เมื่อจิ่นเซวียนและซ่งจื่อเฉินเดินมาถึงลานหน้าบ้าน ทุกคนก็นั่งทานอาหารกันหมดแล้ว เฉินซื่อเหลือที่นั่งสองที่ซึ่งเป็โต๊ะเดียวกับโจวซู่ซินไว้ให้พวกเขา จิ่นเซวียนค่อนข้างกลุ้มใจที่นางต้องทานข้าวร่วมโต๊ะกับโจวซู่ซิน เล่นละครกับนางชาเขียวมันเสียเวลา นางจึงมิอยากเจอโจวซู่ซิน
“พี่สะใภ้ห้า ท่านเป็เ้าสาว มิชนกับพวกเราสักจอกหรือเ้าคะ?” ซ่งเป่าจูเป็คนเริ่ม พวกนางอยากให้จิ่นเซวียนเมา
“พี่สะใภ้เล็ก ข้ากับพี่จื่อเฉินโตมาด้วยกัน พวกเราก็เป็เหมือนพี่น้องกัน น้องขอคารวะจอกนี้ให้ท่านเ้าค่ะ” โจวซู่ซินยกจอกเหล้า และลุกขึ้นยืนอย่างสุภาพ เพื่อคารวะเหล้าให้จิ่นเซวียน จิ่นเซวียนรู้สึกอึดอัด เมื่อได้ยินคำว่าโตมาด้วยกันของโจวซู่ซิน โจวซู่ซินกำลังบอกกับนางเป็นัยๆ ว่า นางกับซ่งจื่อเฉินมีใจให้กันั้แ่เล็ก
“พี่สะใภ้ห้า พี่ซู่ซินมีใจคารวะเหล้าให้ท่าน ท่านต้องตอบรับนะเ้าคะ!” ซ่งเป่าจูกับโจวซู่ซินเข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย หากจิ่นเซวียนมิดื่ม จะเหมือนหาเื่พวกนาง สำหรับจิ่นเซวียนแล้วเื่ดื่มเหล้าเป็เื่เล็กน้อย ในชาติก่อนนางต้องดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมทุกครั้งที่พูดคุย ใน่ที่เริ่มทำธุรกิจแรกๆ ชีวิตของนางจึงลำบากยิ่งนัก นางต้องผูกมิตรกับทุกคน แม้จะเป็คนที่มิอยากเจอก็ตาม
มีหนหนึ่งที่นางเมาแล้วมีชายเฒ่าหัวงูอยากเอาเปรียบนาง สุดท้ายเขาก็ถูกพี่จื่อเฟิงอัดจนต้องเข้าโรงพยาบาล
“น้องซู่ซิน ข้าดื่มจอกนี้ให้เ้า” จิ่นเซวียนยกจอกเหล้าคำนับโจวซู่ซิน โจวซู่ซินจึงเอาแขนเสื้อปิดจอกแล้วดื่ม
นางเคยดื่มเหล้าเป็เพื่อนท่านปู่ที่บ้าน เอ้อร์กัวโถว[1] ประเภทนี้ นางจึงดื่มได้สามถึงสี่จอก
โจวซู่ซินคิดว่าจิ่นเซวียนคอมิแข็ง นางเลยจะแข่งดื่มกับจิ่นเซวียนต่อ
“พี่สะใภ้เล็ก ขอบคุณท่านที่รักษาขาของพี่จื่อเฉินจนหายดี น้องคารวะจอกนี้ให้ท่านเ้าค่ะ” โจวซู่ซินรินให้ตนเองอีกหนึ่งจอก คำพูดของโจวซู่ซินช่างน่าขันยิ่งนัก ซ่งจื่อเฉินคือสามีของนาง นางรักษาให้สามีของตนเอง ต้องให้คนนอกมาขอบคุณด้วยหรือ?
“ญาติผู้พี่ พี่จื่อเฉินกับพี่สะใภ้เล็กเป็สามีภรรยากัน ท่านพูดขอบคุณพี่สะใภ้เล็กเช่นนี้ ดูเป็คนอื่นคนไกลเกินไปนะเ้าคะ” โจวซู่อิงพูดแทนทุกสิ่งที่จิ่นเซวียนอยากจะพูด จากการสังเกตของจิ่นเซวียน โจวซู่อิงมิชอบโจวซู่ซินยิ่งนัก
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกพี่ลูกน้องเข้ากันมิได้เป็เื่ปกติ ดูจากวิธีการของโจวซู่ซินแล้ว นางคงคิดจะจัดการโจวซู่อิงอยู่ทุกวินาที มิแน่นางอาจจะกลั่นแกล้งโจวซู่อิงอยู่บ่อยๆ โจวซู่อิงถึงเกลียดนางมากเพียงนี้
“น้องซู่ซิน อิงจื่อพูดถูก พี่จื่อเฉินคือสามีของข้า ระหว่างเรามิต้องมีคำว่าขอบคุณ จอกนี้ข้าคารวะเ้าเอง ขอบคุณเ้าที่ห่วงใยพี่จื่อเฉินเช่นนี้”
จิ่นเซวียนยกจอกคารวะโจวซู่ซิน นางเน้นว่าซ่งจื่อเฉินคือสามีของนางจนโจวซู่ซินรู้สึกหึงหวง
ใช่แล้ว บุรุษที่นั่งอยู่ตรงข้ามมิเคยเป็ของนาง และเวลานี้เขาก็เป็สามีของสตรีอีกคน นางมีสิทธิ์อะไรไปเรียกร้องให้เขารักนาง
“พี่สะใภ้ห้า พี่ซู่ซินกับพี่ห้าเป็คู่......สหายกันั้แ่เด็ก มิเห็นต้องทำเป็คนอื่นคนไกลเลยเ้าค่ะ” ความจริงแล้วซ่งเป่าจูอยากบอกว่าพวกเขาเป็คู่รักกันั้แ่เด็ก แต่เมื่อนางสบตากับสายตาเ็าของซ่งจื่อเฉินแล้ว นางจึงรีบเปลี่ยนคำพูด
“ญาติผู้พี่ของข้าดีกับพี่จื่อเฉินที่สุด เมื่อก่อนนางยังทำของอร่อยให้พี่จื่อเฉินทานบ่อยๆ เลยเ้าค่ะ” โจวซู่อิงบอกเป็นัยกับจิ่นเซวียนว่าญาติผู้พี่ของนางชอบซ่งจื่อเฉิน
ความจริงแล้วนางมิต้องเตือน จิ่นเซวียนก็อ่านความคิดของโจวซู่ซินออก
“น้องซู่ซินทำครัวเป็หรือ?” จิ่นเซวียนถามตามมารยาท
“ข้ากับพี่สะใภ้เล็กมิเหมือนกัน แม้ท่านปู่ของข้าจะเป็หลี่เจิ้งแต่มิได้ร่ำรวย พวกเราจึงต้องทำงานั้แ่เล็ก อย่าว่าแต่เข้าครัวเลย ให้ทำนา ข้าก็ทำเป็เ้าค่ะ” โจวซู่ซินตอบอย่างถ่อมตนและสุภาพ หากเป็คนทั่วไปคงโดนหลอก แต่สำหรับคนที่รู้จักนาง ย่อมมิเชื่อคำพูดไร้สาระพวกนี้
“ความจำของข้าแย่ยิ่งนัก เหตุใดถึงลืมเื่ที่ญาติผู้พี่ทำนาได้ไปได้อย่างไรกัน” โจวซู่อิงเหยียดหยามโจวซู่ซินยิ่งนัก ั้แ่เล็กจนโต ผู้ที่ลงไปทำงานในทุ่งนาคือนางกับซู่เอ๋อร์ แม้ซู่เอ๋อร์จะเป็น้องสาวแท้ๆ ของโจวซู่ซิน แต่นางก็มิได้รับความโปรดปรานเช่นกัน
“......” โจวซู่ซินถูกโจวซู่อิงเลื่อยขาเก้าอี้[2] จนหน้าเสียไปเล็กน้อย นางรู้ว่าโจวซู่อิงมิมีทางปล่อยนางไป รอให้กลับถึงบ้านก่อน นางจะต้องหาทางจัดการญาติผู้น้องผู้นี้ให้ได้ มิเช่นนั้นนางคงถูกมองข้ามเช่นนี้อีก
“อิงจื่อ เ้าแอบไปอู้ตอนที่พี่ซู่ซินทำงาน เ้ายังมีหน้ามาหัวเราะเยาะพี่ซู่ซินอีกหรือ” ซ่งเป่าจูคนโง่กลัวโจวซู่ซินมิได้รับความเป็ธรรม นางจึงต่อว่าโจวซู่อิงตรงๆ ต่อหน้าทุกคน
“เป่าจู เ้าปรับปรำข้าแล้ว ข้าดูเป็คนี้เีเช่นนั้นหรือ?ข้าเริ่มช่วยที่บ้านเก็บหญ้าั้แ่ห้าขวบ เ้าดูหน้าข้า ตากแดดจนดำเช่นนี้ ข้าเหมือนคนี้เีหรือ?” โจวซู่อิงอยากด่าซ่งเป่าจูว่ายัยโง่เสียจริง
“เป่าจูเอ๋ย อิงจื่อเป็แม่นางน้อยที่ขยันที่สุดในหมู่บ้านนี้ นางทำงานั้แ่เช้าจรดค่ำ เ้าควรเรียนรู้จากนาง” เฉินซื่อเห็นโจวซู่อิงเดือดร้อนเลยรีบออกหน้าช่วย หากเทียบเื่ความี้เีแล้ว ผู้ใดจะี้เีสู้น้องสาวสามีของนาง
ซ่งเป่าจูนอนจนกว่าจะตื่นเองทุกวัน หลังตื่นก็เรียกใช้แต่อาเหมยให้ทำงานให้ แม้กระทั่งผ้า ก็ยังมิเคยซักเอง นางใช้ให้อาเหมยซักให้ตลอด
“เป่าจู ข้าคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่พูดถูก เ้าต้องเรียนรู้จากอิงจื่อ อิงจื่อมีชื่อเสียงว่าเป็คนขยัน ข้านับถือนางยิ่งนัก” ซ่งจื่อเฉินที่นั่งเงียบมาตลอด เมื่อเปิดปากพูดก็ทำให้ซ่งเป่าจูอารมณ์เสีย
“ท่านแม่บอกข้าว่ามิต้องทำงาน” ซ่งเป่าจูเอาเฉียวซื่อมาข่มซ่งจื่อเฉินอีกหน
“ในเมื่อเ้าเชื่อฟังท่านแม่ของเ้าเช่นนั้น จากนี้เ้าก็ให้แม่ของเ้าเตรียมสินสมรสให้เ้าเอง อย่าได้หวังว่าพวกเราพี่ชายจะเตรียมสินสมรสให้เ้า แม้แต่อีแปะเดียวก็มิมี” ซ่งจื่อเฉินโกรธยิ่งนัก น้องโง่ผู้นี้โดนคนหลอกใช้แล้วยังมิรู้ตัว นางคิดว่าโจวซู่ซินเป็คนดีหรือ?
แม้โจวซู่อิงจะอารมณ์ร้ายปากจัด แต่นางทำใส่โจวซู่ซินเพียงผู้เดียว สำหรับผู้อื่นนั้นโจวซู่อิงค่อนข้างมีน้ำใจด้วย
เฉินซื่อส่งสายตาชื่นชมให้ซ่งจื่อเฉิน นางคิดว่าน้องชายคนเล็กของสามีพูดดียิ่งนัก ในบ้านหลังนี้นอกจากพ่อสามีของพวกนางแล้ว ก็มีเพียงซ่งจื่อเฉินที่จัดการเป่าจูได้
“พี่ห้า ท่านแต่งภรรยาแล้วลืมน้อง ซย่าจิ่นเซวียนพูดสิ่งใดกับท่าน ท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้” ซ่งเป่าจูมิเพียงไม่พิจารณาตนเอง นางยังด่าจิ่นเซวียนอย่างเจ็บแสบ
“เป่าจู เ้าไร้เหตุผลเสียจริง ข้ามิสนใจเื่น่ารำคาญของเ้าหรอก แทนที่จะสนใจเ้า ข้าเอาเวลาว่างไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ยังดีเสียกว่า” จิ่นเซวียนปรายตามองเหยียดซ่งเป่าจู ทำตัวไร้ค่ายิ่งนัก หากมิเห็นแก่หน้าของพ่อสามี นางคงตบหน้าซ่งเป่าจูไปนานแล้ว
“พี่สะใภ้เล็ก ท่านอย่าโกรธเลย เป่าจูมิได้ตั้งใจเ้าค่ะ” โจวซู่ซินอยากให้จิ่นเซวียนกับซ่งเป่าจูแตกหักกัน นางจะได้หลอกใช้ซ่งเป่าจูต่อ
“น้องซู่ซินมิจำเป็ต้องพูดแทนนาง นางตั้งใจหรือมิตั้งใจข้าตัดสินเอง ข้าเป็พี่สะใภ้ ถึงจะเด็กกว่านาง ข้ายังรู้จักแยกแยะ แต่นางกลับมิรู้ เฮ้อ ข้าพยายามเพื่อนางเสียเปล่าจริงๆ”
จิ่นเซวียนเกลียดโจวซู่ซินยิ่งนัก อยากใช้ซ่งเป่าจูต่อกรกับนางหรือ คิดผิดแล้ว
ขอแค่คนบ้านซ่งสนับสนุนนาง ซ่งเป่าจูผู้เดียวนางมิสนใจหรอก
“ซย่าจิ่นเซวียน ข้าเกลียดเ้า ข้าเกลียดเ้ายิ่งนัก หากมิใช่เพราะเ้า ท่านแม่ของข้าคงมิโดนแย่งอำนาจเช่นนี้ และข้าก็คงได้รับความเป็ธรรมไปแล้ว” ซ่งเป่าจูะโด่าจิ่นเซวียนเหมือนคนบ้า จนดึงดูดความสนใจของคนในลาน หลายสายตาจ้องมองนาง ซ่งเป่าจูยังมิรู้สึกอายสักนิด
เชิงอรรถ
[1] เอ้อร์กัวโถว หมายถึง เหล้าขาวหมักจากข้าวฟ่าง มีดีกรีสูง
[2] เลื่อยขาเก้าอี้ หมายถึง ผู้ที่เป็ลูกน้องหรือผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่า รู้สึกว่าตนเองเก่งกว่า มีความสามารถมากกว่าหัวหน้าหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่า จึงหาวิธีกำจัดหัวหน้าออกไปแล้วขึ้นมาทำหน้าที่แทน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้