เส้นทางมุ่งสู่ฝั่งฝัน
เสียงกระซิบจากแดนไกล
กระบี่เหล็กเปื้อนโลหิต
โปรดชี้นำทางข้างหน้าแก่ข้า
น้ำพุบริสุทธิ์ล้างผงธุลีทั้งร่างสิ้น
แบกความเหนื่อยล้าเริ่มการเดินทางครั้งใหม่
คาวเืและน้ำตาแผ่ขยายออกไปสุดสายตา การฆ่าฟันยังคงดำเนินต่อไป
ดวงใจข้า โปรดอย่าร่ำไห้เพราะข้าเลย
เฝ้าอธิษฐาน อย่าได้ตกเป็ทาสของปีศาจร้าย
ข้าจะคุ้มครองเ้า ต่อให้ต้องทุ่มเทหมดทั้งชีวิตของข้าก็ตาม
......
แสงจันทร์ส่องไสว กลิ่นหอมสดชื่นของดอกหญ้าโชยมาพร้อมกับสายลมอบอุ่นของวสันตฤดูที่พัดผ่านป่าทึบ พาให้พฤกษาพลิ้วไหวลู่ไปตามลม
ทันใดนั้นเงาของสองร่างก็โฉบผ่านก่อนจะจมหายไปในเงามืดของแนวป่า
“ซู่ๆ...”
ฝ่าเท้าย่ำลงบนต้นหญ้าอ่อนนุ่ม ผมแหงนหน้ามองดวงดาวเต็มท้องฟ้าพลางรู้สึกหดหู่ใจจนพูดไม่ออก
ทำลายไปอีกแล้ว
เพื่อนร่วมทางข้างกายผมคือนักธนูสาวงามผู้ปราดเปรื่อง แสงจันทร์งดงามน่าหลงใหลทว่าเยือกเย็นสาดส่องลงบนร่างของเธอ อาบย้อมใบหน้างามอ่อนเยาว์ที่ไม่มีใครเหมือนด้วยแสงทอประกาย
“ฟู่...”
เธอพิงกายกับต้นสนเก่าแก่ บนใบหน้างดงามเปื้อนความเหนื่อยล้าและความไม่เต็มใจปรากฏให้เห็น ่อกขยับขึ้นลง ในมือของเธอกำดาบเรียววาววับไว้แน่น หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือด เสื้อเกราะของเธอก็แตกร้าวเป็รอยแยกจนเผยให้เห็นเนินอกที่เกือบจะสมบูรณ์แบบอยู่รำไร เกราะที่หุ้มแขนและขาก็เกิดรอยร้าวเช่นเดียวกัน จนทำให้สองขาขาวนวลโผล่ออกมาัักับสายลมในขุนเขา ส่วนเสื้อคลุมสีขาวที่เธอสวมใส่ชุ่มไปด้วยเืสีสด สภาพเหมือนถูกฉีกจนกลายเป็เศษผ้า
“ไม่ต้องวิ่งแล้ว ลู่เฉิน” ใบหน้าแดงก่ำของเธอมองมาที่ผม
“ทำไมถึงไม่ต้องวิ่งแล้วล่ะ?” ผมถามด้วยความประหลาดใจ
เธอโบกมือไปมา “ก็แค่เร็วกว่าแผนที่วางไว้สองวัน ทิ้งไฟลูกใหญ่ใส่พวกมันอีกลูก จากนั้นพวกเราก็ลบบัญชีทิ้ง!”
“อื้ม ตามที่พี่บอก พี่ใหญ่”
ผมพยักหน้า แล้วค่อยๆ ยกฝ่ามือที่เต็มไปด้วยคราบเืขึ้นมา
“ยิง!”
ธนูไฟหนึ่งลูกพุ่งผ่านท้องฟ้าขึ้นไปแล้วแตกออกกลางอากาศอย่างฉับพลัน ก่อนจะเปลี่ยนเป็ลูกไฟลูกเล็กๆ นับพันนับหมื่นตกลงสู่พื้นดิน แล้วทันใดนั้นผืนป่าทั้งหมดก็กลายเป็ทะเลเพลิง
“อ๊าก...”
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นนับพันที่ไล่ฆ่าพวกเราถูกเปลวไฟแผดเผาจนไหม้เกรียมไปหมด จากนั้นร่างไหม้เกรียมของพวกมันก็ค่อยๆ ล้มลงสู่กองเพลิงทีละร่าง
ผมผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ “เรียบร้อย”
“อื้ม” หญิงสาวพยักหน้า “ไปกันเถอะ เริ่มการเดินทางครั้งใหม่ของพวกเรากัน!”
ผมแบมือออก จากนั้นแสงสว่างที่เกิดจากกลุ่มตัวเลขมหาศาลก็ลอยวนอยู่เหนือฝ่ามือ ในเสี้ยวนาทีถัดมาร่างของผมก็เริ่มจางหายไป ขณะเดียวกันนั้นนักธนูโฉมงามที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมก็ยกยิ้มและพยักหน้ามาให้ จากนั้นเธอก็กางนิ้วมือทั้งห้าที่เรียวยาวดุจต้มหอมขึ้นมาเหมือนกัน จากนั้นมีตัวเลขลอยล่องขึ้นมา แล้วร่างของเธอก็สลายหายไปจากป่าลึกลับเสมือนจริงแห่งนี้พร้อมกับผม
......
“ฟู่...”
ผมถอนหายใจยาวก่อนถอดหมวกเล่นเกมออก
ในที่สุดก็จบลงแล้ว
2 ปีในหลิงโถ้ง (จิติญญาร่ำไห้) ทำาจากเหนือจรดใต้ ผมทั้งภาคภูมิ เ็ป มีทั้งเพื่อนพ้องและศัตรู...แต่สุดท้ายก็ต้องออกจากโลกเสมือนจริงแห่งนี้
บนโต๊ะใกล้ๆ กันมีหมวกเล่นเกมอีกใบวางอยู่ บนหมวกมีตัวอักษรลวดลายและสีสันสะดุดตาเขียนว่า เทียนจ้ง! (์ล่ม)
ถูกต้อง หลังจากที่ทีมสร้างเกมสุดแกร่งที่สุดในโลกอย่างบริษัทเยวี่ยเหิง (จันทรานิรันดร์) ปล่อยเกมหลิงโถ้งออกมา พวกเขาก็เปิดตัวโปรเจกต์เกมใหม่ที่มีชื่อว่าเกม “เทียนจ้ง” ต่อสาธารณชนอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งจนได้รับการขนานนามว่าเป็เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค เพราะไม่ว่าจะเป็การออกแบบเกมหรือจำนวนบัญชีผู้เล่น พวกเขาครองตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้ได้แต่เพียงผู้เดียว ภายในเดือนเดียวยอดขายหมวกก็ปาเข้าไปกว่า 8 ร้อยล้านใบแล้ว แถมยังสามารถยึดครองส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้มากกว่า 95% ด้วย
เกมเทียนจ้งจะเปิดตัวเป็ทางการตอนเที่ยงคืนในอีกสองวัน ไม่มี่ทดสอบระบบหรือ่เปิดให้เล่นอย่างเต็มรูปแบบ และนี่เป็หนึ่งในเหตุผลที่ผมออกจากเกมก่อน จากนั้นเมื่อคนอื่นๆ ได้รับข่าวนี้ทีมต่างๆ ก็เตรียมล็อกเอาต์จากเกมหลิงโถ้งเพื่อไปเริ่มต้นพัฒนาตัวเองในเกมใหม่ทันที แม้แต่พวกเราก็ไม่เว้นเหมือนกัน
หมวกเกมเทียนจ้งแบ่งออกเป็ 4 ระดับ คือ ระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูงและระดับวีไอพี ราคาจะแตกต่างตามแต่ละระดับไป ส่วนของผมเป็หมวกระดับวีไอพี ด้านข้างของหมวกยังพิมพ์ตัวอักษรสีน้ำเงินเล็กๆ เอาไว้ว่า CGL หอเกียรติยศ ลั่วเฉิน (เม็ดฝุ่นลอยร่วง)
ใช่แล้ว ผมชื่อลู่เฉิน
ทุกหนแห่งในยุทธภพแห่งนี้ต่างก็มีตำนานของผมอยู่ทุกที่
......
“เฮ้อ...”
ผมหัวเราะกับตัวเองก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้วพบว่ารูปโพรไฟล์รูปหนึ่งใน msn กำลังสั่นและเขียนชื่อนั้นไว้ว่า “พี่ใหญ่” คนคนนี้คือท่านผู้นำคนสวยของผมเอง
ผมลองคลิกดูจึงเห็นว่าเธอทิ้งข้อความเอาไว้ว่า “พรุ่งนี้เช้าเรามาเจอกันไหม? นัดสถานที่มาสิ”
“พรุ่งนี้เช้า 9 โมงตรง หน้าโรงยิมถนนซานเซียง”
เธอรีบตอบข้อความกลับมาทันที “โอเค ไอเทมของเรา ฉันขายทิ้งไปแล้ว บวกกับเงินเดือนของนายทั้งหมดก็รวมเป็ 200,000 กว่า ฉันทำบัตรใหม่ให้แล้วด้วย พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปให้”
“อืม”
ผมสลัดอารมณ์ทุกอย่างทิ้งไปแล้วเอนตัวลงบนเตียงพลางนึกถึงเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นใน่สองปีนี้ ชีวิตคนมีทั้งขึ้นสูงและลงต่ำโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลย
ผมอยู่กับพี่ใหญ่มาปีกว่าแล้วแต่กลับไม่เคยเจอเธอเลยสักครั้ง แถมเธอยังบอกอีกว่าตัวละครในเกมน่ะมันปรับเปลี่ยนได้ ตัวจริงของเธอจริงๆ แล้วอย่างกับไดโนเสาร์ ไม่ใช่สาวสวยอะไรหรอก
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก
......
เช้าวันรุ่งขึ้นผมลุกจากที่นอนแต่เช้า ก่อนจะใส่ชุดลำลองแล้วออกเดินไปตามถนน ที่พักของผมห่างจากโรงยิมไม่ไกลนัก ดังนั้นผมจึงใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น
ผมกังวลใจเล็กน้อยก่อนที่จะกดเบอร์โทรศัพท์หาพี่ใหญ่ “พี่ใหญ่ พี่รูปร่างหน้าตาเป็ยังไง ผมจะมองออกได้ยังไงว่าเป็พี่”
ปลายสายมีเสียงหัวเราะตอบกลับมา “เ้าเด็กโง่เอ๊ย พอนายไปถึงหน้าโรงยิม คนที่สะดุดตาที่สุดนั่นแหละคือฉัน พี่ใหญ่ของนาย”
“อืม”
ผมวางสายลง เมื่อมาถึงป้ายรถโดยสารของโรงยิมผมก็หยุดรอและมองไปรอบๆ
ที่ป้ายรถโดยสารมีคนอยู่ 7-8 คน ไม่ไกลกันนักมีรถสปอร์ตสีดำใหม่เอี่ยมดูหรูหราสวยงามจอดอยู่คันหนึ่ง ผมดูไม่ออกว่ามันเป็ยี่ห้ออะไรแต่มันก็น่าจะแพงหูฉี่เลยล่ะ
ถึงเวลาแล้วแต่พี่ใหญ่ยังไม่โผล่มาให้เห็นสักที
ผมชักจะอดทนรอไม่ไหวแล้วจึงควักโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเธออีกครั้ง
แต่ทันใดนั้นทุกคนก็พบว่าเ้าของรถสปอร์ตแบรนด์เนมคันนั้นก็คือสาวสวยราวกับเทพธิดา ดวงตาของเธอเป็ประกาย ฟันขาวกระจ่างใส ความสวยของเธอน่ามองจนจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศได้เลยทีเดียว เธอยิ้มน้อยๆ ขณะที่ผมยาวของเธอโบกพลิ้วไปตามสายลม ท่าทางรอยยิ้มเล็กๆ ของเธอ แบบนั้นช่างสง่างามชวนหยุดหายใจ พวกหนุ่มสาวที่อยู่ตรงป้ายรถประจำทางต่างก็ตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าคนบนรถสุดหรูจะเป็หญิงสาวที่งามล่มเมืองขนาดนี้
......
นี่เป็ครั้งแรกที่ผมได้เจอเหออี้ เธอสวย ท่าทางดูเป็กันเองและเป็ธรรมชาติ รู้สึกราวกับมีฟ้าแลบแปลบปลาบสว่างไสวปลดเปลื้องชีวิตที่วุ่นวายของผมออกไป แล้วทันใดนั้นในหัวสมองของผมก็ว่างเปล่า ผมมองไม่เห็นสิ่งต่างๆ ตรงหน้าเลยแม้แต่อย่างเดียว สิ่งเดียวที่ผมเห็นก็คือความงดงามอันเป็เอกลักษณ์ราวกับแสงสว่างที่สาดส่องลงมาจากท้องฟ้าของเธอ และนั่นก็ดึงดูดให้ผมเดินไปหาเธออย่างช่วยไม่ได้
แต่สาวสวยคนนั้นกลับไม่สนใจสายตาคนอื่น เธอยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรก่อนที่มุมปากสีแดงระเรื่อจะขยับขึ้นเล็กน้อยแล้วแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
“ตู๊ดๆๆ...”
โทรศัพท์ผมดังขึ้น ปลายสายมีเสียงพี่ใหญ่ดังเข้ามา “ลู่เฉิน ทำไมนายถึงยังไม่มาอีก?”
ผมสับสนจนแทบไม่อยากเชื่อ พี่ใหญ่ที่ติดตามมาเกือบ 2 ปีคือสาวสวยที่อยู่ตรงหน้านี้จริงๆ เหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็โกหกผมน่ะสิ เธอคือสาวสวยจริงๆ สวยจนแทบหยุดหายใจ สวยจนโลกตะลึง
“พี่ใหญ่ ผมมาตั้งนานแล้ว”
ผมรู้สึกอายจังตอนที่ถือโทรศัพท์ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
หญิงสาวหันมามองผมและเผยรอยยิ้มที่แสนน่าประทับใจออกมา จากนั้นเธอเปิดประตูแล้วยิ้มให้ “คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นาย งั้นรีบขึ้นรถเถอะ วันนี้ฉันจะพานายไปที่แห่งหนึ่ง”
ผมได้ขึ้นรถของสาวสวยต่อหน้าต่อตาผู้คนมากมายโดยมีสายตาอิจฉาริษยาประหนึ่งดาบแหลมคมนับไม่ถ้วนคอยทิ่มแทงอยู่ด้านหลัง
“พี่ใหญ่ ผมคิดไม่ถึงเลยว่าพี่...”
“ฉันทำไม?” เธอหันมาหัวเราะเบาๆ ดวงตางดงามเต็มไปด้วยความขบขัน
ผมกลืนน้ำลายและไม่พูดอะไรต่อ คอเสื้อแบบผู้หญิงที่เธอใส่มาร่นลงต่ำมากจนเผยให้เห็นรอยแยกสีขาวราวหิมะชวนให้ใจเต้นอยู่ตรงหน้า และส่วนที่เป็ร่องลึกลงไปก็ยิ่งทำให้คนมองลุ่มหลงมากยิ่งขึ้น ภาพที่น่าดึงดูดเช่นนี้ช่างทำให้คนมองรู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในหัวจริงๆ
ข้างๆ คอเสื้อของพี่ใหญ่ติดบัตรพนักงานบริษัทที่ดูหรูหราอยู่ตรงหน้าอก แสดงให้เห็นว่าเธอมาหาผมในเวลาทำงาน บนบัตรนั้นมีชื่อบริษัทเขียนเอาไว้ว่า “gg” แล้วบรรทัดล่างก็เป็ชื่อของพี่ใหญ่— เหออี้! แต่ที่น่าใไปกว่านั้นคือ ข้างๆ ชื่อได้เขียนตำแหน่งงานเอาไว้ด้วย คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็รองประธานภาคพื้นเอเชีย!
“พี่ใหญ่ พี่ชื่อเหออี้เหรอ?” ผมถามออกไป
“อืม ชื่อนี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?” เธอหัวเราะเบาๆ ในขณะเดียวกันก็สตาร์ตรถไปด้วย “ลู่เฉิน มีแผนอะไรในอนาคตไหม? หรือมีความฝันอะไรหรือเปล่า?”
“ความฝัน?”
ผมครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดไปยิ้มไป “ความฝันของผมก็คือนับจากวันพรุ่งนี้ไปผมจะย้ายไปอยู่ในป่าเขา ทำตัวให้เป็คนที่มีความสุข ให้อาหารม้า ก่อฝืน เดินทางรอบโลก นับจากพรุ่งนี้ผมจะใส่ใจเื่อาหารการกิน จะสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ หันหน้าไปทางทะเล พร้อมกับดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ...”
“โธ่!”
เหออี้อดขำขึ้นมาไม่ได้ “นายนี่ดูไม่มีอนาคตเอาซะเลย มา...เดี๋ยวพี่ใหญ่จะเป็แสงสว่างนำทางให้นายเอง! ไป ฉันพานายไปสถานที่แห่งหนึ่ง”
“ที่ไหนเหรอ?”
ผมนั่งอยู่ข้างที่นั่งคนขับและรู้สึกกังวลนิดหน่อย
เหออี้ยิ้มน่าสงสัยแล้วยักคิ้วเล็กน้อย “สถานที่ที่จะทำให้ความฝันเป็จริงไงล่ะ สมาคมนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรากำลังจะสร้างสำนักงานเกม* ระดับไฮคลาสขึ้นมาแล้ว สมาชิกที่สำคัญๆ ของสำนักงานเกมจะต้องย้ายเข้ามาทำงานที่นี่ และนายก็เป็คนแรกที่ฉันนึกถึง”
“สำนักงานเกมเหรอ?”
ผมรู้สึกสับสน ผมตัวคนเดียวมาแต่ไหนแต่ไรแต่ตอนนี้กลับจะได้เข้าทำงานที่สำนักงานเกมเนี่ยนะ?
“พี่ใหญ่ ผมอยากจะ...” ผมเงียบไปสักพักแล้วพูดออกไปอีกประโยค “ความจริงจะมีหรือไม่มีนิมิติญญาดาบศักดิ์สิทธิ์ผมก็เหมือนเดิมนั่นแหละ...”
ดวงตางามสง่าของเหออี้เหลือบมองมาแวบหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดออกมา “อย่าพูดอะไรไร้สาระน่า บอกให้มาก็มา!”
ผมได้แต่เงียบไป 2 ปีที่ติดตามเหออี้ ความเด็ดเดี่ยวของเธอเป็ที่ประจักษ์แก่ทุกคน เื่ที่เหออี้ตัดสินใจแล้ว พวกเราทำได้เพียงยอมรับมัน
ผมไม่ได้พูดอะไรอีก เหออี้เองก็ตั้งใจขับรถต่อไป เธอแค่แอบมองผมบ้างในบางครั้งแล้วมุมปากของเธอก็แอบยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
จากนั้นเหออี้ก็ยื่นบัตรใบหนึ่งให้ผม มันคือรายได้ครึ่งปีที่ผ่านมาของผมนั่นเอง รถของเหออี้วิ่งออกจากเมืองด้วยความรวดเร็วและบนท้องถนนก็มีรถวิ่งไปมาน้อยลงเรื่อยๆ
ผมไม่รู้เลยว่าเวลายามสายที่เงียบสงบแบบนี้ ชีวิตของผมจะเปลี่ยนไปนับแต่นั้น ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตของผมจะได้มาเดินบนทางอีกสายหนึ่ง...
*สำนักงานเกม ในที่นี้หมายถึง ห้องทำงานที่มีทีมงานเป็ผู้เล่นเกมฝีมือดีมารวมตัวกัน ภายในห้องที่มีอุปกรณ์เล่นเกมที่ทันสมัย ประสิทธิภาพสูงและครบครัน ทำรายได้ด้วยการช่วยกันเล่นเกมให้ผ่านด่าน เก็บไอเทมในเกมแล้วเอาไปขายต่อ หรือวิธีอื่นๆ ร่วมด้วย