“ปราณเบิกนภาเลื่อนสู่ชั้นห้าพลังเพิ่มมากกว่าตอนอยู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดอยู่หลายเท่าตอนนี้ต่อให้พบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบ ข้าก็มั่นใจว่าสู้ได้”
“ฤทธิ์ของหญ้าฉีหวงมากมายดังคาดทำให้พลังวัตรของข้าเลื่อนชั้นขึ้นหนึ่งขั้นแต่ภายในร่างยังคงมีปราณธรรมชาติเหลืออยู่อีกเกือบครึ่งยังไม่ได้ดูดกลืนเปลี่ยนแปลงได้ทั้งหมดถ้าหากดูดกลืนหลอมปราณธรรมชาติที่เหลือมาได้เวลาที่ข้าต้องใช้เพื่อเลื่อนสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าคงหดสั้นลงไปอีก”
“น่าเสียดาย! หญ้าฉีหวงแม้ว่าจะดี แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นครั้งที่สองจะไม่มีผล ไม่อย่างนั้นมีใบทั้งห้าของหญ้าฉีหวงต้นนี้ไม่ใช่ว่าข้าคงเลื่อนพลังวัตรไปถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบได้แล้วหรือ? แต่เหลืออีกสี่ใบก็ยังเป็ของล้ำค่า เก็บไว้ให้คนอื่นได้ให้ใบหนึ่งกับหวงสือ พลังวัตรของเขาพึ่งถึงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม หนึ่งใบเก็บซ่อนพลังปราณธรรมชาติเต็มเปี่ยมขนาดนี้น่าจะเพียงพอให้พลังวัตรของเขาเลื่อนชั้นอีกหลายขั้น”
“ใบที่เหลือเอาไปแลกกับโอสถทิพย์สำหรับรักษาอาการาเ็ให้ท่านพ่อฟื้นฟูเส้นปราณได้ถ้าหากพลังของท่านพ่อฟื้นกลับมา ยังจะต้องกลัวพวกหนิว เฉิง จางสามตระกูลนั้นอีกหรือ? ไม่ใช่แค่ทั้งอำเภอเป่ยโม่ทั้งอาณาจักรเสินเตาท่านพ่อมือเดียวก็บังได้มิดฟ้า”
“ตอนนี้ข่าวกำลังร้อน แม้ว่าพลังวัตรของข้าจะเลื่อนระดับชั้นแล้วรีบร้อนออกจากเทือกเขาเร้นลมเกรงว่าจะยังมีภัย ที่แห่งนี้ลึกเข้ามาในเทือกเขาเร้นลมผู้ฝึกยุทธ์น้อยนัก ขอเพียงไม่ใช่สัตว์อสูรขั้นสามถึงเป็สัตว์อสูรขั้นสองระดับาา พลังของข้าในตอนนี้ก็รับมือไหวไม่สู้อยู่ที่นี่ฝึกฝนสังหารสัตว์อสูรต่อไป กระตุ้นความสามารถในร่างเร่งแปลงปราณธรรมชาติในร่าง ดูดกลืนเปลี่ยนแปลงมาให้หมด เลื่อนชั้นสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าในเร็ววันจะดีเสียกว่า”
“ศิษย์ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบของสำนักกระบี่์เก่งกาจกว่าโจรในยุทธภพทั่วไปอยู่มากนักพวกเขาฝึกฝนวิชาชั้นทองขั้นสูงซึ่งร้ายกาจที่สุดต้องก้าวเข้าชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้า ข้าถึงจะมั่นใจได้เต็มร้อยว่าจะปราบทั้งสำนักชั้นนอกแล้วแย่งที่หนึ่งมาครองได้พลังวัตรเพียงชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดยังคงสุ่มเสี่ยงอยู่บ้าง ”
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ไม่จำเป็ต้องรีบกลับสำนักในตอนนี้ข้าจะฝึกฝนอยู่ที่นี่ต่อ ที่ซึ่งข้าซ่อนผลึกอสูรไว้มิดชิดมากคงไม่หายไปไหนรอตอนที่จะออกจากหุบเขาเร้นลมค่อยไปเก็บเอามา”
เสวียนเทียนคิดคำนวณในใจ ไม่นานก็ตัดสินใจได้
หลังลงจากโพรงไม้เสวียนเทียนออกจากป่าทึบมาได้ประมาณสิบลี้ก็เริ่มมองหาร่องรอยของสัตว์อสูร
เช่นเดียวกับตอนที่เพิ่งเข้ามายังเทือกเขาเร้นลม ยามกลางวันเสวียนเทียนล่าสังหารสัตว์อสูรยามกลางคืนพักผ่อน ฝึกลมหายใจในโพรงไม้ทบททวนสิ่งที่ได้เรียนรู้มาในการต่อสู้หนึ่งวัน
วิชากระบี่ของเสวียนเทียนเริ่มลึกล้ำมากขึ้นเพลงกระบี่ถลาลมของชั้นทองขั้นกลางเมื่ออยู่ในมือของเขาพลิกแพลงได้ดังใจเทียบกับวิชากระบี่ของชั้นทองขั้นสูงในมือผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นยังร้ายกาจกว่ามาก
ที่น่าเสียดายเพียงอย่างเดียวก็คือเสวียนเทียนยังคงไม่สามารถสร้างสรรค์วิถีจิตที่เหมาะกับ ‘เพลงกระบี่ดับเงา’ วิชากระบี่ชั้นนิลได้เรียนรู้กับสร้างสรรค์เป็สิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเขิง เสวียนเทียนเรียนรู้วิชากระบี่ใดๆได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ แต่หากจะสร้างสรรค์กลับยากยิ่งโดยเฉพาะเพลงกระบี่ที่มีคนสร้างขึ้นมาแล้วจะสร้างวิถีจิตที่เข้าคู่กันนั้นยากยิ่งกว่ายาก
เื่นี้เสวียนเทียนไม่รีบร้อนตอนนี้แค่เพลงกระบี่ถลาลมก็เพียงพอให้เขาต่อกรกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าชั้นเบิกนภาทุกคนได้แล้วเพลงกระบี่ดับเงาเป็เพลงกระบี่ชั้นนิลถ้าหากสร้างวิถีจิตที่เข้าคู่กันขึ้นมาได้ง่ายดายปานนั้นก็คงไม่ถูกทิ้งไว้ในหอวิชายุทธ์เนิ่นนานหลายปีขนาดนั้นโดยไม่มีผู้ใดกล่าวถึง
แม้กระทั้งท่านเ้าสำนักและเหล่าผู้าุโยังไม่มีหนทางสร้างวิถีจิตที่เข้าคู่กันขึ้นมาได้เสวียนเทียนย่อมไม่เสียใจหรือน้อยเนื้อต่ำใจเพราะเื่นี้เช่นกัน
เวลาวันแล้ววันเล่าผ่านไป ่เวลาที่ผ่านไปนี้ เสวียนเทียนโชคดีเป็พิเศษทุกวันออกล่าสัตว์อสูร เสวียนเทียนยังคงใช้วิธีล่อด้วยกลิ่นเืเนื้อของสัตว์อสูรแต่ว่ากว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมากลับไม่เคยล่อสัตว์อสูรขั้นสามเข้ามาสักตัว
ที่แห่งนี้ใกล้กับเขตที่อยู่ของสัตว์อสูรขั้นสามมากควรจะมีสัตว์อสูรขั้นสามโผล่เข้ามาบ้างถึงจะถูกครึ่งเดือนกว่าแล้วกลับไม่พบสัตว์อสูรขั้นสามแม้สักตัว โชคดีถึงที่สุดอย่างแท้จริง
สัตว์อสูรขั้นสามไม่มา ต่อให้เป็สัตว์อสูรขั้นสองระดับาา ภายใต้คมกระบี่ของเสวียนเทียนก็ได้แต่กล้ำกลืนความแค้น
ณ ที่แห่งนี้เสวียนเทียนไม่เพียงฝึกฝนเพลงกระบี่ถลาลมจนถึงขั้นก้าวสู่เทพวิถีวิชาก้าวย่างอสรพิษและศาสตร์เงาพยัคฆ์ก็ฝึกจนถึงขั้นก้าวสู่เทพวิถีเช่นกันบรรลุถึงขอบขั้นที่ไม่มีผู้ใดสามารถไปถึง เพลงกระบี่วิชาตัวเบาเดียวกันแต่เมื่อเสวียนเทียนใช้ออกมาต่างกับคนทั่วไปอยู่มากโข
ที่ว่ากันว่าใต้หล้าไม่มีเพลงยุทธ์ใดร้ายกาจที่สุดมีเพียงคนผู้แข็งแกร่งที่สุด บางทีคำพูดนี้ก็คงกล่าวบนหลักเหตุผลเดียวกันนี้
ครึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมา เสวียนเทียนระวังตัวอยู่ตลอดพบผู้ฝึกยุทธ์เมื่อใดก็รีบหลบลี้ไปไกล พยายามไม่พบหน้า สังหารสัตว์อสูรหนังและขนส่วนต่างๆ ล้วนไม่เก็บไว้ ควักมาแค่ผลึกอสูรเท่านั้น
ผ่านไปกว่ายี่สิบวัน ผลึกอสูรของเสวียนเทียนก็เพิ่มขึ้นมาอีกถุงใหญ่ๆนับได้ห้าหกร้อยเม็ด อีกทั้งส่วนใหญ่ก็เป็ผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองมีแม้กระทั่งผลึกอสูรของสัตว์อสูรขั้นสองระดับาา
ชั่วพริบตา หนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วผ่านการฆ่าฟันกับสัตว์อสูรมาเกือบหนึ่งเดือนพลังปราณธรรมชาติภายในร่างของเสวียนเทียนก็ถูกดูดกลืนจนหมดพลังวัตรเลื่อนเข้าสู่ชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดตอนปลายดูท่าแล้วผ่านไปอีกไม่นานพลังวัตรคงเลื่อนระดับชั้นอีก
ห่างจากการแข่งขันจัดอันดับครั้งใหญ่ของศิษย์นอกอีกเพียงครึ่งเดือนกว่าเสวียนเทียนตั้งใจจะเก็บประสบการณ์อีกสองสามวันแล้วเตรียมตัวเริ่มเดินทางกลับสำนักกลับไปครั้งนี้ต้องให้ศิษย์นอกทั้งหมดเปลี่ยนสายตามองเขาเสียใหม่
จางหลงงั้นหรือ? ศิษย์พี่หยางหรือเขาจะเล่นงานพวกเขาให้ฟันร่วงกราวกับพื้น
วันนี้เสวียนเทียนออกล่าสัตว์อสูรออกไปไกลถึงห้าสิบกว่าลี้ถึงเจอเข้ากับสัตว์อสูรตัวแรก
สัตว์อสูรขั้นสอง พญางูวายุทอง
อาศัยความสามารถของเสวียนเทียนตอนนี้ รับมือกับสัตว์อสูรขั้นสองนั้นง่ายราวพลิกฝ่ามือไม่นานพญางูวายุทองก็ถูกเสวียนเทียนฟันขาดเป็สองท่อน ศีรษะผ่าแยกผลึกอสูรตกมาอยู่ในกำมือของเสวียนเทียน
หลังจากนั้นเสวียนเทียนก็ซุ่มซ่อนอยู่บริเวณใกล้ๆ รอคอยสัตว์อสูรตัวอื่นเมื่อได้กลิ่นเืเนื้อย่อมก้าวเท้ามาสู่ความตายด้วยตัวเอง
ฟิ้ว...ปัง!
เสวียนเทียนเพิ่งซ่อนตัวได้เพียงห้านาทีทันใดนั้นทางทิศตะวันตกก็มีพลุไฟสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าสุดท้ายพลุไฟก็ะเิออกบนท้องฟ้าสูง กลายเป็อักษรคำว่า “กระบี่” ตัวใหญ่ตัวหนึ่งร้อยลี้รอบด้านล้วนเห็นได้ชัด
“พลุสัญญาณของสำนักกระบี่์? มีศิษย์สำนักกระบี่์ตกอยู่ในอันตราย?” สายตาของเสวียนเทียนเคร่งเครียดขึ้น
เสวียนเทียนรีบลุกขึ้น ร่างกลายเป็เงาลางสายหนึ่ง วิ่งทะยานดุจพยัคฆ์ตรงไปยังที่มาของพลุสัญญาณ เขาวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ศิษย์ร่วมสำนักมีภัยเห็นเื่ร้ายไม่ช่วย ไม่ใช่นิสัยของเสวียนเทียน
ตำแหน่งที่ยิงพลุสัญญาณ ห่างจากเสวียนเทียนไม่ถึงสิบกว่าลี้ห่างจากเสวียนเทียนไปไม่ไกล เพียงประมาณสิบนาที เสวียนเทียนก็มาถึงที่หมาย
ภาพตรงหน้าทำให้เสวียนเทียนต้องสูดหายใจเฮือก
ข้างหน้าเป็หุบเขาแห่งหนึ่งยาวกว่าร้อยเมตร กว้างราวสามสี่สิบเมตรจากหุบเขาได้ยินเสียง “หึ่งๆๆ” ดังก้องออกมา บนท้องฟ้ามีผึ้งั์ขนาดเท่ากับศีรษะผู้ใหญ่ยุบยับเต็มไปหมดจำนวนอย่างน้อยก็ต้องมีมากกว่าหลายหมื่นตัว
เ้านี่คือผึ้งเหล็กในั์ที่เลื่องลือแห่งเทือกเขาเร้นลมที่ก้นมีเหล็กในผึ้งขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือคน ยาวเท่าสองนิ้วกลางอยู่เหล็กในใต้แสงตะวันสะท้อนแสงวาววับแต่พาให้คนหัวใจหนาวสะท้าน
ผึ้งเหล็กในั์เป็สัตว์อสูรที่อยู่กันเป็ฝูงซึ่งมีน้อยในเทือกเขาเร้นลมพลังของพวกมันไม่สูง เป็เพียงสัตว์อสูรขั้นหนึ่งความสามารถเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามโดยประมาณ
ทว่าผึ้งเหล็กในั์อยู่รวมเป็ฝูง เคลื่อนไหวทีอย่างน้อยก็มีหมื่นตัวถึงจะเป็สัตว์อสูรขั้นสามระดับาาที่เก่งกาจที่สุดหากถูกผึ้งเหล็กในั์โจมตีก็ยังต้องพบจุดจบโดนเหล็กในั์ดูดเืหมดตัว
กลางฝูงผึ้งเหล็กในั์ มีเด็กสาวสองคนอายุประมาณสิบห้าสิบหกปีอยู่ปราณกระบี่ของพวกนางฟาดฟันออกมาได้ถึงร้อยก้าว ทุกกระบี่ที่ฟันออกมาอย่างน้อยก็มีผึ้งเหล็กในั์สิบกว่าตัวถูกผ่าเป็สองท่อน ในหุบเขามีซากศพของผึ้งเหล็กในั์เกลื่อนพื้น นับได้ถึงพันตัว
แต่ว่าบนท้องฟ้า ผึ้งเหล็กในั์จำนวนมากก็ยังคงบินว่อนผึ้งเหล็กในั์ไม่กลัวความตาย ข้างหน้าบุกข้างหลังตามพุ่งเข้าใส่เด็กสาวทั้งสองถึงแม้เด็กสาวทั้งสองพลังความสามารถไม่ธรรมดา แต่ก็ค่อยๆ อ่อนแรงลงยากจะต่อต้านการโจมตีจะเอาชีวิตของผึ้งเหล็กในั์ได้
“ยอดฝีมือชั้นเบิกนภา เป็ศิษย์ในของสำนักกระบี่์อย่างนั้นหรือ?” เสวียนเทียนเห็นปราณกระบี่ของศิษย์พี่หญิงทั้งสอง ก็ประเมินออกมาทันที
ปราณกระบี่ฟาดฟันได้ถึงร้อยก้าว มีเพียงยอดฝีมือชั้นเบิกนภาถึงจะใช้ออกมาได้
ปราณกระบี่ของศิษย์พี่หญิงทั้งสองรุนแรงยากหาคนเปรียบเกรงว่าคงไม่ใช่ยอดฝีมือที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ชั้นเบิกนภาอย่างน้อยก็คงเป็ผู้ที่อยู่ในขั้นสองหรือขั้นสาม
ช่วยคนมาก่อน!
เมื่อเห็นศิษย์พี่หญิงทั้งสองค่อยๆ อ่อนกำลังเสวียนเทียนดุจพยัคฆ์ตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปกลางวงล้อมของผึ้งเหล็กในั์
กระบี่ยาวในมือขยับฟัน ปราณกระบี่ยาวห้าสิบก้าวสายหนึ่งะเิออกมา
ผึ้งเหล็กในั์เจ็ดแปดตัวหลบไม่ทันถูกเสวียนเทียนฟันขาดเป็สองท่อน
หึ่งๆๆๆ...ผึ้งเหล็กในั์เจ็ดแปดตัวตายผึ้งเหล็กในั์เจ็ดแปดร้อยตัวพุ่งมาทางเสวียนเทียน
เขาเข่นฆ่าสัตว์อสูรมาเกือบสองเดือนแล้วบรรยากาศคุกคามของสัตว์อสูรตัวไหนก็ยากจะสั่นคลอนจิตใจของเขาได้แต่ว่าผึ้งเหล็กในั์ที่ไม่กลัวความตาย บุกเข้ามามืดฟ้ามัวดินนี้กลับทำให้ให้เขาประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ไม่น้อย
ปราณกระบี่ะเิออกมา ฟันตัดไปสิบทิศ
เสวียนเทียนใช้เพลงกระบี่ถลาลม ความเร็วเร็วถึงขีดสุดสี่ด้านแปดทิศรอบตัวคนล้วนแต่เป็แสงกระบี่ส่องประกายวูบวายชั่วเวลาดีดนิ้วก็มีผึ้งเหล็กในั์สิบกว่าตัวร่างขาดนอนตายตกอยู่เกลื่อนพื้น
แต่ว่าผึ้งเหล็กในั์จำนวนมากกว่าเดิมก็ยังคงพุ่งเข้ามาเหมือนเก่า
เสวียนเทียนแอบตระหนกอยู่ในใจ เขาฟันปราณกระบี่ออกไปตัดร่างผึ้งเหล็กในั์แต่ละครั้ง ล้วนมีแรงสะท้อนกลับสายหนึ่งส่งผ่านมาถ้าหากเขาไม่ได้ฝึกปราณเบิกนภา พลังภายในล้ำลึกแล้วล่ะก็แรงสะท้อนต่อเนื่องหลายสิบครั้งติดต่อกันส่งผ่านมาเช่นนี้เกรงว่ากระบี่คงหลุดจากมือทั้งร่างโดนแรงสะท้อนล้มไปกองกับพื้นแล้ว
เวลานี้เสวียนเทียนถึงตระหนักว่าพลังฝีมือของศิษย์พี่หญิงทั้งสองน่ากลัวขนาดไหนทุกกระบี่ที่พวกนางฟันออกมา มีผึ้งเหล็กในั์กว่าสิบตัวขาดครึ่งความเร็วในการออกกระบี่ของพวกนางก็รวดเร็ว ชั่วดีดนิ้ว อย่างน้อยก็ฟันออกมาสามกระบี่
ชั่วเวลาเพียงดีดนิ้ว ต้องรับแรงสะท้อนกว่าสามสิบครั้งจากเวลาที่ยิงพลุสัญญาณจนถึงตอนนี้ ผ่านไปแล้วสิบกว่านาที หรือพูดอีกอย่างก็คือทุกนาทีพวกนางโจมตีพร้อมกับรับแรงสะท้อนที่ต่อเนื่องมาไม่หยุดแต่ก็ยังคงรักษาร่างและมือให้มั่นคงได้
ส่วนเสวียนเทียนนั้นแค่เวลาชั่วดีดนิ้วมือเดียวก็เกือบจะถูกแรงสะท้อนทำให้กระบี่หลุดจากมือแล้วระยะห่างระหว่างฝีมือมองเห็นได้ชัดเจน
เสวียนเทียนเพิ่งพุ่งเข้ามาในฝูงผึ้งเหล็กในั์ก็ตกอยู่ในวงล้อมแ่าตอนนี้อย่าว่าแต่จะช่วยศิษย์พี่หญิงทั้งสองเลยแค่เผชิญหน้ากับการโจมตีมืดฟ้ามัวดินของผึ้งเหล็กในั์ ตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด
“ศิษย์น้อง อดทนไว้ เข้ามาใกล้ๆ พวกเรา!” ตอนนี้เองเสียงไพเราะเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของเสวียนเทียนเสวียนเทียนหาโอกาสผละสายตามองหา เห็นเพียงศิษย์พี่หญิงทั้งสองคนปราณกระบี่ตัดผ่านที่ใดผึ้งเหล็กในั์พากันร่วงจากอากาศทั้งสองกำลังตรงมายังตำแหน่งที่เขาอยู่
เสวียนเทียนพลันได้สติ พลังก็เพิ่มขึ้นตามมาไม่น้อยสู้สังหารเต็มกำลังหนึ่งอึดใจในวงล้อมของฝูงผึ้งเหล็กในั์เขาฆ่าเปิดทางสายหนึ่งแล้วพุ่งผ่านไป ไม่นานก็มารวมกับศิษย์หญิงทั้งสอง