เมื่อสำรวจชั้นล่างจนหมดแล้ว พวกเขาตัดสินใจขึ้นไปชั้นบน ทั้งสี่ค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปอย่างระมัดระวัง พยายามไม่แตกแถว เสียงเพลงอันน่าขนลุกยังคงดังก้องอยู่ไม่ขาดสาย ทุกคนรู้สึกถึงความอันตรายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าอะไรจะรออยู่บนชั้นสอง
บันไดไม้เก่าดังลั่นทุกย่างก้าว เสียงนั้นราวกับจะปลุกิญญาร้ายให้ตื่นขึ้น เอ็ดเวิร์ดนำหน้าขึ้นบันไดเป็คนแรก ใบหน้าของเขาเด็ดเดี่ยว สายตาจับจ้องไปยังความมืดเบื้องหน้า
เมื่อเท้าของเอ็ดเวิร์ดแตะขั้นบันไดสุดท้าย เขาชะงักกึก ยกมือขึ้นให้สัญญาณกับคนที่เหลือให้หยุด เอ็ดเวิร์ดส่งความคิดถึงทุกคนทันที 'ได้ยินเสียงแปลกๆ นอกเหนือจากเพลงที่เราได้ยินมาตลอดบ้างไหม?'
'เสียงอะไรหรือครับ?' โจเซฟถามผ่านการเชื่อมต่อทางจิต มือของเขากำดาบแน่นจนเห็นเส้นเืปูดโปน
เอ็ดเวิร์ดสมาธิจดจ่อตั้งใจจำแนกเสียงที่ได้ยิน 'เสียงหมาเห่าหอน... และเสียงหัวเราะของผู้หญิง มาจากทุกทิศทาง ราวกับอยู่รอบตัว'
ชาร์ลส์ โจเซฟ และแอนดรูว์มองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากฮัมเพลงน่าขนลุกที่ดังมาตลอด เสียงที่เหมือนจะแทรกซึมเข้าไปในกระดูก ทำให้รู้สึกหนาวสั่น
'ไม่ได้ยินเหรอ?' เอ็ดเวิร์ดถามอีกครั้ง สีหน้าของเขาเคร่งเครียดจนเห็นเส้นเืที่ขมับ
ทั้งสามส่ายหน้า ความกังวลฉายชัดในดวงตาของพวกเขา
'เราต้องระวังตัวให้มากขึ้น ฉันคิดว่าเราใกล้จะเจอต้นตอของเื่นี้แล้ว เตรียมพร้อมรับมือ'
เมื่อแต่ละคนเท้าเหยีบบันไดขั้นสุดท้ายสู่ชั้นสอง เสียงฮัมเพลงหายไปทันที แทนที่ด้วยเสียงหมาเห่าหอน และเสียงพูดคุยของสตรี พวกเขาเปลี่ยนการจัดแถวใหม่ เอ็ดเวิร์ดและโจเซฟ ซึ่งเป็ผู้ยกระดับตัวตนเดินนำหน้า ส่วนแอนดรูว์และชาร์ลส์คอยระวังหลัง ทั้งสี่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตามทางเดินมืดของชั้นสอง
ทางเดินแคบและมืดสลัว ไร้เสียงลมพัดผ่าน
ขณะที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ ชาร์ลส์รู้สึกถึงความเย็นะเืที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง แม้อากาศในบ้านจะไม่ร้อน แต่เหงื่อกลับไหลออกมาไม่หยุด มือที่กำดาบแน่นเริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขาพยายามสะกดกลั้นความกลัว จ้องมองไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง
ทันใดนั้น ที่ปลายทางเดินมืด พวกเขาเห็นแสงสลัว ส่องออกมาจากห้องหนึ่ง กลิ่นคาวเืและกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมา เสียงเพลงที่เคยหายไปดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ห้องนั้น
เอ็ดเวิร์ดส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุด เขาค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนั้น แล้วถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว
'ในห้องมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอกำลังร้องเพลง และมีศพสองศพอยู่กับเธอ'
ชาร์ลส์รู้สึกวูบโหวงในท้อง น้ำลายเหนียวหนืดจุกอยู่ในลำคอ เขาไม่นึกเลยว่าประสบการณ์แรกในการทำงานกับหน่วยพิเศษ จะได้เจอเหตุการณ์ที่น่าสยองขวัญเช่นนี้
'ศพเ่าั้...' เอ็ดเวิร์ดพูดต่อ 'พวกมันเคลื่อนไหวได้ มองเห็นกระดูกและเนื้อที่เน่าเปื่อย แต่พวกมันยังคงเคลื่อนไหว'
แอนดรูว์กำปืนในมือแน่นขึ้น นิ้วเตรียมพร้อมที่จะเหนี่ยวไกทุกเมื่อ ส่วนโจเซฟยืนนิ่ง สมาธิจดจ่อ
'ทุกคนเตรียมพร้อม ระวังตัว เราไม่รู้ว่าพวกมันมีความสามารถอะไร'
ทั้งสามพยักหน้ารับ พวกเขาสูดหายใจลึก เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่กำลังจะเผชิญเบื้องหน้า เอ็ดเวิร์ดนับถอยหลังในใจ แล้วพวกเขาก็ก้าวเข้าไปในห้องพร้อมกัน
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้แอนดรูว์และโจเซฟเกือบชะงัก ส่วนชาร์ลส์ตาค้างไปแล้ว หญิงสาวในชุดขาวเปื้อนเืนั่งอยู่กลางห้อง ถูกโอบกอดด้วยศพสองศพ พร้อมกลิ่นเน่าเหม็นและกลิ่นคาวเืรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก
ศพทั้งสองถูกตรึงยึดไว้ด้วยเส้นเอ็นสีเื หน้าตาของศพมีความคล้ายคลึงกับสตรีที่กำลังฮัมเพลงอยู่อย่างน่าพิศวง ศพที่ดูมีอายุมากที่สุดขยับปากพูดออกมาว่า "แขกมาถึงแล้ว" ด้วยเสียงแหบแห้งดังก้องในห้อง พร้อมกับหันคอมาจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าไร้แววแห่งชีวิต
ชาร์ลส์สังเกตเห็นว่าคอของศพนั้นขาดออกจากกัน แต่ถูกยึดไว้ด้วยเส้นเอ็นสีเืที่เย็บไว้ ไม่ให้หล่นลงมา การเคลื่อนไหวของศพดูผิดธรรมชาติอย่างยิ่ง ราวกับถูกเชิดด้วยเชือกที่มองไม่เห็น
หญิงสาวหยุดร้องเพลง เงยหน้าขึ้นมองผู้มาเยือนด้วยดวงตาว่างเปล่า ริมฝีปากซีดเผือดของเธอขยับ "พวกคุณเป็คนดีหรือคนเลวกันนะ?" น้ำเสียงน่ารักสดใส ถูกถามออกมาในสถานที่ที่ไม่ปกติ
ไม่มีใครตอบคำถามนั้น เอ็ดเวิร์ดพยายามใช้พลังของเขาอ่านใจหญิงสาว หวังจะหาคำตอบและเข้าใจที่มาของเหตุการณ์นี้
แต่แล้ว เอ็ดเวิร์ดก็ชะงัก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป เืสีแดงสดไหลออกมาจากจมูก ดวงตา และปาก เขาะโออกมาทันที เสียงแหบแห้งด้วยความหวาดกลัวปนกับความใ "หลับตา! ทุกคนหลับตาเดี๋ยวนี้!" เป็เสียงจากปากของเขาเองหาใช่เสียงที่ส่งจากความคิดแบบปกติ
ทุกคนจึงรีบหลับตาทันทีเมื่อได้รับคำสั่ง แต่ก่อนที่ชาร์ลส์เขาจะหลับได้ตาสนิท เขาทันเห็นบางอย่างโผล่ออกมาจากเงามืดด้านหลังหญิงสาว มันมีรูปร่างคล้ายใบหน้าที่ประกอบขึ้นจากเส้นเอ็นเืสด ขยับไปมาเปลี่ยนรูปไม่หยุด กำลังยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย ฟันแหลมคมของมันเปื้อนไปด้วยเศษเนื้อและเื ภาพนั้นแทบจะแกะสลักลงในดวงตาสีน้ำตาลของเขา
ชั่วพริบตาที่ชายหนุ่มเห็นใบหน้าอันน่าสยดสยองนั้น ความเ็ปแล่นปราดเข้าสู่สมองราวกับถูกแทงด้วยเข็มนับร้อนพัน เือุ่นๆ พุ่งพรวดออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ไหลออกจากรูหู จมูก และปากของเขา รสคาวสนิมเอ่อล้นในปาก จนทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้ กลิ่นคาวเืรุนแรงจนแทบหายใจไม่ออก
ชาร์ลส์พยายามสุดความสามารถที่จะหลับตา แต่เปลือกตากลับไม่ยอมปิดลง ราวกับถูกตรึงให้เปิดค้างด้วยตะขอที่มองไม่เห็น ความเ็ปทวีคูณขึ้นทุกวินาที ภาพใบหน้าอสุรกายที่ประกอบขึ้นจากเส้นเอ็นเืสดยังคงปรากฏชัดในม่านตา แม้เืจะไหลอาบใบหน้าจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด รอยยิ้มอันชั่วร้ายและฟันแหลมคมที่เปื้อนไปด้วยเศษเนื้อและเืนั้น เหมือนจะกัดกินเข้ามาในจิติญญา
ในจังหวะวิกฤตนั้นเอง เสียงของเอ็ดเวิร์ดดังขึ้น แหบแห้งและเต็มไปด้วยความเ็ป "ฮฺเรโอดา!" เสียงร่ายคาถานั้นดังก้อง คลื่นกระแทกพุ่งออกจากมือเอ็ดเวิร์ด กระแทกเข้าใส่ทุกคนให้กระเด็นออกไป
ชาร์ลส์รู้สึกแรงกระแทกพุ่งชนปะทะร่าง ตัวของเขาลอยละลิ่วไปนอกประตูห้อง ความเ็ปแล่นริ้วไปทั่วร่าง เขาล้มลงกับพื้น หายใจไม่ออกชั่วขณะ
'วิ่ง! หนีออกไป!' เสียงของเอ็ดเวิร์ดดังก้องในหัวของทุกคน ผสานไปกับความเ็ปและความหวาดกลัว
ชาร์ลส์พยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล หายใจอย่างทรมาน แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้เขาฝืนความเ็ป พยายามวิ่งตามเพื่อนร่วมงานไปด้วยความยากลำบาก
ทัศนวิสัยของเขาพร่าเลือน เืสดยังคงเกาะติดที่ดวงตาและใบหน้า ทำให้มองเห็นทางแทบไม่ได้ ภาพหลอนของใบหน้าอสุรกายนั้นยังคงแจ่มชัดในความคิด ซ้อนทับกับภาพความเป็จริงตรงหน้า ทำให้เขาสับสนว่าอะไรคือความจริง อะไรคือภาพหลอน
เสียงหัวเราะอันชั่วร้ายดังก้องอยู่ในหู ผสมปนเปกับเสียงกรีดร้องของความเ็ปและหวาดกลัว ชาร์ลส์ไม่แน่ใจว่าเสียงนั้นมาจากภายนอกหรือภายในหัวของเขาเอง ขาของเขาอ่อนแรง แทบจะล้มลงทุกย่างก้าว แต่ความกลัวตายผลักดันให้เขาวิ่งต่อไป แม้จะแทบไร้เรี่ยวแรงแล้วก็ตาม
กลิ่นเน่าเหม็นและกลิ่นคาวเืโชยมาแรงขึ้น เมื่อศพสุนัขพุ่งออกมาขวางทางพวกเขา ร่างกายที่เน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งจนแสบจมูก เศษเนื้อหลุดร่วงตามการเคลื่อนไหว แต่มันยังคงเคลื่อนที่ได้อย่างว่องไวผิดธรรมชาติ ฟันแหลมคมของมันขบเข้าหากัน น้ำลายเหนียวข้นสีดำหยดลงพื้น
ในวินาทีนั้นเอง แอนดรูว์ะโขึ้น "หลบไป!" เขาพุ่งตัวเข้าหาศพสุนัขด้วยความเร็ว ขาเตะเข้าใส่ร่างของมันอย่างรุนแรง
สุนัขกระเด็นออกไป กระแทกกับผนังอย่างแรง เสียงกระดูกหักดังลั่นออกมา ร่างของมันแน่นิ่งไปชั่วขณะ แต่แล้วก็พยายามลุกขึ้นมาใหม่
"มันตายแล้ว! มันขยับอีกได้ยังไง!" ชาร์ลส์ร้องะโด้วยความตื่นใ
"ไม่รู้! แต่มันก็ขยับได้ไปแล้ว!" โจเซฟพูดเตือนสติ "รีบหนีไป! อย่าเสียเวลาสู้กับมัน!"
ทุกคนรีบวิ่งผ่านศพสุนัขไป ชาร์ลส์รู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านข้างตัวเขาเมื่อเคลื่อนที่ผ่านร่างของสุนัข กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงจนแสบตา แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดหายใจ
พวกเขามุ่งหน้าลงบันไดสู่ชั้นล่างอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าดังสนั่นบนขั้นบันไดไม้เก่าๆ แต่เมื่อมาถึงกลางทาง พวกเขาก็ต้องชะงักอีกครั้ง เมื่อเห็นศพสองร่างที่เคยถูกแขวนลอยไว้กลางห้องรับแขก บัดนี้ยืนขวางทางพวกเขาอยู่
ศพทั้งสองกรีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงที่ไม่น่าจะออกมาจากลำคุ์ได้ เสียงนั้นแหลมจนแก้วหูแทบแตก ทำให้ชาร์ลส์รู้สึกวิงเวียนและคลื่นไส้ พวกมันวิ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูง การเคลื่อนไหวของพวกมันผิดธรรมชาติ ราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกชักใยด้วยมือที่มองไม่เห็น
ทุกย่างก้าว เืและเศษเนื้อกระเด็นออกมาจากาแใหญ่บริเวณ่ท้อง กระดูกโผล่ออกมาจากิัที่เน่าเปื่อย ส่งเสียงน่าขนลุกทุกครั้งที่เคลื่อนไหว
โจเซฟะโคาถาด้วยเสียงสั่นเครือ "ฮฺเรโอดา!" คลื่นกระแทกออกจากมือของโจเซฟ กระแทกเข้าใส่ศพทั้งสองอย่างจัง
ศพทั้งสองกระเด็นล้มลง เสียงกระดูกหักในเศษเนื้อดังลั่นออกมา ร่างของพวกมันกระแทกกับพื้นอย่างแรง แต่แล้วก็พยายามจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง
โจเซฟกัดฟันเขาออกคำสั่ง "ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้!"
ศพทั้งสองชะงัก ร่างกายแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้อีก
"ไปกันต่อ!" เอ็ดเวิร์ดที่วิ่งตามมาจากด้านหลังะโ
พวกเขาวิ่งลงบันไดมาจนถึงชั้นล่าง เสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่ว มุ่งหน้าไปยังประตูทางออกด้วยความหวังสุดท้าย พอไปถึง ประตูถูกล็อกอย่างแ่า
"บ้าชิบ!" แอนดรูว์สบถ
แอนดรูว์พยายามพังประตูด้วยแรงทั้งหมดที่มี กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนขึ้นมาอย่างน่ากลัว เส้นเืที่คอเต้นตุบๆ เหงื่อไหลโชกกาย แต่ประตูไม่ขยับแม้แต่น้อย
'ถอยออกมา!' เสียงของเอ็ดเวิร์ดดังขึ้นในหัวทุกคน เขากำถุงหนังเล็กๆ ที่มีสายชนวนกำลังติดไฟ ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากไหน ยังไงตอนนี้ก็ไม่มีเวลาจะถาม เขาโยนมันไปทางประตูในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้