“องค์หญิงิเยว่เปรียบเสมือนแขกแน่นอนว่าข้าต้องทำการต้อนรับอย่างดี ท่านอ๋องพวกเราไปถวายคำนับหมู่เฟยกันก่อนเถิดเพคะ”
หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากมือเจียงหรูฉิน
ั้แ่ต้นจนจบ สายตาของหลงเทียนอวี้มิเคยตกลงบนร่างของเจียงหรูฉิน
เขาเพิกเฉยกับการมีตัวตนของนางดังนั้นเปลวไฟจึงลุกโชนขึ้นในหัวใจของเจียงหรูฉิน
รอดูก่อนเถิด ต่อจากนี้ไป จวนอวี้จะไม่มีวันสงบสุขอีก!
แต่ละคนกลับไปยังตำหนักของตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
จิ่นเยว่รีบกลับไปยังตำหนักหยาเสวียนเพื่อทูลพระสนมเต๋อเฟยหลินเมิ้งหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงพาสาวใช้ทั้งสี่ไปยังตำหนักหยาเสวียน
ทันทีที่ก้าวเข้ามาเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวพลันดังเข้ามากระทบหู
เลิกคิ้วขึ้นสูงดูเหมือนองค์หญิงิเยว่จะเป็คนมือไวใจเร็วเสียเหลือเกิน
“พระชายาเสด็จ...”
สายตาของคนที่อยู่ภายในหันมามองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย ส่งยิ้มอ่อนโยน ราวกับมิใช่คนเดียวกันกับหญิงสาวที่วิ่งทำแผลให้ทหารในสิงกง
“เมื่อครู่หม่อมฉันยังพูดอยู่เลยว่าพระชายาอวี้เป็คนที่พบเจอได้ยากยิ่งเพียงสบตากันครั้งเดียว หม่อมฉันยังรู้สึกได้เลยว่าพวกเรามีชะตาต่อกัน”
ิเยว่นั่งอยู่ด้านล่างที่ประทับของพระสนมเต๋อเฟยซึ่งเป็ตำแหน่งที่นั่งของหลินเมิ้งหยา
“ใช่แล้วเพคะ พี่สะใภ้ของข้ามิใช่คนธรรมดา การที่พี่ชายได้นางมาเป็ภรรยาอาจเป็เพราะผลบุญที่ทำมาจากชาติปางก่อน”
เจียงหรูฉินปรับเปลี่ยนทัศนคติและคำพูดจานางเอ่ยชมหลินเมิ้งหยาไม่ขาดปาก
“ชมเกินไปแล้ว ข้าเป็เพียงคนที่คอยช่วยเหลือท่านอ๋องเท่านั้นแต่เพราะท่านอ๋องไม่ชอบออกปาก ดังนั้นข้าจึงต้องออกหน้าแทน”
หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนกำลังตีสำลีนุ่มๆ
พระสนมเต๋อเฟยชำเลืองมองทางเด็กสาวทั้งสองอย่างไม่เข้าใจั์ตาเปล่งประกาย
“เอาล่ะ เ้าอย่ายืนอยู่ตรงนั้นเลย มานั่งเถิด”
เมื่อเทียบกับเจียงหรูฉินที่เป็หลานสาวแล้วพระสนมเต๋อเฟยไม่เคยใช้คำพูดสนิทสนมเช่นนี้กับใครมาก่อน
แต่กับหลินเมิ้งหยาพระสนมเต๋อเฟยรู้สึกราวกับว่านางเป็ลูกสาวคนหนึ่งของตนเอง
หลงเทียนอวี้ส่งคนมาส่งข่าวให้พระสนมเต๋อเฟยได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาหลิงจูหมดแล้ว
เมิ้งหยาเป็คนฉลาด นางจัดการทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยมนางรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก
“ท่านอ๋องเสด็จ...”
หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะนั่งลง ร่างของหลงเทียนอวี้พลันปรากฏขึ้นที่หน้าประตูตำหนักหยาเสวียน
ถอดชุดเปรอะเปื้อนของตนเอง อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาดความหล่อเหลาสง่างามจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ลูกขอถวายคำนับหมู่เฟย หลายวันมานี้ทำให้หมู่เฟยต้องเป็ห่วงลูกอกตัญญูยิ่งนัก”
เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระสนมเต๋อเฟย ใบหน้าเ็าของหลงเทียนอวี้พลันหายไป
เขามิเหมือนชายหล่อเหลาผู้แสนเ็าอีกต่อไปแต่กลับเป็ชายที่มีชีวิตจิตใจคนหนึ่ง
แม้พระสนมเต๋อเฟยจะเอ็นดูเขามากแต่เพราะตอนนี้มีคนนอกอยู่อย่างมากมาย ดังนั้นจึงมิอาจพูดสิ่งใดออกมา
ทว่าสีหน้าเป็กังวลยังคงเผยให้เห็น
“หลินขุยเล่าเื่ของเ้าหมดแล้ว ได้รับาเ็หรือไม่? ต้องรีบรักษาหรือไม่?”
หลงเทียนอวี้ส่ายหน้า
“เอ๋อร์จื่อมิเป็ไรพ่ะย่ะค่ะ พระชายาดูแลลูกเป็อย่างดี”
ิเยว่ชำเลืองมองทางหลงเทียนอวี้หากเอ่ยว่าก่อนหน้านั้นนางเพียงแต่เป็หญิงสาวที่รู้สึกเคารพนับถือหลงเทียนอวี้เท่านั้น
เช่นนั้นหลังจากผ่านเื่ราวบนเขาหลิงจูมาแล้วความเคารพที่เคยมีกลับแปรเปลี่ยนเป็หลงใหล
ผู้ชายกล้าหาญเสมือนวีรบุรุษผู้นี้เหมาะที่จะเป็คู่ชีวิตของนาง
แม้แต่ไท่จื่อแห่งต้าจิ้นยังเป็พวกรักตัวกลัวตาย เขาเทียบหลงเทียนอวี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
“ที่หม่อมฉันมาในวันนี้ก็เพราะได้รับการไหว้วานจากเสด็จพ่อท่านอ๋องอวี้กล้าหาญชาญชัยในสนามรบ อาสาออกรบเพื่อปกป้องดูแลพวกเรา ของขวัญเล็กๆนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แสดงความเคารพนับถือ หวังว่าท่านอ๋องจะรับไว้”
ขณะที่พูดองค์หญิงิเยว่สั่งให้คนของตนเองนำของที่ฮ่องเต้ิ้ามอบให้ออกมา
โสมพันปี เห็ดหลินจือพันปี สมุนไพรต่างๆ มากมายถูกกักเก็บอยู่ภายในกล่องไม้กลิ่นหอมอ่อนๆ ฟุ้งกระจายออกมา
แม้แต่เจียงหรูฉินยังแอบอิจฉาคงมีเพียงฮ่องเต้ิผู้ร่ำรวยเท่านั้นจึงจะสามารถนำของล้ำค่าเช่นนี้มามอบให้ผู้อื่น
ทว่า สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยังคงเหมือนเดิม
ยาสมุนไพรในจวนของเขามีมากมาย
แม้จะไม่เคยเอ่ยถามแต่หลินเมิ้งหยาที่ดูแลคลังเล็กของจวนรู้ดีว่าจวนของตนเองร่ำรวยมากขนาดไหน
ดังนั้น เขาจึงไม่แม้แต่จะแลมองของพวกนี้
สายตาตกลงบนใบหน้านวลของหลินเมิ้งหยา
แต่ดวงตาของนางกลับเผยให้เห็นร่องรอยของความดีใจทันทีที่เห็นของในกล่องไม้
คำพูดปฏิเสธจึงถูกกลืนลงท้อง
“การช่วยคนเป็เื่ที่ต้องทำอยู่แล้วแต่เมื่อฮ่องเต้ิ้าแสดงน้ำใจ เช่นนั้นข้าจะรับไว้ เข้ามาเก็บของให้เรียบร้อย”
รอยยิ้มขององค์หญิงิเยว่ฉีกกว้างเสมือนดอกไม้บาน
นางเคยได้ยินมาว่าหลงเทียนอวี้ไม่เคยรับของจากผู้ใด
แต่วันนี้เขากลับรับของของตนเองไป เช่นนั้นแสดงว่าเขา...
ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายาก็มิได้มั่นคงดั่งที่ใครร่ำลือ
“เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปทูลเสด็จพ่อก่อนนะเพคะ พระสนมเต๋อเฟยิเยว่ทูลลา”
ิเยว่หมุนตัวกลับมาถวายคำนับ
พระสนมเต๋อเฟยพยักหน้าลงจิ่นเยว่นำทางิเยว่ไปยังประตูทางออกตำหนักหยาเสวียน
“องค์หญิงิเยว่อ่อนโยน ชาญฉลาด ชาติตระกูลสูงสง่า เมิ้งหยาเ้าคิดเห็นเช่นไร?”
พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าดวงตากลับมีแสงเปล่งประกาย
ตอนนี้ไท่จื่อทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
คาดว่าหลังจากกลับเข้าวังในครั้งนี้จะต้องถูกฮองเฮาตำหนิติติงอย่างแน่นอน
แต่ลูกชายของตนเองมีความโดดเด่น กล้าหาญสมชายชาตรีดังนั้นนางจึงเตรียมการบางอย่างเอาไว้
“องค์หญิงโดดเด่นมากเพคะ แต่น่าเสียดายที่เป็คนของซีฟาน”
เหตุใดหลินเมิ้งหยาจะไม่เข้าใจว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังคิดอะไร อยู่ๆความไม่สบายใจพลันก่อตัวขึ้น
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระสนมเต๋อเฟย นางไม่อาจเผยสิ่งใดออกมาได้
“อืม เป็จริงอย่างที่เ้าว่า ฉินเอ๋อร์เ้าลองไปดูหน่อยว่าอาหารกลางวันเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยังพี่ชายและพี่สะใภ้ของเ้าเหนื่อยมาทั้งวัน จะต้องหิวมากอย่างแน่นอน”
พระสนมเต๋อเฟยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แต่กลับสั่งให้เจียงหนู๋ฉินออกไป
ภายในตำหนักจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน
“ครั้งนี้พวกเ้าทำได้ดีมาก แต่ยิ่งออกหน้า ก็จะยิ่งโดนอิจฉา”
คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยแสดงให้เห็นความกังวลของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
นางอยู่ในพระราชวังมานานหลายสิบปีดังนั้นจึงรู้จักอุปนิสัยใจคอของฮองเฮาดีที่สุด
“เอ๋อร์จื่อรู้พ่ะย่ะค่ะแต่หากไม่ออกหน้าแก้ไขสถานการณ์คับขันในเวลานั้น เกรงว่าทุกคนคงตกอยู่ในอันตราย”
หลังจากถูกอบรมสั่งสอนมายี่สิบกว่าปี หลงเทียนอวี้รู้ดีว่าหากมิใช่เวลาคับขันเขาไม่ควรเข้าไปยุ่งกับไท่จื่อ
แต่เพราะคราวนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบบังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น
“หมู่เฟยได้โปรดวางพระทัย ตอนนี้ไท่จื่อคงมิมีกะจิตกะใจมาหาเื่พวกเราอย่างแน่นอนเขาจะต้องคิดหาวิธีรั้งตำแหน่งของตนเองอย่างแน่นอนเพคะ”
หลินเมิ้งหยาคำนวณเื่นี้เอาไว้แล้ว หลังจากกลับมาจากเขาหลิงจู“วีรกรรมอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร” ของไท่จื่อจะต้องถูกกล่าวขานไปทั่วทั้งเมืองหลวง
เสียงซุบซิบนินทามักทรงพลังเสมอ
“ไท่จื่อเป็ถึงองค์ชายรัชทายาทเขาคงไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูแคลนง่ายๆ”
คิ้วของพระสนมเต๋อเฟยขมวดแน่น ความกังวลยังคงเกาะกุมหัวใจ นางมิได้อยู่ในวังหลวงดังนั้นจึงมิได้รับรู้ข่าวคราวของฮ่องเต้เลย
“หากเสด็จพ่อยังแข็งแรงดังเดิมพวกเราสองแม่ลูกคงไม่ตกที่นั่งลำบากเช่นนี้”
เงียบกริบ สีหน้าของหลงเทียนอวี้เผยให้เห็นความกังวลเมื่อเอ่ยถึงฮ่องเต้
หลินเมิ้งหยามองดูสีหน้าของสองแม่ลูกสมองพลันประมวลผลเฟ้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฮ่องเต้
ดูเหมือนฮ่องเต้จะเจ็บป่วยั้แ่เมื่อสามปีก่อน
ตอนแรกพระองค์เพียงแค่จับไข้หนาวสั่น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงกลายเป็ผู้ป่วยติดเตียง
แม้นางจะแต่งงานเข้าจวนอวี้มานานกว่าครึ่งปีแล้วแต่ฮ่องเต้ยังคงไม่ฟื้น
พระองค์ทรงรักษาตัวอยู่ในตำหนักทุกวัน
ส่ายหน้า ดูเหมือนเื่ในราชวงศ์จะลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะคาดเดา
“หมู่เฟยพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดเข้าแล้ว เข้ามาจงนำอาหารเข้ามาที่นี่ พวกเ้าทั้งสองคงยังมิได้กินอิ่มนอนอุ่น”
เก็บความเสียใจ พระสนมเต๋อเฟยหยุดพูดเื่นี้
น่าเสียดาย หลินเมิ้งหยายังอยากได้ยินเื่เกี่ยวกับฮ่องเต้ให้มากขึ้น
แม้อาหารกลางวันจะธรรมดา แต่กลับอุดมสมบูรณ์
ทว่าทั้งสามมีเื่หนักหน่วงในใจ ดังนั้นจึงกินเข้าไปไม่มากนัก
หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว หลงเทียนอวี้กลับไปยังห้องอ่านหนังสือของตนเองเพื่อจัดการงานหลินเมิ้งหยากลับถูกพระสนมเต๋อเฟยรั้งตัวเอาไว้
ภายในห้อง กลิ่นกำยานอ่อนๆ ลอยละล่อง
แม่สามีและลูกสะใภ้พูดคุยกันเื่ทั่วไป
“ข้าได้ยินเื่ของคุณหนูสกุลเยว่แล้ว แม้จะถูกนินทาว่าร้ายแต่การจะพาพวกนางกลับไปยังบ้านของตนเองก็มิใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดี”
หัวใจสั่นไหว หลินเมิ้งหยาไม่เข้าใจตอนแรกคิดว่าพระสนมเต๋อเฟยจะสั่งห้าม แต่จากคำพูดของนาง ดูเหมือนนางจะอนุญาตให้พี่เยว่ถิงอยู่ที่นี่?
“เ้าสั่งให้คนเตรียมเรือนที่สงบเงียบให้คุณหนูสกุลเยว่เข้าไปอยู่เถิดเฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะต้องเจอเื่เลวร้ายถึงเพียงนี้”
ถอนหายใจอย่างเสียดาย พระสนมเต๋อเฟยเคยเจอเยว่ถิง
แม้จะมิได้งดงามโดดเด่นเท่าไรนัก แต่นางมีอุปนิสัยอ่อนโยนอีกทั้งยังกิริยาวาจางดงาม
แต่วันนี้ชื่อเสียงกลับถูกทำลายจนป่นปี้
“ขอบพระทัยหมู่เฟยเพคะ พี่เยว่ถิงเป็คนอ่อนโยนและจิตใจโอบอ้อมอารีนางจะต้องซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างแน่นอน”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนหวานทว่าความรู้สึกไม่สบายใจยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“จริงสิ เ้ารู้จักองค์หญิงิเยว่ก่อนหน้านั้นแล้วใช่หรือไม่เ้าคิดว่านางเป็คนอย่างไร?”
ในที่สุดก็เข้าประเด็นหลัก ดูท่าเื่นี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด
“องค์หญิงิเยว่งดงามสูงสง่า แม้จะเป็องค์หญิงแห่งซีฟานแต่ก็เป็สตรีที่พบเจอได้ยากยิ่ง”
หลินเมิ้งหยาส่งเสียงชื่นชมแต่พระสนมเต๋อเฟยไม่รู้เลยว่านางกำลังเอ่ยตามมารยาทแต่เพียงเท่านั้น
“ข้าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่เลวเ้าคิดว่าตนเองสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนางได้หรือไม่?”
