“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงถอยหลังไปอย่างรวดเร็วเพื่อหลบรังสีมีดของเฟิงเฉียน จากนั้นปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกออกไป
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือภูผาพิฆาตเข้าปะทะกับิญญาาอสรพิษบุปผาของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ฝ่ามือซัดิญญาาอสรพิษบุปผาจนถอยหลังและแสงที่เปล่งประกายบนตัวก็มืดสลัวลงมาก ทำให้เซิ่งจื่อเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาตัวสั่นสะท้าน ิญญาาได้รับาเ็ เขาก็ย่อมาเ็ไปด้วย เืลมภายในร่างกายต้องสั่นคลอน
“ตายซะ!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นปล่อยหมัดเรียบง่ายแต่อัดแน่นไปด้วยพลังที่น่าทึ่งเพื่อโจมตีเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่
“ไปให้พ้น!” รังสีมีดของเฟิงเฉียนพลันทะลวงห้วงอากาศ ก่อนจะเฉือนเข้าที่แขนของเย่เฟิง จากนั้นเย่เฟิงก็ใช้มือขวาแทงหอกัเงินประกายเพื่อหยุดยั้งรังสีมีดนั่น ส่วนรังสีหมัดที่น่าสะพรึงกลัวนั่นก็ยังคงพุ่งโจมตีเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่
การสู้หนึ่งต่อสอง จะต้องกำจัดคนใดคนหนึ่งก่อนจึงจะเป็วิธีทำลายศัตรูได้ดีที่สุด แน่นอนว่าเย่เฟิงรู้เื่นี้ดี ซึ่งในความคิดของเย่เฟิง แม้เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่จะแข็งแกร่ง แต่ก็ด้อยกว่าเฟิงเฉียนผู้อยู่อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา ดังนั้นเขาจึงเลือกกำจัดเซิ่งจื่อก่อน แล้วค่อยจัดการเฟิงเฉียนทีเดียว
“ครืน!” หอกปะทะกับรังสีมีดของเฟิงเฉียน พลันคลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันเย่เฟิงอัดพลังใส่มือซ้าย ก่อนจะปล่อยหมัดโจมตีเซิ่งจื่อ
เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่นิ่งงันไปชั่วขณะ พลันแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาอันชั่วร้าย ิญญาาอสรพิษบุปผาแผดเสียงคำราม จากนั้นอาศัยพลังของิญญาาและปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ฝ่ามือของเขาราวกับอสรพิษก็ไม่ปาน ตามมาด้วยเสียงดังะเิ ทั้งสองการโจมตีเข้าปะทะกัน เย่เฟิงััได้ว่ามีพลังบางอย่างจากฝ่ามือของเซิ่งจื่อกำลังบุกรุกร่างกายเขา เขาจึงเร่งเร้าระดมพลังหยวนภายในกายเพื่อยับยั้งพลังที่บุกรุกนั่น
นี่พลอยทำให้เซิ่งจื่อตัวสั่นสะท้านแรง พลังกายของเย่เฟิงแข็งแกร่งเกินไป เมื่อปะทะกับเย่เฟิงตรง ๆ ทำให้เขาตกเป็เบี้ยล่าง
“ไปตายซะเถอะ!” พลันมีรังสีมีดจู่โจมมาอีกครั้ง เฟิงเฉียนดูออกว่าเย่เฟิงคิดจะทุ่มพลังเพื่อโจมตีเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ทำให้เฟิงเฉียนและเซิ่งจื่อไม่กล้าดูถูกเย่เฟิง เพราะดูเหมือนว่าพลังของเย่เฟิงสามารถคุกคามชีวิตของพวกเขาได้
ในขณะที่รังสีมีดพาดผ่านท้องฟ้า เย่เฟิงพลันหมุนตัวไปพร้อมเจตจำนงต่อสู้ปะทุออกจากร่าง
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ รังสีหอกพลันกลายเป็ัั์ มันอ้าปากหมายเขมือบกินเฟิงเฉียน พร้อมกับมีเสียงคำรามของัดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว รังสีหอกที่ราวกับเทพันั่นเข้าปะทะกับรังสีมีดของเฟิงเฉียน พลันรังสีมีดแตกสลายในชั่วพริบตา แรงกระแทกก็ยังทำให้เฟิงเฉียนเซถอยหลัง
“แกร่งมาก! นี่มันเคล็ดวิชาอะไร? พลังช่างรุนแรงยิ่งนัก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง พลังของเย่เฟิงที่แสดงออกมาช่างน่าใมาก
เย่เฟิงหันไปมองเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ก่อนจะก้าวออกไปพร้อมพลังดาราโคจรบนร่าง เขาไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเซิ่งจื่อในพริบตาพร้อมกับปล่อยหมัดโจมตีทันที เซิ่งจื่อยกมือขึ้นป้องกัน แต่การโจมตีนี้ของเย่เฟิงทรงพลังมากเกินไป หมัดจึงโจมตีมาที่ไหล่ของเขาเข้าเต็ม ๆ ทำให้เขาเซถอยหลังไปหลายก้าวและสีหน้าก็ดูย่ำแย่
“สวะ! อ่อนหัดแบบนี้แต่ยังกล้าทำตัวอวดดีต่อหน้าข้า” เย่เฟิงด่าทอเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายดูถูกว่าเขาเป็สวะ และตอนนี้เขาได้คืนคำพูดให้กับอีกฝ่าย
“ตายซะ!” เซิ่งจื่อแผดเสียงะโอย่างกราดเกรี้ยว ก่อนจะปล่อยฝ่ามือโลกีย์ออกไป เผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของเย่เฟิง เขารู้สึกอ่อนแอ แต่เขาทุ่มพลังกับการโจมตีนี้และหวังว่าจะกู้สถานการณ์กลับมาได้
ทว่าเย่เฟิงก้าวออกมาโดยไร้ความเกรงกลัวแม้เผชิญหน้ากับฝ่ามือโลกีย์ เวทีประลองสั่นไหว พลังหอกที่น่ากลัวรายล้อมร่างกายพร้อมเคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรเอง จากนั้นหอกัเงินประกายก็กู่ร้องไม่หยุด
“ตายซะเถอะ!” เซิ่งจื่อแผดเสียงคำราม ก่อนจะอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือและปล่อยออกไปที่ฝ่ามือโลกีย์นั่น ทำให้ฝ่ามือโลกีย์เปลี่ยนไปจนทรงอานุภาพกว่าเดิม
“ข้าก็อยากเห็นว่าเ้าจะทำให้ข้าตายได้ยังไง” เย่เฟิงกล่าว พลังหอกถูกปล่อยจนถึงขั้นสูงสุด ก่อนจะยกหอกัเงินประกายขึ้นสูง
“ัคำรามเก้าชั้นฟ้า!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เคล็ดวิชาหอกเงินประกายระดับหกโคจรพลังถึงขั้นสูงสุด ทั้งยังแฝงด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง จากนั้นเย่เฟิงแทงหอกออกไป รังสีหอกกลายเป็ลำแสง เทพัคำราม หมายทำลายทุกสิ่ง!
“ตูม” เสียงะเิดังสนั่นทั่วเวทีประลอง นาทีนี้ทุกคนต่างต้องใกับการโจมตีอันแกร่งกล้านี้ของเย่เฟิง พวกเขาเห็นรังสีหอกที่ราวกับเทพันั่นทะลวงทุกสิ่ง จนฝ่ามือโลกีย์ของเซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ถูกบดขยี้เป็ผุยผง ทว่ารังสีหอกนั่นยังคงไม่หยุด มันตรงเข้าหาเซิ่งจื่อต่อ
พลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วอากาศ สีหน้าของเซิ่งจื่อเปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่เฟิงจะแข็งแกร่งได้มากถึงเพียงนี้ ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาทั่ว ๆ ไปไม่อาจต้านทานหอกนี้ได้ แม้กระทั่งความกล้าในการต่อต้านก็หดหาย มันคือเคล็ดวิชาการโจมตีที่แท้จริง
เมื่อรังสีหอกใกล้เข้ามา เซิ่งจื่อก็นำอาวุธคุ้มกายที่อาจารย์ให้เขาออกมาใช้ นั่นก็คือโล่ป้องกัน ทั้งยังมีอักขระโคจรบนนั้น เขาต่อต้านรังสีหอกของเย่เฟิงอย่างสุดความสามารถ
“ปัง!” เสียงะเิดังขึ้น รังสีหอกปะทะโล่ป้องกันนั่น ทำให้อักขระบนนั้นเกิดความวุ่นวายและตัวโล่ยุบลงไป แต่กลับป้องกันรังสีหอกของเย่เฟิงไว้ได้
อย่างไรก็ตามแรงกระแทกจากรังสีหอกกลับส่งผลกระทบต่อเซิ่งจื่อ ทำให้เขาตัวสั่นสะท้านแรงและเซถอยหลัง สีหน้าต้องขาวซีดและกระอักเืออกมา
“แกร่งมาก!” ผู้คนต่างตะลึงงัน หอกนั้นของเย่เฟิงทรงพลังเป็อย่างมาก พวกเขาที่อยู่บนอัฒจันทร์ก็ยังััถึงพลังที่น่าหวาดกลัวนั่นได้
โล่คุ้มกายที่เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่นำออกมาเป็อาวุธระดับสูง แต่กลับป้องกันพลังหอกของเย่เฟิงมาได้
“ตาย!” เย่เฟิงก้าวออกมาอีกครั้ง พร้อมปล่อยหมัดไม่ยั้ง แต่เซิ่งจื่อที่ถูกเย่เฟิงโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้ได้รับาเ็สาหัส แล้วมีหรือเขาจะรับการโจมตีที่ทรงพลังเพียงนี้ได้ เขาจึงยกมือขึ้นป้องกัน และยังคงโดนหมัดโจมตีหลายครั้ง จนไม่รู้ว่ากระดูกภายในร่างแตกหักไปกี่ส่วนแล้ว เขาต้องกระอักเืออกมา และสูญเสียพลังต่อสู้ไป
“ที่หุบเขาเทียนเสวียนเ้าพยายามทำร้ายข้าอยู่หลายครั้งเพื่อ้ากำจัดข้า ทั้งยังรบกวนข้าตอนอยู่ในสภาวะเรียนรู้ จนข้าเกือบตกอยู่ในอันตราย พอออกจากหุบเขาเทียนเสวียน เ้า เฟิงเฉียน โจวมู่ไป๋ และซ่างกวนหงก็ยังส่งคนอื่นมาไล่ล่าข้า ช่างเลวทรามยิ่งนัก มาบัดนี้เ้ากลับถูกข้าเหยียบย่ำ เ้ารู้สึกเสียใจกับการกระทำของเ้าหรือไม่?” เย่เฟิงเข้าประชิดตัวเซิ่งจื่อ ก่อนจะใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบตัวอีกฝ่าย
“อยากฆ่าก็ฆ่า ทำไมต้องทำแบบนี้กับข้าด้วย?” เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่มองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต เขาไม่ใช่คนธรรมดามีฐานะสูงส่ง แต่ตอนนี้เขากลับพ่ายแพ้ให้เย่เฟิง
“อยากตายงั้นเหรอ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นฝ่าเท้าของเขาเตะร่างเซิ่งจื่อเต็มแรง โดนตรงจุดตันเถียนและจุดชี่ไห่เข้าเต็ม ๆ ทำให้เซิ่งจื่อโอดครวญและกระอักเืออกมาอีกครั้ง
“เ้าดูถูกข้ามาตลอด ตอนนี้ข้าจะทำลายการบ่มเพาะของเ้า ทำให้เ้ากลายเป็เศษสวะไปชั่วชีวิตนี้” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่้าฆ่าเขา เช่นนั้นเขาก็จะทำให้อีกฝ่ายอยู่แบบตายทั้งเป็
“ไสหัวไป!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะเตะร่างเซิ่งจื่ออีกครั้ง ทำให้ร่างเซิ่งจื่อกระเด็นปลิวออกไปจนตกเวทีประลอง จากนั้นเย่เฟิงเก็บโล่คุ้มกายของเซิ่งจื่ออย่างไม่เกรงใจ เพราะนั่นเป็รางวัลของเขา
“โหดมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึงและใจเต้นแรง เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ถูกทำร้ายจนได้รับความอับอายจึงอยากตาย ทว่าเย่เฟิงกลับไม่ฆ่า เพียงแค่จะทำลายการบ่มเพาะของเขา ทำให้เขากลายเป็คนไร้ค่า สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว มันร้ายแรงกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
ขณะนั้นสักแห่งบนอัฒจันทร์ คนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น ทั้งยังมีจิตสังหารแรงกล้า
จากนั้นเย่เฟิงหันกลับไป เฟิงเฉียนก็มองเขาอยู่พอดี ทำให้ดวงตาสองคู่สบประสานกันแต่ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ
ครู่ต่อมา เฟิงเฉียนพูดขึ้นว่า “พลังของเ้าเกินความคาดหมายของข้ามาก ข้ายอมรับว่าข้าประเมินเ้าต่ำไป ตอนนี้พวกเราสองคนมีเพียงคนเดียวที่จะรอดไปได้ ซึ่งข้าเชื่อว่าคนนั้นจะต้องเป็ข้าเฟิงเฉียน”
เฟิงเฉียนมีท่าทีสงบนิ่ง ตอนนี้เขาเห็นเย่เฟิงเป็คู่ต่อสู้อย่างแท้จริงแล้ว เป็คู่ต่อสู้ที่สามารถคุกคามชีวิตของเขาได้
“ลงมือเถอะ!” เย่เฟิงกล่าวขณะยืนถือหอก ในดวงตายังฉายแววเชื่อมั่นในตน ต่อให้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 5 ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายาก็ตาม
“วูบ!” พลันเงามายามีดปรากฏที่ด้านหลังของเฟิงเฉียน ส่องแสงสีเขียวระยิบระยับพร้อมพลังมีดแผ่ออกมา ทำให้ห้วงอากาศดูหดหู่ลง
“ิญญาามีดคลั่งขั้นเขียว! แกร่งมาก!”
ผู้คนบนอัฒจันทร์ต่างมองเงามายามีดที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ด้านหลังของเฟิงเฉียนด้วยใจเต้นระรัว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้