อย่าเห็นว่าผูหยางชิงหลันดูเหมือนจะเดินเอ้อระเหยลอยชาย ยามเซวียเสี่ยวหรั่นตามมาถึงโรงเตี๊ยม ก็วิ่งจนเหงื่อท่วมศีรษะ
ท้องฟ้าเริ่มมืดทีละน้อย โรงเตี๊ยมสี่ไหลแขวนโคมแดงขึ้นที่สูงทั้งด้านนอกและด้านใน แสงสว่างจากโคมแลดูละมุนตา
ผูหยางชิงหลันยังไม่ทันเข้าไปในโรงเตี๊ยม องครักษ์ที่อยู่ด้านนอกก็รีบเข้าไปรายงาน
ขณะที่เหลียนเซวียนออกมาจากเรือน เห็นผูหยางชิงหลันในสภาพค่อนข้างโทรมก็ไม่รู้สึกแปลกใจ ไม่ว่าจะเวลาไหนศิษย์พี่ของเขาผู้นี้ก็พร้อมขึ้นเขาเข้าป่าตลอดเวลา อย่างตอนนี้นับว่ายังสะอาดสะอ้าน
"ศิษย์พี่ ไม่ได้พบกันนาน"
เหลียนเซวียนยืนอยู่ที่เดิม มีรอยยิ้มอ่อนจางประดับมุมปาก
พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่ได้พบกันนานแล้ว ครั้งก่อนที่เจอกันยังอยู่ระหว่างทำากับซีฉี
เพียงพริบตาก็ผ่านไปสองปีกว่าแล้ว
ผูหยางชิงหลันกลับไม่เปล่งเสียง แต่ย่นคิ้วมองพิจารณาเขาทั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากนั้นก็ยื่นมือออกไป
เหลียนเซวียนย่อมตระหนักได้ จึงส่งมือให้เขา
ปลายนิ้วของผูหยางชิงหลันััเบาๆ ที่กลางข้อมือของเขา หัวคิ้วขมวดเป็รูปอักษร 川 "ยาสลายเส้นเอ็นกร่อนกระดูกของสำนักอิ่นเหมิน"
"ใช่" เหลียนเซวียนพยักหน้า
ผูหยางชิงหลันปล่อยข้อมือของเขา พลางหัวเราะเยาะ สีหน้าสาแก่ใจที่ได้เห็นความทุกข์ของผู้อื่น "มิน่าเ้าถึงหายไปหนึ่งปีเต็ม ด้วยสภาพร่างกายของเ้าตอนนี้ ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็นับว่าดวงแข็งมากแล้ว"
ถ้อยคำไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อย ซ้ำยังแฝงน้ำเสียงเยาะหยันด้วยซ้ำ
หงกูกับเหลยลี่ซึ่งยืนอยู่หลังเหลียนเซวียนยังคงนิ่งสงบ เหมือนไม่แปลกใจกับบทสนทนาทำนองนี้
เซวียเสี่ยวหรั่นหายใจหอบเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม เห็นผูหยางชิงหลันกับเหลียนเซวียนยืนหันหน้าเข้าหากันตรงประตูโค้งหน้าเรือนที่พัก บรรยากาศแลดูชอบกล
"ศิษย์พี่กล่าวถูกต้อง" เหลียนเซวียนตอบเรียบๆ
"ชิ เ้าหน้าน้ำแข็งนี่น่าเบื่อจริงๆ ลูกน้องเ้าบอกว่าเ้ามีสมุนไพรที่ข้าอยากได้" ผูหยางชิงหลันหันไปมองฟางขุยที่ด้านหลัง ขณะเดียวกันก็มองเห็นสาวน้อยน่ารักที่แอบหัวเราะผู้นั้นเดินนำอยู่ด้านหน้า
แม่นางผู้นี้เป็ใคร ถึงกับตามมาเลยรึ? คิ้วน่ามองของผูหยางชิงหลันเลิกขึ้นน้อยๆ
เหลียนเซวียนย่อมมองเห็นเช่นกัน จึงกวักมือเรียก
เซวียเสี่ยวหรั่นใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผาก ก่อนเดินเข้าไปอย่างงุนงง
"นี่คือเซวียเสี่ยวหรั่น ศิษย์พี่พูดเองมิใช่หรือว่าข้ามีชีวิตมาถึงบัดนี้ได้เพราะดวงแข็ง นั่นก็ต้องขอบคุณเสี่ยวหรั่นที่ช่วยดูแลใน่เวลาเ่าั้" สีหน้าของเหลียนเซวียนยังคงราบเรียบ ไม่แยแสถ้อยคำยั่วยุของอีกฝ่าย
"เสี่ยวหรั่น นี่คือศิษย์พี่ของข้า ผูหยางชิงหลัน"
"คารวะคุณชายผูหยาง" เซวียเสี่ยวหรั่นยอบกายอย่างมีมารยาท ่นี้เธอลอบเรียนรู้มารยาทขั้นพื้นฐานจากอูหลันฮวามาบ้าง อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตในป่าอีกแล้ว จำเป็ต้องรู้มารยาทขั้นพื้นฐานในการเข้าสังคมไว้บ้าง
หลังฟังคำเหลียนเซวียนแนะนำเสร็จเรียบร้อย ผูหยางชิงหลันก็เผยสีหน้าประหลาดใจโดยไม่ปกปิด
ศิษย์น้องหน้าน้ำแข็งของตนถึงกับเอ่ยเรียกชื่อแม่นางคนหนึ่ง ดูท่าวันนี้ฝนต้องตกเป็สีแดงแน่ๆ
เขาเงยหน้ามองฟ้า ก่อนหันมามองเหลียนเซวียน "วันนี้ฝนจะตกมาเป็สีแดงหรือไม่หนอ..."
เหลียนเซวียนหนังตากระตุก รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร
"ศิษย์พี่ เข้าไปนั่งคุยในห้องเถอะ"
ผูหยางชิงหลันหัวเราะเบาๆ หันไปหาสาวน้อยร่างเล็กน่ารักสดใสตรงหน้า "แม่นางเซวีย ข้าคือศิษย์พี่ของเ้าหน้าน้ำแข็งผู้นี้ ่นี้ดูแลเขาคงลำบากมากสินะ ต่อไปเ้ามีเื่อะไรก็เอ่ยปากกับเขาได้เลย บุญคุณเพียงหยาดน้ำ เขาต้องทดแทนดั่งตาน้ำพุอย่างแน่นอน"
"..."
พอเห็นสีหน้าปั้นยากของเหลียนเซวียน เธอก็นึกขันอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าหัวเราะออกมา ศิษย์พี่ท่านนี้ช่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ ทั้งวาจาและอุปนิสัยล้วนตามอำเภอใจไร้สามัญสำนึก
"คุณชายผูหยางเกรงใจไปแล้ว ระหว่างการเดินทางเหลียนเซวียนก็ดูแลข้าไว้มากเช่นกัน จะนับว่าเป็บุญคุณไม่เป็บุญคุณอันใดเล่า"
"เขาดูแลเ้าคือสิ่งที่สมควร แต่เ้าดูแลเขากลับต่างกัน แม่นางคือบุปผาบอบบาง ส่วนเ้าหน้าน้ำแข็งเป็แค่วัชพืช จะเปรียบเทียบกันได้อย่างไร"
ผูหยางชิงหลันทำทีเอื้อมมือไปตบบ่าของเหลียนเซวียนเหมือนไม่นำพา แต่มือหนักเสียจนเหลียนเซวียนต้องกัดฟันแน่น
ตอนแรกขณะที่ฝ่ามือของผูหยางชิงหลันกำลังจะตบลงไป เหลยลี่อยากจะเอาตัวเข้าไปรับแทนเ้านาย แต่เคราะห์ดีที่อดใจไหว มิเช่นนั้นคนโชคร้ายตอนนี้คงเป็เขาเอง
องค์ชาย ทรงหมั่นทำบุญกุศลให้มากไว้เถิด ศิษย์พี่ของพระองค์ช่างโหดร้ายเหลือ พวกเขาไม่กล้ายั่วโทสะ
"ศิษย์พี่ เชิญด้านใน"
คำพูดประโยคนี้เหลียนเซวียนแทบต้องเค้นออกมาจากรากฟัน
ผูหยางชิงหลันหัวเราะหึๆ เอื้อมมือไปโอบไหล่ของเขา แล้วตบต่อไปอีกหลายที จนเืลมในอกของเหลียนเซวียนปั่นป่วน
"ฮ่าๆ เสี่ยวชีเอ๊ย เ้าก็มีเวลาที่ตกมาอยู่ในกำมือข้าเหมือนกัน พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องควรสะสางบัญชีใน่หลายปีมานี้ให้ดีถึงจะถูกต้อง"
ผูหยางชิงหลันหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะของเขาเบิกบานและมีความสุขจากส่วนลึกของหัวใจ
เขาโอบไหล่ของเหลียนเซวียน สาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปข้างใน ตอนนี้มือและเท้าของเหลียนเซวียนไม่มีแรง เดินเหินไม่สะดวก จึงดูเหมือนถูกเขาหิ้วไปมากกว่า
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็มุมปากกระตุกโดยไม่รู้ตัว
ผูหยางชิงหลันผู้นี้ทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า
สภาพร่างกายของเหลียนเซวียนตอนนี้เขาก็รู้อยู่เต็มอก ยังปฏิบัติต่อคนถูกวางยาจนร่างกายอ่อนแอเช่นนี้อีก
เธอพอจะมองออกแล้ว ระหว่างสองคนนี้มิได้รักใคร่กลมเกลียวหรือให้ความเคารพซึ่งกันและกันอย่างที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องพึงมี
เธอหันไปมองเหลยลี่กับหงกูซึ่งอยู่ด้านข้าง ทั้งสองต่างยืนก้มหน้างุด ตามองจมูก จมูกมองอก ทำไม่รู้ไม่เห็นสถานการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
เซวียเสี่ยวหรั่นกัดฟัน เดินตามเข้าไปในห้องรับแขก
ทั้งสี่นั่งลง หงกูยกน้ำชาเข้ามา อูหลันฮวายืนชะเง้ออยู่หน้าห้อง พอเห็นหงกูออกมาก็หดคอกลับทันที
"แฮ่ม แม่นางเซวียช่วยศิษย์น้องของข้าจากที่ไหน" ผูหยางชิงหลันเอ่ยถามสบายๆ หลังดื่มชาแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นสบตาเหลียนเซวียน เห็นเขาไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องเธอ เซวียเสี่ยวหรั่นจึงทำตาปริบๆ เอ่ยออกไปอย่างไม่ปิดบัง "กลางเขาเยว่หลิงซาน"
"เขาเยว่หลิงซาน? นั่นเป็สถานที่ที่ยอดเยี่ยม สมบัติล้ำค่าหายากทุกอย่างล้วนรวมกันอยู่ในป่าลึก พูดถึงเื่นี้ เสี่ยวชี เ้าคงรู้สมุนไพรที่เป็องค์ประกอบของยาถอนพิษกร่อนกระดูกสลายเส้นเอ็นอยู่กระมัง หากไม่มีสมุนไพรเ่าั้ พิษในตัวเ้าก็ไม่ใช่เื่ขำขัน"
ดวงตาของผูหยางชิงหลันทอประกายคมปลาบ มองเหลียนเซวียนด้วยสายตากระตือรือร้น
เ้าเด็กนี่จะน่าจะสมุนไพรที่เป็หัวใจสำคัญได้แล้ว มิเช่นนั้นคงไม่นิ่งปานนี้แน่
"ข้ารู้"
สีหน้าของเหลียนเซวียนราบเรียบสงบนิ่ง หลุบตามองถ้วยชาสีขาวในมือ มีเหยื่อล่อ ไม่ต้องกลัวว่าปลาจะไม่ติดเบ็ด
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบชาในท่วงท่าสง่างาม สีหน้านิ่งเฉย
เ้าเด็กโสโครกนี่ เริ่มลีลาอีกแล้ว ผูหยางชิงหลันรู้สึกเข่นเขี้ยว แต่ไม่อยากเป็ฝ่ายเอ่ยปากก่อน จึงแสร้งยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มด่ำ
ทั้งสองฝ่ายต่างเล่นาประสาทกันอย่างหนัก ในห้องรับแขกเงียบสนิท เข็มตกสักเล่มยังได้ยินเสียง
เซวียเสี่ยวหรั่นลอบมองพวกเขาสองคน ก่อนเลื่อนสายตามาที่หนุ่มน้อยซึ่งยืนสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง เธอเม้มริมฝีปาก แต่ละคนช่างอึดกันเหลือเกิน