน้าหมู่บ้านจึงไปหาก่อนเท่านั้น กินมื้อเที่ยงเสร็จแล้วต้องมาบ้านนางต่อเป็แน่
แค่นึกถึงความเป็ไปได้นี้ หลินซย่าจื้อก็รีบบอกลาซุนซื่อวิ่งกลับบ้านเหมือนฉีดเืไก่[4]
เชิงอรรถ
[1] เคอจวี่(科举) ชื่อการสอบเข้ารับราชการของจีน
[2] จ้วงหยวน(状元) หรือที่คนไทยคุ้นเคยกันในชื่อ ‘จอหงวน’ คือชื่อตำแหน่งของผู้ที่สอบได้อันดับ1 ในการสอบคัดเลือกเข้ารับราชการในยุคจีนโบราณ
[3] ถงเซิง(童生) แปลตามตัวว่า บัณฑิตเด็ก เป็ชื่อของผู้ที่สอบผ่านระดับต้นหรือระดับท้องถิ่น
[4] ฉีดเืไก่(打鸡血) เป็ความเชื่อทางการแพทย์จีนในยุค 60 ว่าการฉีดเืไก่เข้าตัวเป็ยารักษาสารพัดโรค ฉีดแล้วมีอาการคึก เืลมสูบฉีด ต่อมาจึงใช้เปรียบเปรยถึงคนที่มีอาการคึก ตื่นเต้น