มู่หรงฉือรอจนพระอาทิตย์ตกดิน ฉินรั่วถึงได้กลับมายังศาลต้าหลี่
ฉินรั่วบอก “เตี้ยนเซี่ย หนูฉายไม่ได้รอจนถึงตอนที่แม่นางเซี่ยกลับมา หนูฉายกังวลว่าเตี้ยนเซี่ยจะรอจนร้อนใจ จึงรีบกลับมารายงานก่อน”
มู่หรงฉือครุ่นคิด ช่างเถิด พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ตอนนี้ยังไม่รีบ
เสิ่นจือเหยียนหัวเราะ “เช่นนี้ดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปโรงเตี๊ยมเค่อซื่ออวิ๋นหลาย เชิญคุณหนูเซี่ยให้มาที่ศาลต้าหลี่”
นางรู้สึกว่าพรุ่งนี้ค่อยเจอแม่นางเซี่ยก็ได้จึงรับคำ จากนั้นสองนายบ่าวก็จะนั่งรถกลับตำหนักบูรพา
สายวันต่อมา พวกนางกลับมายังศาลต้าหลี่อีกครั้ง เดิมคิดว่าจะได้เห็นเซี่ยเสี่ยวลู่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินข่าวร้าย
จากที่เ้าพนักงานกลับมารายงาน เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมเค่อซื่ออวิ๋นหลายบอกว่า แม่นางเซี่ยสองนายบ่าวไม่กลับมาตลอดคืน วันนี้ตอนเช้าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาคน
มู่หรงฉือมองไปทางเสิ่นจือเหยียนด้วยความสงสัย สายตาเหมือนกำลังบอกว่า : แม่นางเซี่ยคงไม่เป็อะไรใช่หรือไม่
เขารีบส่งคนไปถามที่จวนจิ่งจ้าวว่าสองวันนี้มีคดีเกิดขึ้นหรือไม่ เพียงครู่เดียวพวกเขาก็ได้รับข่าว เมื่อครู่มีคนมาแจ้งความ นอกประตูเมืองทางทิศตะวันตกมีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น เหมือนจะเป็สตรีอายุน้อยสองคน
มู่หรงฉือกับเสิ่นจือเหยียนรุดไปที่ประตูเมืองทิศตะวันตกทันที
ครั้นเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพวกเขาก็เห็นคนจำนวนไม่น้อยยืนดูอยู่รอบๆ มีเ้าพนักงานหยาเหมินคอยใช้หอกยาวขวางไม่ให้ใครเข้าใกล้ มือปราบจากจวนจิ่งจ้าวกับอู่จั้วมาถึงแล้ว กำลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
เสิ่นจือเหยียนแสดงป้ายศาลต้าหลี่ เ้าพนักงานก็ปล่อยให้พวกเขาเข้าไป
มือปราบทราบว่าเซ่าชิงผู้มีชื่อเสียงแห่งศาลต้าหลี่มาถึงแล้ว จึงเชิญเขาเข้ามาดู
มู่หรงฉือมองไป ศพที่นอนอยู่บนพื้นเป็เซี่ยเสี่ยวลู่กับชุนเถาจริงๆ
ชีวิตคนเราช่างยากจะคาดเดา พวกนางจะอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงว่าแค่มาตามหาคนที่เมืองหลวงกลับต้องพบจุดจบน่าอนาถเช่นนี้
“ผู้ใดเป็คนแจ้งความ?” นางถามมือปราบ
“เป็หญิงชราที่มาไหว้พระที่วัดเป็คนพบคนแรก นางรีบกลับไปบอกให้หลานไปแจ้งความ” มือปราบตอบ
“วัดเล็กๆ แห่งนี้อยู่ห่างจากประตูเมืองตะวันตกประมาณสองลี้ มักจะมีขอทานมาค้างแรมอยู่บ่อยๆ” มือปราบอีกคนกล่าว
นางพยักหน้า ก่อนสอบถามเพิ่มเติม “ทั้งสองศพนี้เคยถูกเคลื่อนย้ายมาก่อนหรือไม่?”
อู่จั้วตอบ “ไม่เคยเคลื่อนย้ายมาก่อน”
มู่หรงฉือคุกเข่าลง เสิ่นจือเหยียนกำลังชันสูตรศพอยู่ เซี่ยเสี่ยวลู่นอนราบอยู่บนพื้นหญ้าหน้าวัด สวมชุดคอจีนสีฟ้าอ่อนปักลายดอกบัวกับกระโปรงยาว เพียงแต่เสื้อกลับขาดวิ่น ชัดเจนว่าถูกคนฉีกกระชาก โดยเฉพาะอาภรณ์ส่วนล่างที่ปิดเพียงแค่ต้นขา อีกครึ่งของต้นขาขาวเนียนได้เผยสู่สายตาคน
ส่วนสาวใช้ของเซี่ยเสี่ยวลู่อย่างชุนเถานั่งพิงกำแพงวัด ผมเพ้ายุ่งเหยิง ที่บ่าทั้งสองมีคราบเืติดอยู่บนเสื้อ บนกำแพงมีรอยเื เห็นแล้วสะดุดตาน่าใ
มู่หรงฉือยังเห็นว่าที่พื้นหญ้าด้านข้างมีบุรุษผู้หนึ่งนอนอยู่ รูปร่างไม่สูง ทั้งยังผอมหนังหุ้มกระดูก เสื้อผ้าเนื้อหยาบไม่เพียงแต่จะขาดวิ่นสกปรก ผมเพ้าเหมือนรังนก ใบหน้ายังซีดเซียวมอมแมม เท้าทั้งสองสวมรองเท้าที่สานจากหญ้า
มือปราบนายหนึ่งพูด “คนผู้นี้คงจะเป็ขอทาน เขาดื่มสุราเข้าไปไม่น้อยจนบัดนี้ยังไม่ได้สติ”
จากนั้นเขาก็เดินไปปลุกขอทานให้ตื่น
มู่หรงฉือถามเสิ่นจือเหยียน “แผลที่ทำให้แม่นางเซี่ยถึงความตายอยู่ที่ไหน?”
“ข้าตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว บนร่างของผู้ตายไม่มีาแที่ชัดเจน เพียงแต่ตรงริมฝีปากทั้งสองข้างมีาแเล็กน้อย” เสิ่นจือเหยียนยืนขึ้น สีหน้าครุ่นคิดหนัก “เบื้องต้นคาดว่านางเสียชีวิตราวยามจื่อ[1]”
“ไปดูชุนเถากัน” นางกับเขาเดินไปด้วยกัน
เสิ่นจือเหยียนตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวขึ้น “ชุนเถาเองก็เสียชีวิตราวยามจื่อเช่นกัน ไม่มีการถูกเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด ที่นี่เป็จุดเกิดเหตุตั้งต้น ไม่พบาแบนร่างของผู้ตาย จุดที่ทำให้ถึงตายคือาแบริเวณหลังศีรษะ”
คิ้วเรียวของมู่หรงฉือขมวดเข้าหากันแน่น “เส้นผมของชุนเถาค่อนข้างยุ่งเหยิง ดูจากรอยเืบนกำแพงแล้ว ชุนเถาคงจะยืนอยู่แล้วถูกคนร้ายกระชากผมจับกระแทกกับกำแพงอย่างแรง”
เขาพยักหน้า “เตี้ยนเซี่ยพูดถูก าแหลังศีรษะลึก มีโลหิตเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด เห็นได้ว่าเรี่ยวแรงของคนร้ายไม่เบาเลย หลังจากที่ศีรษะได้รับาเ็ ผู้ตายก็ไถลลงไปกองกับพื้น เพียงไม่นานก็สิ้นลม”
มือปราบ เ้าพนักงานกับอู่จั้วของจวนจิ่งจ้าวเบิกตากว้างมองพวกเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความนับถือ
ไม่เสียทีที่เสิ่นจือเหยียนเป็อัจฉริยะไขคดีมากมายในเมืองหลวง เพียงมองไม่กี่ครั้งก็สามารถจำลองเหตุการณ์ว่าคนร้ายสังหารเหยื่อได้อย่างไร
มือปราบคนหนึ่งพูดขึ้น “ใต้เท้าเสิ่น ตอนที่พวกเรามาถึงก็เห็นขอทานเนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นสุรา เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่นนอนอยู่ข้างร่างของแม่นางผู้นี้ขอรับ”
หรือว่าขอทานคนนี้จะเป็คนร้าย?
มู่หรงฉือจึงฉวยโอกาสนี้พูดขึ้นมาทันที “ยกศพไปเก็บในวัด จือเหยียน เ้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง”
เสิ่นจือเหยียนเข้าใจความคิดของนาง สั่งให้เ้าหน้าที่ยกศพเข้าไปในวัด
ภายในวัดเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน นางขมวดคิ้ว “เสื้อผ้าของแม่นางเซี่ยไม่เรียบร้อย โดยเฉพาะตรงกางเกงตัวในกับเสื้อท่อนล่าง กางเกงตัวในลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า เสื้อส่วนล่างถูกดึงขึ้น อาจจะถูกคนขืนใจ”
เขารีบตรวจสอบส่วนล่างของเซี่ยเสี่ยวลู่...เขาชันสูตรศพมาหลายปี ไม่ได้สนใจว่าศพนั้นจะเป็ชายหรือหญิงมาตั้งนานแล้ว ในสายตาของเขา สภาพของศพหลังการตายก็เพียงเพื่อเป็หลักฐานทางตรงที่สุดจากผู้ตายที่ตายอย่างไม่เป็ธรรม
“ผู้ตายถูกข่มขืนจริงๆ อวัยวะเพศบวมแดง ด้านในมีร่องรอยน้ำกาม” เขาพูดเสียงทุ้มหนัก
“หรือนางจะถูกขอทานผู้นั้นขืนใจ?” มู่หรงฉือคาดเดา “ขอทานผู้นั้นเมาสุราแล้วเข้ามาขืนใจนางก่อนจะฆ่าทิ้ง?”
“ขอทานผู้นั้นมีความเป็ไปได้มากว่าจะเป็คนร้าย” เสิ่นจือเหยียนยกมือขวาของเซี่ยเสี่ยวลู่ขึ้นมา ด้านในของเล็บเปื้อนเืเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว ตรวจดูมือซ้ายของขอทาน เป็อย่างที่คิด มีแผลเป็ทางยาวอยู่จริงๆ เป็รอยถลอกจากการโดนเล็บข่วน
ในตอนนี้เอง ขอทานอายุราวสามสิบปีคนนี้ก็ตื่นขึ้นมา
เขานอนหรี่ตาเหมือนกับว่าแสงแดดเจิดจ้าเกินไปจนไม่อาจลืมตาขึ้นมาได้ เขาหลับตาแล้วลืมอยู่สามครั้ง สุดท้ายตอนที่ลืมตาขึ้นมาได้ ตรงหน้าก็มีคนอยู่มากมายแล้ว ทั้งมือปราบ เ้าหน้าที่ ทั้งยังมีกลุ่มคนล้อมรอบ เขาถึงกับงุนงงไป ในขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดหัวยิ่งนัก
มือปราบคนหนึ่งถาม “ใต้เท้าเสิ่น ขอทานผู้นี้เป็คนร้ายหรือขอรับ?”
“ตอนนี้เขาเป็ผู้ต้องสงสัยหลัก จับเขากลับไปที่ศาลต้าหลี่”
ครั้นเห็นขอทานคนนั้นมีท่าทางไม่ใส่ใจ เสิ่นจือเหยียนก็ไม่อาจควบคุมไฟโทสะได้
มือปราบสองคนเข้าไปจับกุมตัวขอทานคนนั้น เขาถึงรู้สึกถึงความผิดปกติขึ้นมา รีบดิ้นรนพลางร้อง “พวกเ้ามาจับข้าทำไม? ปล่อยข้า...ปล่อยข้า...”
“ฆ่าคนแล้วยังจะเหิมเกริมถึงเพียงนี้! สงบเสงี่ยมหน่อย!” มือปราบตวาดเสียงดุ
“ข้าไม่ได้ฆ่าใคร...ใต้เท้าใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ฆ่าผู้ใดจริงๆ...” ขอทานคนนั้นรู้สึกได้ถึงความร้ายแรงของเื่ จึงะโแก้ตัวเสียงดัง
“เ้านอนอยู่ข้างผู้ตาย ยังจะบอกว่าไม่ได้ฆ่าคนอีกหรือ?” มือปราบเอาดาบจ่อที่ลำคอของเขา
“ทางที่ดีที่สุดเ้าจงให้การออกมาตามความจริง ไม่เช่นนั้นยังมีการทรมานหลายร้อยรูปแบบรอเ้าอยู่!” เสิ่นจือเหยียนกล่าวเสียงเหี้ยม คิดถึงขอทานที่ขืนใจผู้ตายแล้วฆ่าทิ้งก็โกรธยิ่งนัก “เ้ามีนามว่าอะไร? มานอนที่วัดบ่อยๆ หรือไม่?”
ขอทานคนนั้นหวาดหวั่น ใบหน้าสกปรกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ะโออกมาด้วยความใ “ใต้เท้า ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ...”
มู่หรงฉือถามเสียงกร้าว “เ้ามีนามว่าอะไร? ตอบมาตามตรง!”
เขาถูกท่าทางดุดันของนางทำให้ใ รีบตอบกลับ “ข้ามีนามว่าหม่าตง มาเป็ขอทานที่เมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ข้าจะมานอนที่วัดแห่งนี้ทุกคืน แต่ข้าไม่ได้ฆ่าคน ใต้เท้าโปรดตรวจสอบให้ชัดเจนด้วย”
ดวงตาของนางเจือความสงสัย จะคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เซี่ยเสี่ยวลู่กับชุนเถามาที่นี่ทำไม? มาหาผู้ใดหรือ?
แต่นางถูกทำร้ายยามจื่อ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ดึกดื่นถึงเพียงนี้? หรือว่าพวกนางจำเวลานัดหมายผิด เห็นว่าที่นี่เป็วัดจึงตัดสินใจค้างแรม? จากนั้นราวยามจื่อ ขอทานหม่าตงคนนี้ดื่มสุราเมามายแล้วมาพักที่วัดแห่งนี้เช่นกัน พอเห็นเซี่ยเสี่ยวลู่หน้าตางดงาม เขาก็เกิดความกำหนัดขึ้นมา ความเมามายชักนำจึงข่มขืนนาง
เซี่ยเสี่ยวลู่นายบ่าวหนีออกมาจากวัด เขาไล่ตามไป ฆ่าชุนเถาก่อน แล้วค่อยจับเซี่ยเสี่ยวลู่...
เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
ใบหน้าหล่อเหลาของเสิ่นจือเหยียนเ็ายิ่งขึ้น “เมื่อคืนวานเ้าดื่มสุรามากใช่หรือไม่?”
“ข้าดื่มสุราไปไม่น้อยจริงๆ พอเมาแล้ว...ข้าก็กลับมานอนที่วัด ไอหยา เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้แล้ว...”หม่าตงเอามือจับเส้นผมสกปรกดั่งหญ้าแห้ง “แต่ข้าไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ ใต้เท้า พวกท่านโปรดเชื่อข้า”
“เ้าไม่เพียงแต่จะฆ่าคน ยัง...” มู่หรงฉือหยุดพูดทันที ช่างเถิด กลับไปที่ศาลต้าหลี่แล้วค่อยๆ ตรวจสอบก็แล้วกัน
“ใต้เท้าใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ...ข้าจะพูดอย่างไรพวกท่านถึงจะเชื่อกัน...” เขาโวยวายอย่างร้อนใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว
ทว่าไม่มีใครเชื่อเขา
นางเดินดูรอบๆ วัด ทั้งในและนอกวัด แล้วเจอเชือกถักสีแดงที่ถักออกมาอย่างงดงามที่มุมหนึ่ง
...
คดีเซี่ยเสี่ยวลู่นายบ่าวถูกสังหารยกให้ศาลต้าหลี่เป็คนสืบสวน
เมื่อกลับถึงศาลต้าหลี่ เสิ่นจือเหยียนรีบตรวจสอบศพอย่างละเอียด จุดที่ชุนเถาได้รับาเ็สาหัสเป็แผลใหญ่ด้านหลังศีรษะอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนที่ทำให้คนไม่เข้าใจก็คือเซี่ยเสี่ยวลู่ นอกจากถูกขืนใจแล้ว แต่บนตัวกลับไม่พบาแใด
“หรือว่าตอนที่เซี่ยเสี่ยวลู่ถูกข่มขืนจะใมากจนตาย?” มู่หรงฉือกล่าวอย่างครุ่นคิด ในดวงตามีคลื่นแห่งความสงสัย
“ย่อมไม่ตัดความเป็ไปได้นี้” เขายกมือของชุนเถาขึ้นมา ก่อนจะหยิบเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ออกมาจากในมือของนาง “เตี้ยนเซี่ยดูนี่ ก่อนตายชุนเถากำเศษผ้าด้านล่างของคนร้ายเอาไว้แน่น ในตอนที่คนร้ายหนีไป ชุนเถาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ แล้วฉีกเศษผ้าชิ้นเล็กออกมา”
“ผ้าผืนนี้เหมือนกับเสื้อที่หม่าตงสวมอยู่หรือไม่?”
“สีเดียวกัน เนื้อผ้าหยาบเหมือนกัน”
“ดูเช่นนี้แล้ว หม่าตงก็คือคนร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าหม่าตงจะเป็คนร้าย” เสิ่นจือเหยียนยังไม่เข้าใจ “หม่าตงดื่มสุราหนักจนขาดสติ หลังจากดื่มสุราก็กระทำการเลอะเลือน เขาฆ่าชุนเถาก่อน จากนั้นค่อยข่มขืนและฆ่าเซี่ยเสี่ยวลู่ แต่ว่าเหตุใดเขาถึงไม่หนีไปเล่า? เหตุใดถึงยังอยู่ในที่เกิดเหตุรอให้พวกเราไปจับตัว?”
“เขาเมาสุรา จากนั้นก็หลับไปจนถึงเช้า” มู่หรงฉืออธิบายอย่างสมเหตุสมผล “เพียงแต่ว่าท่าทางที่หม่าตงร้องบอกว่าถูกใส่ร้ายไม่เหมือนคนกำลังพูดโกหกเลย”
“ในตอนที่กำลังเมาอยู่ ผู้ใดจะไปจำเื่ที่เคยเกิดขึ้นได้ เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองข่มขืนแล้วฆ่าคนก็เป็เื่ปกติ”
“จับหม่าตงขังไว้ก่อน อีกสองวันค่อยตรวจศพเซี่ยเสี่ยวลู่อีกครั้ง” ดวงตาของนางทอประกายเย็นเยียบ “ปริศนาการตายของนางยังไม่สามารถสรุปได้ ทั้งยังมีจุดที่น่าสงสัยอยู่อีกหนึ่งจุด หากนางกับชุนเถาไปหาคนที่นอกเมืองฝั่งตะวันตก เช่นนั้นหลังจากพระอาทิตย์ตกดินนางก็ควรจะกลับมาที่โรงเตี๊ยมถึงจะถูก เหตุใดถึงได้รั้งอยู่ที่นอกประตูตะวันตกโดยตลอด? จุดนี้ยังไม่มีคำอธิบาย”
เสิ่นจือเหยียนพยักหน้า “หลายชั่วโมงก่อนตาย แม่นางเซี่ยนายบ่าวทำอะไร ไปที่ไหน? นี่ยังคงเป็ปริศนา ไม่แน่ว่าจะเป็จุดสำคัญที่จะสามารถไขคดีนี้ได้”
จากนั้นพวกเขาก็สอบสวนหม่าตง
ในโถงใหญ่ของศาลต้าหลี่ หม่าตงถูกเ้าพนักงานกุมตัวเข้ามา เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ของเ้าหน้าทั้งสองที่ยืนขนาบอยู่สองข้าง เขาพลันรู้สึกถึงบรรยากาศอันตึงเครียด จึงหวาดกลัวเล็กน้อย ขาทั้งสองข้างอ่อนยวบลงกับพื้น
เชิงอรรถ
[1] ยามจื่อ (子时) ่คือเวลาประมาณ 23.00 น. – 01.00 น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้