“เอี๊ยด”
เสียงเบรกรถแหลมบาดหูดังขึ้นบนทางหลวง สถานที่แห่งนี้เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงมีเืสีแดงสดไหลนองเป็ทางยาวและมีร่างโชกเืของผู้หญิงคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นถนนแห่งนั้น
“อ๊ะ”
เหออี้ขมวดคิ้วเข้าหากันพลางชะลอรถ
“ช่วยด้วย ช่วยชีวิตภรรยาผมด้วย เธอถูกรถชน ช่วยด้วยครับ” ชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปีโผเข้ามา เขาพูดไปก็ร้องไห้ไป “ช่วยพาเธอไปโรงพยาบาลหน่อยครับ”
“โอ้”
เหออี้หยุดรถทันทีโดยไม่ได้ฉุกคิดสักนิด จากนั้นก็พูดขึ้น “ลู่เฉิน ช่วยชีวิตคนก่อน”
“อื้ม”
ขณะที่ผมกำลังลงจากรถ สายตาพลันเหลือบไปเห็นรถยนต์สีดำคันหนึ่งเร่งความเร็วตรงมาจากถนนเล็กๆ รถคันนั้นชนที่กั้นราวเหล็กจนหัก ก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเรา
แย่แล้ว ผมได้กลิ่นทะแม่งๆ แล้วล่ะ
ในชั่วพริบตารถยนต์คันนั้นก็พุ่งเข้ามา เหตุการณ์เกิดรวดเร็วจนสมองผมไม่ทันได้ตอบสนอง ได้แต่ใช้ตัวบังด้านหน้าเหออี้เอาไว้ขณะที่ใบหน้าสวยๆ ของเธอกำลังฉายแววใ “ไม่”
“ปัง”
รถสปอร์ตสีดำของเหออี้ถูกชนจนไถลออกไปนอกทางหลวง ตามด้วยเสียงดังสนั่น แล้วสมองของผมก็ว่างเปล่าไปในทันที ผลของแรงปะทะที่รุนแรงนั้นทำให้เหออี้ล้มพับคาอยู่บนที่นั่งคนขับพร้อมกับหน้าผากขาวเนียนที่ปรากฏรอยปูดโปนขึ้นมา
ผมพยายามสะบัดหัวสุดชีวิต ท่ามกลางควันโขมงมีคนหน้าตาอัปลักษณ์ 2 คนพุ่งตรงเข้ามาพลางแหกปากร้องะโลั่น “ไปดูสิว่าผู้หญิงคนนั้นตายหรือยัง”
ที่แท้พวกมันก็จงใจมาฆ่าคนโดยเฉพาะ
ผมรีบขยับตัว แขนขาของผมไม่ได้รับาเ็อะไร รู้สึกเจ็บแค่ด้านหลังนิดหน่อยเท่านั้น
ผมพยายามประคองเหออี้ออกจากรถเพราะตอนนี้เธอสลบไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย มีเด็กผู้ชายอีกคน ไปเร็ว”
สองคนนั้นพุ่งเข้ามาพร้อมกับถือกระบองเหล็กเอาไว้ด้ามหนึ่งก่อนใช้มันตีใส่ผมโดยไม่ฟังคำอธิบายใดๆ ทั้งสิ้น
“พลั่ก!”
กระบองเหล็กตีเข้าที่ไหล่ของผมอย่างแรงจนผมรู้สึกเ็ป
ผมทำอะไรไม่ได้มาก แถวนี้แทบจะไม่มีผู้คน แถมรถก็ผ่านมาน้อยมาก ตอนนี้ผมตระหนักได้แล้วว่าผมและเหออี้ตกหลุมพรางแผนลอบฆ่าที่ใครบางคนคิดมาเป็อย่างดีเข้าแล้ว
ผมยกเท้าถีบไปตรงท้องของผู้ชายตัวใหญ่ซึ่งเป็หนึ่งในพวกนั้นจนหมอนั่นต้องคุกเข่าลงไปกุมท้องตัวเองด้วยความเ็ป
จากนั้นผมก็รีบกอดเหออี้ไว้แนบอกแล้ววิ่งไปยังทางหลวงอย่างว่องไวโดยหวังแค่ว่าจะมีคนผ่านมา
แต่แล้วผมรู้สึกเจ็บจุดกดทับบนหัวไหล่อีกครั้ง เืสดๆ ไหลซึมทะลุผ่านเสื้อเชิ้ตลงมาที่บริเวณหน้าอกของผม ส่วนเหออี้ที่สลบไม่ได้สติก็ยังคงหลับสนิท อวดขนตาเส้นยาวสวยเป็แพบนใบหน้าของเธอ
“ครั้งนี้ฉันจะปกป้องเธอให้ได้ จะปล่อยให้เธอาเ็อีกไม่ได้ ต่อให้ต้องสู้จนตัวตายก็ตาม” ในเวลานี้ผมเตือนสติตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุดผมก็มาถึงทางหลวงได้อย่างทุลักทุเล จังหวะนั้นเอง ราวกับว่าฟ้ายังมีตา จึงได้ส่งรถคันหนึ่งวิ่งผ่านมาด้วยความเร็วสูง
ผมรีบเข้าไปขวางกลางถนนก่อนที่นักเลง 2 คนด้านหลังจะแกว่งกระบองเหล็กแล้วพุ่งเข้ามาอีกครั้ง
“เปิดประตูรถ”
ผมะโเสียงดังแต่ชายวัยกลางคนที่ขับรถอยู่ดูเหมือนจะไม่อยากหาเื่ใส่ตัว เขาดูกระวนกระวายไม่กล้าเปิดประตูรถ
“เปิดประตูให้ฉันสิ” ผมใช้กำปั้นทุบไปที่ประตูรถแรงๆ จนกระจกแตกจึงทำให้เขาจำใจต้องเปิดประตูอย่างรวดเร็ว
ผมดันตัวเหออี้เข้าไปในรถได้ไม่ยากแล้วะโเสียงดัง “เร็วเข้า พาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล”
ชายวัยกลางคนจำใจพยักหน้าแต่ในดวงตาของเขากลับมีความกลัวผุดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าชายตัวใหญ่ 2 คนนั้นตามมาทันแล้ว
ผมรู้ตัวว่าหนีไม่ได้แล้วจึงหมุนตัวกลับ แล้วใช้ร่างบังรถถ่วงเวลาไว้ให้เขาขับหนีไปได้
“โธ่เว้ย ไอ้เด็กนี่มันกล้าดีนักนะ ฆ่ามัน”
จากนั้นชายที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยมีดก็กระโจนเข้ามาพร้อมรอยยิ้มอันชั่วร้าย
ผมไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนมากนัก อาการาเ็ก่อนหน้านี้มันหนักหนาเกินไปจนทำให้ผมอ่อนแรงไปทั้งตัว ดังนั้นผมจึงทำได้เพียงค่อยๆ คุกเข่าล้มลงไปบนพื้น
“ผัวะ”
ผมโดนตีหัวจากด้านหลังอย่างแรงทีหนึ่งจนรู้สึกได้ถึงความแสบร้อน จากนั้นโลกก็หมุนคว้างไปหมดก่อนที่ผมจะล้มลงไปบนถนนทางหลวงอย่างแรง
ผมเห็นแต่ความมืดสลัว มองอะไรไม่ชัดเลยสักอย่าง
ผมตายแล้วเหรอ
ผมถามตัวเองด้วยประโยคเดิมๆ แต่ไม่มีใครตอบ
ผมคุกเข่าอยู่ท่ามกลางความมืด จู่ๆ ผมก็รู้สึกเ็ปและสิ้นหวังขึ้นมาขณะที่คำพูดก่อนตายของแม่ดังขึ้นราวกับกระซิบอยู่ข้างหู “ลู่เฉิน ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”
“แม่...ผมขอโทษ ผมทำไม่ได้”
“แม่ ผมกลัวมากเลย”
ผมร้องไห้ไม่หยุดแต่กลับอ้าปากและส่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้เลย ตอนนี้ความกลัวและความสิ้นหวังอันไม่มีที่สิ้นสุดกำลังแผ่คลุมไปทั่วร่างของผม
ทันใดนั้นก็มีเสียงแว่วมาข้างหู
“ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเ้าเด็กนี่เป็ใคร ทำยังไงดี”
“จะทำยังไงล่ะ ก็ฝังมันน่ะสิ บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กนี้มันแส่หาเื่เอง รนหาที่ตายเองชัดๆ”
หลังจากนั้นไม่นานผมก็รู้สึกว่าร่างกายยิ่งดำดิ่งจมลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดสติทั้งหมดก็ดับวูบลง
ตอนพลบค่ำในหมู่บ้านรกร้างห่างไกลที่เงียบสงัด มีเนินดินกองใหม่ปรากฏขึ้นกลางทุ่งนา
“ฟุ่บ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้น พร้อมกับแขนข้างหนึ่งที่โผล่ออกมาจากเนินดิน
ผมก้มลงมองมือที่เต็มไปด้วยดินอย่างแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง โดนฝังทั้งเป็นานขนาดนั้นแต่ผมก็ยังไม่ตาย นี่มันเป็ไปได้ยังไงกัน
ผมตื่นตระหนกจนพลิกตัวแล้วจึงพบว่าดินในหลุมตื้นๆ ข้างหลังมันไหลออกไปเอง ตัวผมถูกฝังลึกลงไปประมาณ 20 เิเโดยไม่ได้มีดินกลบอย่างแ่าเท่าใดนัก หากคิดตามนั้น บางทีผมอาจจะมีอากาศพอให้หายใจและยังเป็การอธิบายได้เป็อย่างดีว่าทำไมผมจึงยังไม่ตาย
“โอ๊ย”
ผมโอดครวญออกมาเพราะเจ็บแปลบด้านหลังศีรษะราวกับมีอะไรฉีกขาด แรงหวดที่ทำให้ผมสลบจนเกือบตายนั้นรุนแรงจริงๆ ที่รอดตายมาได้ถือเป็ความโชคดีบนความโชคร้าย
ผมมองไปรอบๆ ก็พบว่าท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว ตอนนี้คงค่ำแล้ว
โทรศัพท์ผมหายไปแล้ว เสื้อบนหัวไหล่ด้านหลังเปื้อนเืสีแดงฉาน แค่การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ความเ็ปพุ่งขึ้นมาทันที
ถึงจะโชคดีรอดตายมาได้แต่สมองของผมกลับยังเป็ห่วงสถานการณ์ของเหออี้ เธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้วจะปลอดภัยดีหรือไม่ แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงต้องตามฆ่าเธอด้วย ตอนนี้มีปริศนาอีกมากมายที่ผมยังคิดไม่ออก
ผมคิดมากขนาดนั้นไม่ไหวแล้ว ดังนั้นผมจึงตัดสินใจว่ากลับบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากัน แต่แล้วท้องของผมส่งเสียงร้องขึ้นมา จนถึงตอนนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทนหิวมานานแค่ไหนแล้ว
ผมเดินกะเผลกมาถึงทางหลวงอย่างยากลำบาก ยังรู้สึกสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าตอนที่เหออี้ตกอยู่ในอันตรายทำไมผมถึงตอบสนองออกไปโดยใช้ร่างกายของตัวเองบังเธอไว้ไม่ให้ได้รับาเ็โดยไม่ยั้งคิด ทั้งหมดนี้มันเป็เพราะอะไรกันแน่
ผมส่ายหัวไปมา คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าทำไม
รถรับส่งนอกเมืองนั้นมีน้อยมาก ผมต้องรอถึงครึ่งชั่วโมงกว่าในที่สุดจะมีรถผ่านมาคันหนึ่ง ตอนผมขึ้นรถ คนขับทำหน้าเหมือนเห็นผีระหว่างที่จ้องมองผมเดินขึ้นไป “เฮ้พวก นายไปตกน้ำมาหรือไง?”
ผมพยักหน้ายิ้มๆ “ประมาณนั้นเลย โชคร้ายจริงๆ”
ตัวรถโคลงเคลงไปตลอดทาง มือถือของผมหายไปแล้ว แต่โชคยังดีที่บัตรที่เหออี้ให้ไว้ยังอยู่ ถ้าเป็แบบนี้ก็คงพอรับประกันชีวิตต่อจากนี้ของผมได้ คืนพรุ่งนี้จะเป็วันเปิดตัวเทียนจ้งอย่างเป็ทางการ ถ้าอาศัยความสามารถในการเล่นเกมของผม แม้จะไม่ได้สร้างรายได้มากมายมหาศาล แต่อย่างน้อยถ้ามีข้าวกินอิ่มท้องได้ก็ถือว่าดีแล้ว
ผมยกมือลูบด้านหลังศีรษะที่ยังรู้สึกปวดแปลบอยู่นิดหน่อย ในใจก็เริ่มสงสัยว่าถูกตีด้วยของแข็งาเ็สาหัสจนเกรงว่ากระดูกศีรษะอาจจะแตกขนาดนั้น แถมยังถูกฝังดินอีกตั้งไม่รู้นานแค่ไหน แล้วทำไมผมถึงยังเดินออกมาแบบมีชีวิตได้อยู่อีกนะ
ผมหันหลังไปดูตรงที่ผมถูกฝังในความมืด มันเป็ที่ที่ยังไม่เจริญ ดูเหมือนจะเป็ป่าช้าที่มีเนินดินเตี้ยและป้ายหลุมศพตั้งอยู่ด้านข้าง
คิดได้ครู่เดียวผมก็พลันหัวเราะให้กับตัวเอง “ช่างมันเถอะ กลับมามีชีวิตได้ก็ดีแล้ว จะไปคิดมากขนาดนั้นทำไม”
กว่าจะมาถึงที่พัก ฟ้าก็มืดไปหมดแล้ว ที่พักของผมมี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น และต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละ 2,200 หยวน อืม ที่จริงเดือนก่อนผมเกือบโดนไล่ออกเพราะไม่มีเงินจ่ายด้วย โชคดีที่เพื่อนคนหนึ่งใจดีให้เงินมาจ่ายถึงรอดมาได้ แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ผมต้องจ่ายเป็การแลกเปลี่ยนกับเพื่อนคนที่ให้ผมยืมเงินก็คือดาบคู่อาวุธเทพเกรดต่ำที่ผมมีอยู่ในมือ ยอมยกให้มันไปเล่นจนกว่าจะสะใจ ถึงอย่างนั้นในอีกไม่กี่วันหลิงโถ้งก็จะปิดตัวลงแล้ว อันที่จริงไอเทมพวกนั้นก็ไม่มีค่าอะไรมากมายแล้วล่ะ
ผมเดินขึ้นบันไดที่มืดสนิทแล้วล้วงกุญแจออกมาด้วยความเคยชิน แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีเงาคนพุ่งพรวดออกมาจากด้านในประตูห้องของผม
“บ้าเอ๊ย ทำไมนายถึงเพิ่งกลับมาเอาตอนนี้ สองวันนี้หายไปทำอะไรมา ขนาดโทรศัพท์ก็ไม่รับ”
แค่ฟังจากเสียงผมก็รู้ว่าใคร
ตู้สือซานเป็เพื่อนที่ดีที่สุดของผม ที่บอกว่าดีก็หมายความว่า ฉัน้าของดีของนาย นาย้าของดีของฉันนั่นแหละ ความสัมพันธ์ของผมกับตู้สือซานเกิดขึ้นั้แ่เป็เพื่อนกันตอนชั้นประถมถึงมหาวิทยาลัยนั้นดีมาก นอกจากเื่แฟนแล้วก็ไม่มีเื่ไหนที่เราไม่แบ่งปันกัน ระหว่างเราสองคนแทบไม่มีความลับต่อกัน แน่นอนว่าที่ไม่แบ่งปันเื่แฟนกันก็เพราะว่าผมไม่มีแฟนั้แ่ต้นไงล่ะ ส่วนตู้สือซานนั้นเปลี่ยนแฟนคนแล้วคนเล่า เปลี่ยนไวกว่าผู้หญิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียอีก
ตู้สือซานมองผมที่อยู่ภายใต้แสงไฟสลัวแล้วพูดออกมาด้วยความใ “ลู่เฉิน นายไปทำอะไรมาถึงได้ดูแย่ขนาดนี้ ฉันได้ยินมาว่านายถูกจูหยิ่งล่วนฆ่าจนลบบัญชีไปแล้ว ตอนนี้จูหยิ่งล่วนเหมือนพระอาทิตย์ที่อยู่กลางท้องฟ้า พวกมันมีอำนาจครอบคลุมทั้งประเทศจีนแล้ว กลุ่มนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ของพวกนายไม่มีทางเทียบได้เลยจริงๆ”
ผมยิ้มบางแล้วตบไหล่ตู้สือซานพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็ไรหรอก ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้จูหยิ่งล่วนแค่อยู่ใน่ขาขึ้น แต่อีกเดี๋ยวก็ถึงขาลงแล้ว อีกอย่างฉันแค่โดนลบบัญชีเอง เื่เล็กน่ะ วัยรุ่นต้องคิดบวกหน่อยสิ”
“คิดบวกกับน้องแกสิ” ตู้สือซานทำหน้าหมดหนทาง “ตกลงว่าให้ฉันมาปลอบนายหรือให้นายมาปลอบฉันกันแน่เนี่ย”
“สือซาน ทำไมนายมาอยู่ที่ห้องฉันได้ล่ะ” ผมพูดพร้อมกับจ้องไปที่เขา “คืนพรุ่งนี้เป็คืนเปิดตัวเทียนจ้ง นายไม่กลับไปเตรียมเสบียงเหรอ มาที่นี่ทำไม?”
ตู้สือซานกัดแตงกวาคำหนึ่งแล้วแสดงสีหน้าใออกมา “นายสับสนแล้ว วันเปิดตัวอย่างเป็ทางการของเทียนจ้งคือเที่ยงคืนวันนี้ต่างหาก จะเป็พรุ่งนี้ได้ยังไง?”
“วันนี้อะไรกัน วันนี้วันที่เท่าไหร่?” ผมสับสนนิดหน่อย
“วันที่ 10 ไง หรือไม่ใช่ล่ะ?”
“วันที่ 10”
ผมตะลึงงันไปพักหนึ่ง ผมเจอกับเหออี้ในวันที่ 8 แต่วันนี้กลายเป็วันที่ 10 ไปแล้ว แสดงว่าผมสลบไปตั้ง 1 วัน 1 คืนเลยทีเดียว นี่มันเป็ไปได้ยังไงกัน
“เฮ้ยเพื่อน นายไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
ตู้สือซานตบไหล่ผมแล้วถามออกมา “ทำไมต้องทำท่าเหมือนใด้วยล่ะ วันนี้วันที่ 10 นี่ มีอะไรผิดไปเหรอ?”
ผมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดออกมายิ้มๆ “ไม่มีอะไร ถ้าอย่างนั้นวันนี้เทียนจ้งก็จะเปิดตัวแล้วสินะ แล้วทำไมนายถึงมีเวลาโผล่มาเดินเล่นที่นี่ล่ะ?”
“ไอ้บ้าเอ๊ย แกนี่ไม่ได้สำนึกเลย” ตู้สือซานพูดจนน้ำลายแตกฟอง “2 วันมานี้ติดต่อนายไม่ได้ กังวลว่านายจะตายไหมเลยมาดูนี่ไงล่ะ นายกลับมาแล้วงั้นฉันก็จะกลับ คงจะถึงบ้านก่อนเที่ยงคืนนั่นแหละ เราค่อยคุยกันในเกมแล้วกัน นายคิดจะตั้งชื่อไอดีว่าอะไรล่ะ ลั่วเฉิน (เม็ดฝุ่นลอยร่วง) เหมือนเดิมเหรอ?”
“ฉันก็ไม่รู้ คงไม่แล้วล่ะ แล้วนายล่ะจะใช้ชื่ออะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มีคนแย่งลงทะเบียนชื่อเยอะเกินไป ตอนแรกฉันคิดว่าจะใช้ชื่ออย่างหนุ่มสง่าหรือสุภาพบุรุษสุดหล่อแต่ดูแล้วโอกาสที่จะแย่งลงทะเบียนให้ได้ชื่อพวกนี้มาคงยาก”
“อืม งั้นนายกลับไปก่อนเถอะ รอให้ออกจากหมู่บ้านเริ่มต้นค่อยติดต่อกันก็ยังไม่สาย”
“โอเค งั้นฉันไปก่อนนะ ฉันเอาเนื้อวัวสไลด์มาให้นายด้วย จริงๆ อยากชวนนายดื่มด้วยกันสักสองสามแก้วแต่นายกลับมาดึกไป ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”
ผมยื่นหน้าไปดู จริงๆ ด้วย บนโต๊ะมีเนื้อวัววางอยู่แถมยังมีบรั่นดีอีกหนึ่งขวด พอเห็นแบบนั้นผมก็อดจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจไม่ได้ ถึงชีวิตจะเจอเื่แย่มาหลายปี แต่ดีร้ายยังไงก็ยังมีพี่น้องคนนี้อยู่
สือซานออกไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเงาที่ทอดยาวออกไปภายใต้แสงไฟ ในเกมเขาก็ไม่ได้เก่งถึงขั้นเป็มือโปร แทบจะเรียกได้ว่าเป็มือสมัครเล่นด้วยซ้ำ คนอื่นสามารถสร้างตำนานไว้ให้เป็ที่กล่าวขานได้ แต่เขากลับทำได้แค่ทิ้งเงาจากด้านหลังไว้ให้ดูเท่านั้น