"โอ้ ที่แท้โจรร้องจับโจรก็คือคนหน้าไม่อายอย่างเ้านี่เอง"
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ผึ่งผายสวมอาภรณ์ตัวยาวสีขาวเดินออกมาจากด้านหลังผนังกั้นประตูชั้นใน
ทันทีที่คนผู้นั้นออกมาปรากฏ สายตาทุกคู่ก็ไปรวมอยู่ที่ตัวเขา
เรือนผมปล่อยสบายค่อนข้างจะยุ่งอยู่บ้าง เสื้อผ้ามีรอยยับย่น ชายอาภรณ์ยังเปื้อนโคลนเป็ด่างดวง แต่สิ่งเหล่านี้มิอาจทำลายความสง่างาม และความสุภาพอ่อนโยนของบุรุษรูปโฉมหล่อเหลาผู้นี้ไปได้
เดิมทีฟางขุยยังมีสีหน้าคลางแคลง แต่พอเห็นบุรุษที่เดินตามออกมาภายหลัง สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็รอยยิ้มเบิกบาน ที่แท้ก็เป็พวกเขานี่เอง
"นี่คือหมอพเนจรผู้นั้น?"
ทุกคนได้สติกลับมาก็เริ่มมองหน้ากัน
โอ้แม่เ้า บุรุษหล่อเหลาคมคาย ดูมีสง่าราศีเพียงนี้กลับเป็หมอพเนจร?
เขาคือคนที่ผ่าท้องคุณหนูหลิวเพื่อช่วยชีวิตเด็กออกมา?
"หมอพเนจรอันใด ผู้อื่นต้องเป็หัตถ์เทวะแห่งซิ่งหลิน [1] แน่นอน คุณหนูหลิวตายแล้ว ยังสามารถช่วยชีวิตเด็กไว้ได้ หมอธรรมดาที่ไหนจะทำได้"
"จริงด้วย การผ่าท้องช่วยเด็กก็ได้รับการอนุญาตจากเศรษฐีหลิวแล้ว ผู้ใหญ่ช่วยไม่ได้ ช่วยได้แต่เด็กหนึ่งชีวิต สกุลหลิวของพวกเขานับได้ว่ามีผู้สืบทอดแล้ว"
"ก็นั่นสิ ช่วยคนหนึ่งชีวิตได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น เซียนเซิงผู้นี้เป็หมอเทวดาผู้มีฝีมือและคุณธรรมสูงส่งอย่างแท้จริง"
สตรีน้อยใหญ่ที่มุงดูอยู่โดยรอบเห็นใบหน้าหล่อเหลาดุจภาพเขียนดวงนั้นแล้ว ทิศทางลมก็เปลี่ยนไปชั่วขณะ
เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา ั้แ่สาวใหญ่ร่างท้วมจนถึงสาวน้อยร่างผอม แววตาของทุกคนล้วนทอประกายวับวาวราวกับดวงดารา
เฮ้อ... ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน คนหน้าตาดีล้วนมีออร่าในตัวเสมอ
"จะ... เ้าพูดอะไรน่ะ โจรไม่โจรอะไรกัน ข้าจะฟ้องร้องว่าเ้าทำลายความบริสุทธิ์ของภรรยาข้า ทำให้นางตายตาไม่หลับ" ลู่ฉงได้ยินคำวิจารณ์ของผู้คนก็เริ่มลุกขึ้นเต้น
"เ้าก็รู้หรือว่านางตายตาไม่หลับ"
ชายหนุ่มทอยิ้มอ่อนจาง เป็ความสง่างามที่แลดูเอ้อระเหย ทว่าดวงตาที่จ้องลู่ฉงกลับแฝงแววเหยียดหยันแรงกล้า
ลู่ฉงขาสั่นระริก รู้สึกชอบกลที่ถูกคนมองออก
"เซียนเซิงกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร หรือสาเหตุการณ์ตายของฉยงฮวามีลับลมคมใน?" เศรษฐีหลิวจับสังเกตได้ถึงความนัยที่แฝงเร้น
"สตรีคลอดยากจะมีสายสนกลในอันใด จะ... เ้าคาดเดาส่งเดชส่อเจตนาร้าย ไม่เคารพต่อคนตายอย่างใหญ่หลวง" ลู่ฉงกลืนน้ำลายอย่างตื่นตระหนก
"เซียนเซิง การตายของบุตรสาวข้ามีลับลมคมในใช่หรือไม่ ท่านได้โปรดช่วยบอกด้วยเถอะ" เสียงของเศรษฐีหลิวสั่นพร่า
เขากับภรรยามีบุตรสาวเพียงคนเดียว ภรรยารับไม่ได้ที่คนผมขาวต้องมาส่งคนผมดำเป็ลมหมดสติไปแล้ว
ชายหนุ่มมองเขาด้วยความเวทนา "ในตัวของบุตรเขยของท่านพกถุงหอมที่มีกลิ่นชะมดเชียง บุตรสาวของท่านได้รับผลกระทบจากของสิ่งนั้น จึงเป็เหตุให้เด็กคลอดก่อนกำหนด"
สีหน้าของเศรษฐีหลิวกับลู่ฉงพลันเปลี่ยนสีพร้อมกัน
"เ้าใส่ร้ายผู้อื่น ข้า ข้าไม่เคยพกถุงหอมอะไรเลย" ลู่ฉงหน้าซีด นึกยินดีอยู่ในใจ โชคดี หลังจากหลิวฉยงฮวาเสียชีวิต เขาก็เอาถุงหอมไปโยนทิ้งในสวนดอกไม้
"อ้อ แล้วถุงหอมใบนี้ไม่ใช่ของเ้าหรอกรึ"
มือของชายหนุ่มที่ไพล่หลังอยู่ออกค่อยๆ หยิบถุงหอมปักลายนกยวนยางสีน้ำเงินออกมา "กลิ่นชะมดเชียงในนี้ฉุนไม่เบา"
เศรษฐีหลิวเห็นแล้วก็โกรธจนตัวสั่นชี้หน้าลู่ฉง "เ้าเดรัจฉาน ถึงกับลอบใส่ชะมดเชียงในถุงหอมที่ฉยงฮวาปักให้เ้าเชียวรึ เด็กๆ จับตัวมันไปส่งทางการ"
ลู่ฉงหน้าถอดสี "ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า ท่านพ่อตา นี่เป็การใส่ร้าย ถุงหอมข้า... ข้าทำหาย ใครจะรู้ว่าจู่ๆ จะมีชะมดเชียงโผล่มาอยู่ในนั้นได้อย่างไร เข้าถูกปรักปรำ"
ขณะที่ะโร้องว่าถูกปรักปรำก็เริ่มหาทางเลี่ยงหลบ คิดจะหนีให้พ้นจากการจับตัวของบ่าวชาย แต่ไหนเลยจะหลบพ้น
"เฮอะ อยากรู้ว่าถูกปรักปรำหรือไม่ ไม่ยาก ชะมดเชียงเป็ของหายาก แค่ไปสอบถามร้านขายยาแถวนี้ดูว่าพักนี้มีใครมาซื้อไปบ้าง จากนั้นก็สืบสาวให้ไปให้ถึงต้นตอ ง่ายๆ แค่นี้เอง" ชายหนุ่มปรายตามองลู่ฉงอย่างไม่แยแส ประหนึ่งมองแมลงสาบน่ารังเกียจ ก่อนหมุนตัวไปส่งถุงหอมให้แก่เศรษฐีหลิว
"ท่านเศรษฐีหลิว เมื่อท่านยุ่งอยู่ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยให้เสี่ยวถงมารับเงินค่ารักษาแล้วกัน"
"ได้ ได้เลย ขอบคุณเซียนเซิง พรุ่งนี้ข้าจะเตรียมเงินให้พร้อม" เศรษฐีหลิวค้อมกายกล่าวขอบคุณด้วยน้ำตานองหน้า
ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกอย่างสง่างาม ก่อนพาเด็กหนุ่มด้านหลังค่อยๆ เยื้องย่างออกไปทางประตู
ลู่ฉงที่ทรุดตัวลงอย่างสิ้นหวัง เริ่มอาละวาดว่าถูกปรักปรำอีกหน เศรษฐีหลิวให้เด็กรับใช้อุดปากเขาไว้
ในที่สุดทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบสุข
หัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของชายหนุ่มคลายออก เดินเอามือไพล่หลังออกมาจากประตูใหญ่จวนสกุลหลิวอย่างผ่อนคลาย
ผู้คนที่มุงดูอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าชื่นชมต่างขยับเปิดทางให้
"คุณชายผูหยาง" ฟางขุยเดินออกมาจากหลังสิงโตหิน ทำความเคารพบุรุษผู้นั้นอย่างนอบน้อม
ผูหยางชิงหลันอึ้งไปชั่วขณะ ในสถานที่เล็กๆ ห่างไกลแห่งนี้ยังมีคนรู้จักเขาอีกหรือ?
พอหันไปมองก็รู้สึกคุ้นตาอยู่บ้าง
"เ้า... ฟางขุย?"
"ขอรับ" ฟางขุยตอบอย่างพินอบพิเทา
"เ้าอยู่นี่ หรือว่า... เสี่ยวชีก็อยู่ด้วย" ผูหยางชิงหลันรู้สึกแปลกใจ
"อุ๊บ..."
เสี่ยวชี? เซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลหัวเราะก๊ากออกมา นี่ใช้เรียกเหลียนเซวียนเหรอ?
ผูหยางชิงหลันยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย มองแม่นางที่กำลังป้องปากหัวเราะผู้นั้น
แม่นางคนนี้ใครอีกล่ะ?
พอเห็นเขามองมาที่ตนเอง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ยิ้มอย่างเก้อเขิน
"คุณชายผูหยาง นายท่านพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมสี่ไหลเมืองหลิงขอรับ" ฟางขุยตอบ "นายท่านกำลังส่งคนออกตามหาเบาะแสของท่านอยู่พอดี"
ผูหยางชิงหลันรั้งสายตากลับ มุมปากโค้งขึ้นน้อยๆ "เขาหาข้าต้องไม่ใช่เื่ดีแน่"
เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่นำพาฟางขุยซึ่งยังยืนอยู่ที่เดิม
ฟางขุยร้อนใจอย่างหนัก แต่ไรมาผูหยางชิงหลันก็มีอุปนิสัยหยิ่งผยอง และเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ เฉกเช่นที่องค์ชายกล่าวไว้ ตราบใดที่องค์ชายยังไม่ใกล้ตายเพราะถูกพิษ ถึงไปหา ก็ไม่แน่ว่าเขาจะสนใจ
"คุณชายผูหยาง นายท่านของเราบอกว่ามีสมุนไพรที่ท่านอยากได้มากที่สุดในมือ"
ฟางขุยไม่คิดอะไรมากมาย เขาพบคุณชายผูหยางชิงหลัน แต่เชิญคนกลับไปไม่ได้ เหลยลี่ต้องสับเขาเป็ชิ้นๆ โดยไม่ต้องกังขา
ผูหยางชิงหลันชะงักกึก หันมามองฟางขุย
"สมุนไพรอันใด?"
ฟางขุยดีใจอย่างมาก เดินไปด้านหน้าแล้วตอบกลับไปว่า "ข้าน้อยไม่ทราบ มิสู้คุณชายถามกับนายโดยตรงดีกว่า นายท่านอยู่โรงเตี๊ยมสี่ไหลตรงไปไม่ไกลขอรับ"
ผูหยางชิงหลันจ้องเขาอย่างครุ่นคิด คำพูดของก็ฟังดูจริงจัง ใคร่ครวญอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนแค่นเสียงหึ "เ้าหนุ่มโสโครก หากเ้ากล้าหลอกลวงข้า ก็คอยดูว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร"
เขาสะบัดแขนเสื้อ ยกเท้าก้าวไปข้างหน้า
ฟางขุยใจนเหงื่อไหลโซมกาย
ใครกล้าหลอกนายท่านผู้นี้ก็แสดงว่าเบื่อชีวิตเต็มทน
"ฟางขุย เขาก็คือศิษย์พี่ของเหลียนเซวียนสินะ" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นผูหยางชิงหลันไปไกลแล้ว ถึงวิ่งมา
"ขอรับ คุณหนูเซวีย พวกเรารีบตามไปดีกว่า จะให้คุณชายผูหยางหนีไปไม่ได้เป็อันขาด" ฟางขุยกดเสียงกระซิบ
"ได้ๆ พวกเรารีบตามไป" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกถึงพิษในกายของเหลียนเซวียนก็รีบพยักหน้า
ทั้งสามวิ่งต่างวิ่งตามไปทันที
ทิ้งผู้คนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังจอแจเอาไว้เื้ั
...
[1] หัตถ์เทวะแห่งซิ่งหลิน เป็ฉายาที่ใช้เรียกยกย่องแพทย์ผู้มีคุณธรรมและความสามารถสูงส่ง